23 ธ.ค. 2019 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
“อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) ประธานาธิบดีผู้เป็นที่รักของอเมริกันชน” ตอนที่ 7 (ตอนจบ)
บทสุดท้ายของลินคอล์น
ค.ศ.1864 (พ.ศ.2407) อับราฮัมได้เป็นประธานาธิบดีมาจะครบหนึ่งสมัยแล้ว และการเลือกตั้งก็ได้มีกำหนดในเดือนพฤศจิกายน
แต่เนื่องจากเวลานั้นเป็นช่วงเวลาของสงครามกลางเมือง ที่ปรึกษาของเขาจึงแนะนำให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปจนกว่าสงครามจะจบ
3
แต่อับราฮัมได้ปฏิเสธ เขากล่าวว่าจะมีรัฐบาลเสรีที่ปราศจากการเลือกตั้งไม่ได้ และรัฐบาลต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนส่วนมาก มิเช่นนั้น ตัวเขาก็คือเผด็จการที่กระหายอำนาจและไม่ยอมลงจากตำแหน่ง (น่ายกย่องจริงๆ) ดังนั้นการหาเสียงเลือกตั้งจึงได้ดำเนินไป ถึงแม้ว่าประชาชนในรัฐที่เป็นกบฎจะไม่ออกเสียงก็ตาม
1
คู่แข่งของเขาคือ “จอร์จ บี. แมคเคิลแลน(George B. McClellan)” นายพลผู้ลังเลที่จะโจมตีซึ่งเคยอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา
ในระหว่างที่หาเสียง แมคเคิลแลนกล่าวว่าเขาจะทำให้สงครามนี้จบลงได้
จอร์จ บี. แมคเคิลลาน (George B. McClellan)
อับราฮัมนั้นไม่มั่นใจเลยว่าจะชนะ ประชาชนต่างเบื่อหน่ายสงคราม และพวกเขาก็พร้อมที่จะเลือกคนที่สามารถทำให้สงครามจบลงได้เร็วที่สุด
แต่อับราฮัมมีคะแนนจากพวกทหาร ทำให้พออุ่นใจได้บ้าง
แต่ก่อนที่จะถึงเวลาเลือกตั้ง สหพันธรัฐก็ได้ชนะในศึกต่างๆ สามารถยึดฐานที่มั่นในจุดต่างๆ ชัยชนะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเกือบจะชนะสงครามได้อย่างเด็ดขาด ทำให้ประชาชนเริ่มจะศรัทธาอับราฮัม
9 เมษายน ค.ศ.1865 (พ.ศ.2408) “โรเบิร์ต อี ลี (Robert E. Lee)” นายพลผู้นำกองทัพฝ่ายใต้ได้ตกลงยอมแพ้ ทำให้สงครามจบลงในที่สุด
โรเบิร์ต อี ลี (Robert E. Lee)
กองทัพฝ่ายอับราฮัมนั้นดูแลกองทัพฝ่ายใต้อย่างดี ไม่มีการแห่ประจาน อีกทั้งยังมีการเลี้ยงอาหารกองทัพฝ่ายใต้ ซึ่งเป็นความต้องการของอับราฮัม
ที่วอชิงตัน ฝูงชนที่ตื่นเต้นกับข่าวชัยชนะต่างมาล้อมทำเนียบขาวและตะโกนเรียกอับราฮัม ซึ่งอับราฮัมก็ได้ให้วงดนตรีเล่นเพลงของฝ่ายใต้เพื่อประกาศว่าไม่มีการแบ่งฝ่ายอีกแล้ว
อับราฮัมเฝ้ารอวันนี้มานานแล้ว และรัฐสภาเองก็ได้ออกคำแปรญัตติฉบับที่ 13 ที่กำหนดให้การถือครองทาสทั่วประเทศเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
ในพิธีรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง อับราฮัมได้กล่าวต่อประชาชนว่าเขายินดีต้อนรับรัฐกบฎกลับคืนสู่สหพันธรัฐ ท่ามกลางประชาชนที่มาฟังจำนวนมาก
ในบรรดาคนที่มาฟังเขาพูด ไม่ใช่ทุกคนจะยินดีไปกับคำพูดของอับราฮัม
หนึ่งในคนที่ไม่พอใจคือ “จอห์น วิลค์ส บูธ (John Wilkes Booth)”
จอห์น วิลค์ส บูธ (John Wilkes Booth)
บูธและพรรคพวกยืนฟังด้วยความไม่พอใจ พวกเขากำลังวางแผนฆ่าอับราฮัม
บูธนั้นเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จ บางคนยกย่องเขาว่าเป็นชายที่หล่อที่สุดในสหรัฐอเมริกา
