26 ธ.ค. 2019 เวลา 10:31 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ภาค 2 ตอนที่ 19
วันที่ 18 ธันวาคม 2561(ต่อ2)
ผมขับรถออกจากแหลมหาดลึกเข้าไปในเกาะ ลักษณะชุมชนและผู้คนเหมือนหมู่บ้านต่างจังหวัดทั่วๆไป แต่จากที่เห็นผู้คนส่วนใหญ่ผู้คนบนเกาะยาวจะเป็นชาวมุสลิม ผมเริ่มหิวข้าวก็เลยเริ่มมองหาร้านอาหาร จนไปเจอร้านข้าวหมกไก่ร้านหนึ่ง ผมก็แวะกินเพื่อเติมพลังงาน ผู้คนที่ผมเจอและแม่ค้าที่ร้านดูมีอัธยาศัยดีมาก ผมชอบนะบรรยากาศแบบนี้ ต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวเกาะอื่น ๆ
ผมขับมอเตอร์ไซรับลมเย็นๆบนเกาะต่อไป จนไปถึงที่แห่งหนึ่งชื่อบ้านคลองบอน ผมก็เลยตัดสินใจแวะเข้าไปดูว่ามีอะไร
บ้านคลองบอน
ผมไปเจอสะพานคอนกรีตยาวๆทอดออกไปในทะเล ซึ่งดูแลช่วงเวลานี้เป็นช่วงน้ำลง เพราะเห็นเรือจอดเกยตื้นอยู่เยอะ
สะพาน
วิวตรงนี้ก็สวยไปอีกแบบ เพราะมีเกาะเล็กๆที่อยู่ใกล้โผล่เด่นตะหง่านให้ได้มองดูกัน มีเรือชาวบ้านจอดอยู่ที่ฝั่งเรียงราย
วิว
ตรงนี้เค้ามีบริการเรือท่องเที่ยวออกไปตกปลาและพาไปเที่ยวเกาะใกล้ๆแถวนี้ แต่ดูบรรยากาศแล้วครึ้มฟ้าครึ้มฝนน่าดู
ที่บริการเที่ยว
จากนั้นผมตัดสินใจขับรถไปต่อ ตั้งใจว่าจะไปให้สุดอีกฝั่งของเกาะ ซึ่งวิวระหว่างทางก็สวยงามมาก แต่ผมก็ต้องรีบมากขึ้น เพราะกลัวฝนจะตกก่อน
ท่าเรือชุมชนตำบลพรุใน(แหลมใหญ่)
ผมไปจนถึงท่าเรือชุมชนตำบลพรุใน(แหลมใหญ่) ซึ่งตรงนี้เค้ามีบริการเรือเฟอร์รี่ คือสามารถขนรถยนต์ข้ามเกาะตรงนี้ได้นั้นเอง ผมก็สอบถามข้อมูลการเดินเรือต่างๆกับพนักงานขายตั๊วเรือที่ทางลง ซึ่งเค้าก็บอกว่าถ้าจะกลับภูเก็ตขึ้นตรงนี้ได้เลย แต่ผมก็บอกว่าจะเลือกไปกลับอีกท่าหนึ่ง
จุดขายตั๊ว
เรอเฟอร์รี่ขนรถยนต์
ทีนี้ผมก็หันรถกลับ แต่โชคก็เริ่มไม่เข้าข้างผมเท่าไหร่ เพราะผมเริ่มตกปอยๆแต่ก็ก็ยังขับรถไปต่อ เพราะกลัวว่ามันจะตกหนักเรื่อยๆไม่หยุดง่ายๆ
ถ้าไม่รีบวันนี้อาจไม่ได้กลับ แต่ตัวผมก็เริ่มเปียกชื้น กล้องอุปกรณ์ต่างๆผมเอาหลบไว้ใต้เบาะรถ ผมขี่รถมุ่งหน้ากลับอีกฝั่งหนึ่งของเกาะ จนสักพักฝนก็ตกหนักมากขึ้นผมจึงตัดสินใจเข้าหลบหน้าบ้าน ของชาวบ้านในระแวกนั้น
ฝนก็ได้แต่ขอให้หยุดเร็วๆ
หลบฝน
ตอนผมเข้ามาก็สังเกตว่ามีคนอยู่ในบ้านก็ตะโกนบอกว่าขอหลบฝนหน่อยนะครับ แต่ก็เหมือนว่าไม่มีใครได้ยิน อาจจะเพราะเสียงฝนตกหนักนั้นเอง พอฝนหยุด ผมก็ตะโกนบอกเค้าว่า ขอบคุณครับ แล้วผมก็ออกเดินทางไปจนไปถึงท่าเรือคลองเหียเกาะยาวใหญ่ พังงา ซึ่งผมจะขึ้นเรือที่นี่กลับภูเก็ต
ท่าเรือคลองเหียเกาะยาวใหญ่ พังงา
