17 ธ.ค. 2019 เวลา 09:57 • ความคิดเห็น
"วัดนางตรา"บ้านปากนคร เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมานานแล้ว จนไม่สามารถสืบรู้ได้ว่าใครเป็นผู้สร้าง ด้วยความเป็นวัดขนาดเล็ก ตั้งอยู่กลางชุมชนของชาวบ้านผู้ยากจน มีโบถส์ ศาลาการเปรียญ กุฏิเป็นที่อาศัยของภิกษุ สามเณรตามสมควร ยังมีศาลาเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อ"ศาลแม่นางพญา"ศาลาแห่งนี้จะมีร่างทรงเจ้าแม่ มาเข้าทรงเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ชาวบ้านอยู่เป็นประจำ
พศ.2528 เหลืออีกเดือนเดียวจะออกพรรษา ยังไม่มีใครมาจองกฐินเลยแม้แต่คนเดียว คณะกรรมการวัดจึงส่งตัวแทนไปเชิญ พ.ต.อสรรเพชญ ธรรมาธิกุล(ยศขณะนั้น) มาเป็นประธานทอดกฐินที่วัดนางตรา ท่านก็รับคำด้วยความยินดี
วันทอดกฐิน พ.ต.อสรรเพชญพร้อมคณะ ได้ไปทอดกฐินที่วัดนางตรา หลังจบพิธีทางศาสนาแล้วได้ไปนั่งพักผ่อนที่ศาลาริมน้ำ ขณะนั้นมีการเข้าทรงที่ศาลเจ้าแม่นางพญา มีชาวบ้านมามุงดูเป็นจำนวนมาก มีชายคนหนึ่งเดินมาจากศาลเจ้าแม่นางพญา บอกว่าเจ้าแม่ต้องการพบท่าน
เมื่อพ.ต.อสรรเพชญเดินไปถึงหน้าร่างทรงๆเอ่ยด้วยความดีใจว่า "รอมาเป็น1,000ปีแล้ว" เมื่อท่านสรรเพชญนั่งลงใกล้ๆคนทรงๆก็จุดบุหรี่สูบ ทันใดนั้นท่านสรรเพชญก็คว้าบุหรี่ติดไฟ จี้เข้าไปที่แขนร่างทรง แต่ร่างทรงไม่ร้องสักแอะ แถมผิวหนังตรงที่ถูกจี้ยังไม่มีรอยไหม้อีกด้วย
ท่านสรรเพชญจึงถามว่า"เรียกผมมามีธุระอะไร" ร่างทรงเจ้าแม่ จึงกล่าวลำดับญาติบรรพบุรุษของท่านสรรเพชญ ระบุตำแหน่งดวงดาวต่างๆในชีวิตท่านอย่างถูกต้อง ร่างทรงกล่าวว่าเรียกท่านมาเพื่อขอให้ท่าน เป็นผู้สร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช และกล่าวถึงดวงเมืองนครที่ถูกสาป&บอกว่าท่านเป็นผู้เก็บรักษาดวงเมืองเอาไว้
ท่านสรรเพชญถึงกับอึ้งที่ร่างทรงรู้ และท่านก็ค้นคว้าเรื่องดวงเมือง&คำสาปแช่งมานาน ท่านสรรเพชญบอกว่า การสร้างหลักเมืองนั้นเป็นภาระฝ่ายปกครองไม่ใช่หน้าที่ท่าน แต่ร่างทรงมีแต่ท่านคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้
สมควรแก่เวลาแล้วท่านสรรเพชญ ก็กลับมายังที่พักท่านเริ่มเชื่อว่าร่างทรงนั้นคือของจริง เรื่องคำสาปที่ครอบงำเมืองนครศรีธรรมราชอยู่ หากสร้างศาลหลักเมืองแล้วจะคลายความเดือดร้อน แก่ชาวเมืองนคร