ที่สำคัญที่สุดคือบูธนั้นภักดีต่อฝ่ายใต้ เขาเชื่อในการมีทาส และคิดว่าการถือครองทาสนั้นเป็นผลดีต่อทั้งคนขาวและคนดำ
บูธเกลียดอับราฮัม เขาคิดว่าอับราฮัมนั้นไม่มีวัฒนธรรม และกำลังทำลายประเทศชาติ
ภายหลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองได้ไม่นาน ค่ำคืนหนึ่ง อับราฮัมก็ได้ฝันร้าย
ในฝันนั้น อับราฮัมได้เดินเข้าไปในทำเนียบขาว และเห็นโลงศพซึ่งบรรจุร่างของตนเอง
เมื่อถามทหารยามว่าเกิดอะไรขึ้น ทหารยามก็ตอบว่าได้มีคนสังหารประธานาธิบดี
สามวันต่อมา 14 เมษายน ค.ศ.1865 (พ.ศ.2408) อับราฮัมก็ได้เดินทางไปชมการแสดงละครเวทีที่โรงละครฟอร์ดกับแมรี่และเพื่อนๆ โดยอับราฮัมนั้นต้องการจะพักผ่อนหลังจากทำงานหนักมานาน
1
ในโรงละคร อับราฮัมนั่งบนเก้าอี้โยกโดยมีแมรี่นั่งอยู่ข้างๆ คล้องแขนและหยอกล้ออย่างอารมณ์ดี
บูธได้ข่าวว่าอับราฮัมจะเดินทางมาที่โรงละครแห่งนี้ และด้วยความที่บูธเป็นนักแสดง และเคยแสดงที่โรงละครแห่งนี้มาก่อน เขาจึงรู้เส้นทางในโรงละครแห่งนี้ดี และก็ไม่มีปัญหาในการเข้าไปในโรงละคร ไม่มีใครสงสัย เนื่องจากเขาเป็นนักแสดง
บูธได้ย่องขึ้นไปบนชั้นสองที่อับราฮัมนั่งชมการแสดง เขาค่อยๆ ย่องไปทางด้านหลัง และยิงปืนใส่อับราฮัมทางด้านหลัง
เสียงปืนของบูธถูกกลบด้วยเสียงผู้ชมในโรงละครที่กำลังหัวเราะ ซึ่งบูธก็อาศัยจังหวะที่แมรี่กับทหารยามตกตะลึง กระโดดโหนผ้าม่านลงมาบนเวที ก่อนจะวิ่งหนีไป
อับราฮัมนั้นไม่ได้ตายในทันที เขาถูกแบกไปยังบ้านที่อยู่ตรงข้ามโรงละคร
เตียงในบ้านหลังนั้นเล็กเกินกว่าที่ร่างสูงของอับราฮัมจะนอนลงไปได้ จึงต้องนำหมอนมารองเท้าเขาไว้
ครอบครัว หมอ ที่ปรึกษาของเขาได้มาล้อมเตียงของเขา เฝ้าดูแล ซึ่งอับราฮัมก็อยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลานานกว่าเก้าชั่วโมง ก่อนจะเสียชีวิตในเวลา 7.22 น. ของเช้าวันรุ่งขึ้น
อับราฮัมมีอายุได้ 56 ปี
ทางด้านของบูธนั้น เขาถูกยิงตายภายหลังจากที่พยายามหลบหนี
บูธนั้นคิดว่าสิ่งที่ตนทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรจะได้รับการยกย่อง แต่ปรากฎว่าผู้คนทั่วประเทศต่างเศร้าใจกับการจากไปของอับราฮัม มีผู้คนมาแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก โดยศพของอับราฮัมถูกนำใส่โลง ขึ้นรถไฟกลับไปยังสปริงฟิลด์
งานศพของอับราฮัม ลินคอล์น
ในทุกวันนี้ อับราฮัม ลินคอล์นยังคงเป็นประธานาธิบดีที่เป็นที่รักของผู้คน มีการสร้างอนุสรณ์สถานรวมถึงยกย่องเขามากมายทั่วประเทศ
หลายคนมองเขาเป็นพระเจ้า ซึ่งในความเป็นจริงนั้น เขาก็คือคนธรรมดา เขาทำผิดพลาดและยังมีแนวคิดที่อาจจะยอมรับได้ยากในปัจจุบัน
แต่ผลงานของเขาก็ได้พิสูจน์ว่าเขาต่างจากคนอื่นๆ เขาทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงเวลาที่เลวร้าย
และที่สำคัญ แม้แต่คนที่แอนตี้อเมริกัน หลายๆ คนก็ยังต้องยอมรับว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีจริงๆ
จบลงแล้วสำหรับซีรีย์ชุดนี้ ซีรีย์เรื่องต่อไปจะเป็นเรื่องอะไร ต้องติดตามอ่านนะครับ
โฆษณา