25 ธ.ค. 2019 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
“สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ (Elizabeth I of England) พระประมุของค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ทิวดอร์ ตอนที่ 2
ราชินีองค์ใหม่
ขณะที่เจ้าหญิงเอลิซาเบธมีพระชนมายุได้ 13 พรรษา พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ได้สวรรคต
1
ในขณะนั้นเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดซึ่งเป็นองค์รัชทายาทมีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา แต่พระองค์ก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษ ทรงมีพระนามว่า “พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 (Edward VI)”
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6
แต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 ก็ไม่ได้มีพระชนม์ยืนนัก พระองค์ครองราชย์เพียงไม่กี่ปีก็สวรรคตขณะมีพระชนมายุเพียง 15 พรรษา
2
เมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 สวรรคต เจ้าหญิงแมรี่ ซึ่งเป็นพระราชธิดาองค์ใหญ่ในพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็น “สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ (Mary I of England)”
สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ (Mary I of England)
ขณะนั้น พระราชินีแมรี่มีพระชนมายุ 37 พรรษาแล้ว และภายหลังจากขึ้นครองราชย์ไม่นาน พระองค์ก็ได้ทำการอภิเษกสมรสกับ “พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน (Philip II of Spain)” ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเจ้าชายฟิลิปแห่งสเปน
1
พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน (Philip II of Spain)
เจ้าชายฟิลิปนั้นทรงนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกเช่นเดียวกับพระราชินีแมรี่ ซึ่งพระราชินีแมรี่เองก็ทรงมีรับสั่งให้ประชาชนนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก หากใครขัดขืนจะมีโทษประหาร
ในรัชสมัยของพระราชินีแมรี่ พระองค์ทรงมีรับสั่งให้เผาคนทั้งเป็นกว่า 250 คน
2
ชาวอังกฤษต่างเกลียดชังพระราชินีแมรี่และเรียกพระองค์ว่า “แมรี่ กระหายเลือด (Bloody Mary)”
นอกจากความโหดเหี้ยมของพระราชินีแมรี่แล้ว ชาวอังกฤษยังไม่พอใจที่พระราชินีแมรี่ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายฟิลิป เนื่องจากเจ้าชายฟิลิปนั้นเป็นเจ้าจากสเปน และชาวอังกฤษก็ไม่พอใจที่จะให้เจ้าชายจากดินแดนอื่นมามีอำนาจในอังกฤษ
นอกจากความโหดเหี้ยมต่อประชาชน พระราชินีแมรี่ยังทรงเกลียดชังเจ้าหญิงเอลิซาเบธ เนื่องจากพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ได้ทรงหย่ากับพระราชมารดาของพระองค์เพื่ออภิเษกสมรสกับพระราชินีแอนน์ โบลีน พระราชมารดาของเจ้าหญิงเอลิซาเบธ
2
นอกจากนั้น พระองค์ยังไม่ทรงวางพระทัยในเจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระองค์เกรงว่าเจ้าหญิงเอลิซาเบธอาจจะทรงวางแผนโค่นล้มพระองค์และขึ้นเป็นราชินีซะเอง
พระราชินีแมรี่จึงทรงมีรับสั่งให้จับเจ้าหญิงเอลิซาเบธไปขังไว้ในคุก
3
ในค่ำคืนที่เหน็บหนาวและฝนพรำ เจ้าหญิงเอลิซาเบธถูกควบคุมองค์ทางเรือไปคุมขังไว้ในหอคอยลอนดอน ซึ่งขณะนั้น พระองค์เพิ่งจะมีพระชนมายุเพียง 19 พรรษา
1
เรือนั้นได้ผ่านสะพานลอนดอน และเหนือสะพานนั้นก็ได้มีการแขวนคอของเหล่ากบฎ เสียบไว้บนเสาเหนือสะพาน
2