ตอนเย็นท่านสรรเพชญก็ย้อนกลับไปที่วัดนางพญาอีกครั้ง แต่การเข้าทรงเลิกไปแล้ว ลูกน้องของท่านจึงแนะนำให้ไปหาร่างทรงม้าจีน คือนายอะผ่อง สกุลอมร(โกผ่อง) เมื่อโกผ่องมาแล้วจึงจุดธูปกำหนึ่งเชิญเจ้าแม่นางพญาเข้าประทับทรง ท่านสรรเพชญจึงทดสอบด้วยกานจุดธูปกำใหญ่จี้ไปที่ท่อนขาร่างทรง จนได้ยินเสียงเนื้อไหม้-ควันโขมง ร่างทรงจึงพูดขึ้นว่า"อย่าทำยังงี้ ไม่เชื่อก็เอามีดมาฟันดีกว่า"
แต่องค์ที่มาประทับทรงรอบนี้คือ"พระยาชิงชัย"ซึ่งเป็นราชโอรสขององค์จตุคามรามเทพ ท่านสรรเพชญกล่าวว่าการสร้างศาลหลักเมืองเป็นเรื่องใหญ่ ต้องเป็นผู้มีอำนาจ&บารมีสูงจึงจะทำได้ แต่พระยาชิงชัยบอกว่าไม่มีใครสร้างได้ นอกจากท่านสรรเพชญคนเดียว
พระยาชิงชัยได้เอ่ยถึงโหราศาสตร์ขั้นสูง ซึ่งท่านสรรเพชญก็สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว การแก้อาถรรพ์คำสาปต้องกำหนดชะตาดวงเมืองใหม่ เพื่อลูกหลานจะได้อยู่เย็นเป็นสุข บ้านเมืองเจริญอุดมสมบูรณ์
ท่านสรรเพชญรับปากจะสร้างหลักเมือง จึงนัดหมายเข้าทรงอีกครั้งหนึ่ง ที่โกดังวัดชะเมา ร่างที่มาประทับทรงนั้นไม่บอกว่าท่านเป็นใคร แต่ถามท่านสรรเพชญว่า"รู้จักท่านั่งมหาราชลีลาหรือไม่ เขียนรูปให้ดูได้หรือไม่"
ท่านสรรเพชญจึงวาดท่า"มหาราชลีลา"ลงแผ่นกระดาษ ร่างที่ประทับทรงจึงบอกว่า"นี่แหละตัวเรา ไปชวนอ้ายหนวดเขี้ยว(พล.ต.ตขุนพันธรักษ์ราชเดช)มาช่วยสร้างหลักเมืองอีกคน อยากรู้ว่าท่านเป็นใคร ให้เอารูปมหาราชลีลาให้ขุนพันธ์ดูก็จะทราบเอง"
หลังจบการเข้าทรงแล้ว ท่านสรรเพชญกับลูกน้องก็ตรงไปหาขุนพันธ์ที่บ้าน ซึ่งขุนพันธ์ออกมารอรับที่หน้าบ้านอยู่แล้ว
ขุนพันธ์ได้เอ่ยขึ้นว่า"ทำไมยกขบวนมามากมายขนาดนี้"ท่านสรรเพชญ&ลูกน้องงงมากเพราะมากัน3-4คน(ขุนพันธ์เฉลยทีหลังว่าเห็นด้วยตาในว่ามีขบวนนักรบติดตามท่านมาอย่างคับคั่ง)
เมื่อเข้าไปในบ้าน ท่านสรรเพชญจึงเอารูปมหาราชลีลาให้ขุนพันธ์ดู (รูปพระเจ้าแผ่นดิน นั่งเข่าซ้ายราบกับพื้น มือซ้ายวางบนเข่าคล้ายพุทธรูปปางมารวิชัย ขาขวายกขึ้นชันเข่า วางข้อมือขวาบนหัวเข่า)
ขุนพันธ์เอ่ยขึ้นว่า"คุณรู้จักท่านได้อย่างไร นี่คือองค์จตุคามรามเทพ" ท่านสรรเพชญตอบว่า"ผมไม่รู้จักท่าน แต่ท่านรู้จักผม"
ท่านสรรเพชญก็เล่าเรื่องราวต่างๆให้ขุนพันธ์ฟังโดยละเอียด พร้อมบอกว่าองค์จตุคามขอให้ขุนพันธ์มาช่วยสร้างหลักเมืองอีกแรงหนึ่ง ขุนพันธ์รับปากด้วยความเต็มใจ
ท่านสรรเพชญจึงเริ่มงานสร้างศาลหลักเมือง นำเรื่องไปปรึกษาสมาชิก"ชมรมนครศรีธรรมราช28"ที่ท่านตั้งขึ้น ท่านสรรเพชญเกิดที่จ.สุราษฎร์ธานี แต่มาโต-เรียนหนังสือที่จ.นครศรีธรรมราช จึงมีเพื่อนรุ่นเดียวกัน-ต่างรุ่นมากมาย จึงตั้งชมรมขึ้นมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ชาวนครศรีธรรมราชรู้ว่าจะมีการสร้างศาลหลักเมือง ทำธงสีเหลืองผืนใหญ่ ตรงกลางผืนเป็นรูปพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ล้อมรอบด้วย12นักษัตร ด้านล่างเขียนข้อความ"จันทรภาณุนครศรีธรรมราช" ธงนี้ถูกนำไปติดที่พระบรมธาตุโดยรอบ
องค์จตุคามรามเทพบอกท่านสรรเพชญให้เสาะหาไม้ตะเคียนทองบนเขาหลวง กลุ่มคณะท่านสรรเพชญจึงประกาศให้ประชาชนให้ช่วยตามหา
นายพรานคนหนึ่งเดินทางมาหาท่านสรรเพชญ ว่ามีต้นตะเคียนทองต้นหนึ่งอายุ60ปีแล้วต้นไม่ใหญ่มาก พื้นดินรอบโคนต้นสะอาดเหมือนมีใครมาปัดกวาดตลอดเวลา ท่านสรรเพชญจึงให้นายปทุมซึ่งมีอาชีพค้าไม้เป็นธุระในการโค่นต้นตะเคียนดังกล่าว แต่หลังจากโค่นแล้วไม้ตะเคียนร่วงลงไปในเหวลึกนำขึ้นมาไม่ได้
องค์จตุคามรามเทพทราบเรื่องจึงให้นายปทุมนำหมากพลูไปเซ่นเทวดาอารักษ์ นำผ้าเหลืองเขียนยันต์ให้นายปทุมโพกศีรษะ จึงสามารถนำไม้ตะเคียนขึ้นมาโดยง่าย
การนำต้นตะเคียนทองเข้าเมืองนครนั้น ได้จัดพิธีต้อนรับ&เครื่องเซ่นครบครัน องค์จตุคามรามเทพได้ทำผ้ายันต์1ชุด มี2แบบเรียกว่า"ผ้ายันต์สุริยัน-จันทรา" ขณะรอฤกษ์นำต้นตะเคียนทองเข้าเมือง ได้นิมนต์พระมาสวดชัยมงคลคาถา หลังจากทำพิธีครบถ้วนแล้ว จึงอัญเชิญต้นตะเคียนทอง เข้าเก็บรักษาไว้รอทำหลักเมืองต่อไป
เมื่อทำการแกะหัวเสาหลักเมืองเป็นรูปเทพยดา4หน้า2ชั้น ส่วนนัยย์ตาหลักเมือง องค์จตุคามรามเทพให้ท่านสรรเพชญ ไปหาไม้ค้ำฟ้า จากยอดเขาแห่งหนึ่ง เมื่อท่านสรรเพชญส่งคนไปหาก็พบเป็นตอไม้ค้ำฟ้าที่ตายแล้วเหลือแต่ต่อ เมื่อขุดตอไม้ค้ำฟ้าขึ้นมาก็เกิดพายุฝนตกต่อเนื่องหลายวัน จนน้ำท่วมหลายหมู่บ้าน เมื่อทำเสาหลักเมืองเสร็จแล้วก็ต้องสร้างศาลหลักเมือง
คณะกรรมการจึงมอบหมายให้ พล.ต.ตขุนพันธรักษ์ราชเดชเป็นประธาน โดยสร้างวัตถุมงคลเป็นที่ระลึกเพื่อนำเงินสร้างศาลหลักเมือง ได้สร้างกันหลายรุ่นหลายวาระ สำหรับรุ่นที่นิยมสูงสุด คือจตุคามรามเทพรุ่นสุริยัน-จันทรา30ที่ขุนพันธ์เป็นคนปลุกเสกนั่นเอง
ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ"คนใต้หนังเหนียว พล.ต.ตขุนพันธรักษ์ราชเดช ของชานนท์ ท.
เป็นบทความแรกที่ตั้งใจเขียนมากกกกก(ก.ล้านตัว) พยามย่อความให้สั้น&เข้าใจง่ายที่สุด กลัวว่าคนอ่านจะเบื่อ แต่สุขใจเมื่อเห็ยอดอ่านที่เพิ่มขึ้น ในแต่ละpostผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณที่นี้ ขอบคุณอีกครั้งครับ
ขุนพันธรักษ์ราชเดช
ขุนพันธรักษ์ราชเดช
Thanks like love comments all fc @min Rookie
โฆษณา