เรือได้มาถึงคุกที่คุมขังแล้ว ซึ่งในทีแรก เจ้าหญิงเอลิซาเบธได้ขัดขืน ไม่ยอมเสด็จ แต่พระองค์ก็ทรงต้องการให้เห็นว่าการคุมขังพระองค์นั้นไม่ยุติธรรม พระองค์ไม่ได้ทรงทำอะไรผิด พระองค์จึงตัดสินพระทัย ก้าวขึ้นบันได เข้าไปยังคุกที่คุมขัง
1
เจ้าหญิงเอลิซาเบธทรงใช้เวลาอยู่ในคุกกว่าสองเดือน ซึ่งตลอดเวลานั้น พระองค์ทรงเขียนจดหมายถึงพระราชินีแมรี่ โดยกล่าวว่าพระองค์นั้นบริสุทธิ์ แต่พระราชินีแมรี่ก็ไม่ทรงสนพระทัย
แต่ภายหลัง พระราชินีแมรี่ก็ได้มีรับสั่งให้ปล่อยเจ้าหญิงเอลิซาเบธออกจากคุก แต่เจ้าหญิงเอลิซาเบธก็ต้องถูกควบคุมองค์ และประทับอยู่ในพระราชวังที่ถูกจัดไว้โดยมีคนคอยสังเกตการณ์ตลอดเวลา
3
เจ้าหญิงเอลิซาเบธต้องทรงเก็บทุกอย่างที่คิดไว้ในพระทัย ไม่มีสิทธิมีเสียง
พระราชินีแมรี่ได้ทรงพยายามที่จะมีองค์รัชทายาท พระองค์ทรงต้องการรัชทายาทที่จะปกครองอังกฤษและบังคับให้ประชาชนเป็นคาทอลิก ภายหลังจากสิ้นรัชสมัยของพระองค์
แต่ความพยายามของพระองค์ไม่เป็นผล และพระพลานามัยของพระองค์ก็เริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ
พระราชินีแมรี่ต้องเผชิญหน้ากับความจริง ในเมื่อพระองค์ไม่มีรัชทายาท ผู้ที่จะขึ้นเป็นราชินีต่อจากพระองค์ก็คือเจ้าหญิงเอลิซาเบธ
3
แต่ถึงอย่างนั้น พระราชินีแมรี่ก็ทรงรอจนวินาทีสุดท้าย ขณะที่อยู่บนเตียงใกล้จะสวรรคต พระองค์ถึงยอมประกาศว่าเจ้าหญิงเอลิซาเบธคือราชินีองค์ใหม่
พระราชินีแมรี่สวรรคตเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ.1558 (พ.ศ.2101)
ขณะนั้นเจ้าหญิงเอลิซาเบธกำลังทอดพระเนตรหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้ และอยู่ๆ ก็ได้มีขุนนางสองนายได้ขี่ม้ามาหาพระองค์
หนึ่งในสองได้ถวายพระธำมรงค์ของราชวงศ์ให้พระองค์ ซึ่งเป็นพระธำมรงค์ที่พระราชินีแมรี่ทรงใส่
1
ในที่สุด เจ้าหญิงเอลิซาเบธก็ได้ขึ้นเป็นราชินี
ขณะนั้นเจ้าหญิงเอลิซาเบธมีพระชนมายุได้ 25 พรรษา
เจ้าหญิงเอลิซาเบธได้เข้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขึ้นเป็นพระราชินีในวันที่ 15 มกราคม ค.ศ.1559 (พ.ศ.2102) ที่โบสถ์มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
1
พระองค์ทรงมีพระนามว่า “สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ (Elizabeth I)”
ในภาพวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์ทรงถือคทา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ส่วนพระหัตถ์ซ้ายนั้นวางไว้บนลูกโลก ซึ่งสื่อความหมายว่าอำนาจของพระองค์นั้นแผ่ไปทั่วโลก
1
ตอนนี้พระราชินีเอลิซาเบธได้ทรงเรียนรู้บทเรียนหนึ่งอย่าง นั่นคือคนใกล้ชิดพระองค์อาจจะหักหลังพระองค์ได้ทุกเมื่อ พระองค์ต้องทรงระมัดระวังและทันคน พระองค์ถึงจะครองอำนาจต่อไปได้
1
ในวันแรกที่พระองค์ขึ้นเป็นราชินี พระองค์ได้ถูกแห่ไปกลางกรุงลอนดอนท่ามกลางการต้อนรับของประชาชน ซึ่งพระองค์ก็ทรงมีรับสั่งให้หยุดขบวนตลอดทางเพื่อทักทายประชาชนและตรัสขอบคุณประชาชน
2
จากนั้นก็ได้มีงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่ในพระราชวังไวต์ฮอล โดยมีขุนนางและแขกกว่า 800 คนร่วมงานเลี้ยง มีการเต้นรำและการแสดงต่างๆ
จากนั้นก็ได้มีอัศวินขี่ม้าเข้ามาในงาน และทำการโยนถุงมือลงไปที่พื้น ซึ่งนี่คือการท้าทาย หากอัศวินคนใดไม่ภักดี ก็จะต้องฝ่าด่านอัศวินที่อยู่บนหลังม้าก่อนจะไปถึงองค์ราชินี
ชีวิตในฐานะองค์ราชินีของพระราชินีเอลิซาเบธได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว พระองค์จะเป็นอย่างไรต่อไป
ติดตามได้ตอนหน้านะครับ
โฆษณา