ซึ่งท่าเรือแห่งนี้สามารถไปทั้งภูเก็ตและกระบี่ได้ มีป้ายบอกทางเหมือนบนถนนเลย ผมก็ได้โทรแจ้งเจ้าของรถให้เช่าว่าผมจะกลับแล้วจะคืนรถ เค้าก็บอกว่าจอดรถไว้ที่ท่าเรือได้เลย เดี๋ยวเค้าจะมาเอาเอง
ขากลับผมเลือกที่จะนั่งเรือสปี๊ดโบท เพราะตรงนี้เวลานี้อย่างอื่นน่าจะไม่มีและเวลาก็เย็นมากแล้ว
เตรียมขึ้นเรือ
ท่าเรือนี้ก็จะมีเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าคอยตรวจเช็คผู้โดยสารต่างๆก่อนออกเรือ โดยตอนออกเรือนั้นเค้าก็ให้ผู้โดยสารทั้งหมดนั่งอยู่ภายในเรือไม่ให้ไปนั่งด้านหน้าเรือ ระหว่างเดินทางกลับผมก็คุยกับพี่ที่ดูแลเรือและผู้โดยสาร จนสักพักเราก็ไปนั่งอยู่ด้านหน้าเรือได้ เค้าบอกว่าทางกรมเจ้าท่ามีกฏไม่ให้ผู้โดยสารนั่งด้านนอกเรือเวลาเดินทาง แต่ออกมาจากเกาะและก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่เค้าก็จะคอยระวังดูแลอยู่ ตอนแรกผมก็คิดว่าต้องระวังอะไรเพราะเรือก็วิ่งราบเรียบดี ถึงแม้ว่าด้านหน้าจะมืดครึ้ม
มุ่งหน้ากลับ
ผมรู้สึกว่าทะเลตรงนี้ราบเรียบดูมาก เพราะเรือนี่แล่นนิ่มเลย แต่พอเรือพ้นจากโซนอ่าวเกาะออกไปด้านนอก คลื่นลมก็เริ่มแรง เรือเริ่มกระโดดโต้คลื่น
และผมก็ได้เข้าใจว่าทำไมเค้าห้ามนั่งหน้าเรือ เพราะเวลาเรือกระโดดถ้าเราไม่ระวังจับราวไว้ เราก็อาจกระเด็นตกเรือได้ แต่ผมก็พี่ๆผู้ชายอีกสองคนก็นั่งอยู่ด้านนอกอย่างนั้นละ สำหรับผมแล้วก็สนุกดีโต้คลื่นไปเรื่อย
จนเรือพาเราไปถึงท่าเรือบางโรงภูเก็ต บังที่ดูแลเรือที่นั่งมาก็ให้นามบัตรผมไว้และบอกว่าถ้าจะมาเที่ยวเกาะยาวอีกสามารถติดต่อเค้าได้เลย ที่จริงมีกิจกรรมไปเที่ยวตามเกาะอีกเยอะเลย
กลับถึงท่าเรือบางโรง
ผมขับรถเพื่อมุ่งหน้ากลับตัวเมืองภูเก็ต แต่ระหว่างทางผมก็เลือกแวะท่าเรืออ่าวปอ ภูเก็ต เพื่อไปสำรวจข้อมูลหน่อย เพราะได้ยินมาว่าที่นี่เป็นที่เริ่มใช้ริชแบนสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ก็ได้ทราบจากคำบอกเล่าว่าตอนนี้ระงับการใช้งานไว้ชั่วคราวเนื่องจากมีปัญหาภายในกับทางผู้ประกอบการเรื่องค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
ผมเดินไปดูที่ท่าที่เรือกำลังเข้าจอด พบว่าการจอดเรือเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะคลื่นลมแรง ในจังหวะที่ผมไปยืนดู เชือกที่ผูกเรือเข้ากับเสาคอนกรีตที่ใช้ในการเทียบเรือให้ผู้โดยสาร เชือกก็ขาดลงต่อหน้าต่อตาผมเลย มันเป็นจังหวะที่คลื่นกำลังโยกเรือ และคนกำลังทะยอยจะขึ้นท่า แต่โชคดีที่จังหวะเชือกขาดไม่มีคนก้าวข้ามพอดี ช่วงคลื่นลมแรงนี่ก็ดูอันตรายไม่น้อย
เรือเทียบส่งผู้โดยสาร
ซึ่งผมก็สังเกตและสอบถามอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง ก็รู้ว่ามีเรือบางลำที่ท้องเรือแตกจอดอยู่เพราะเรือไปกระแทกกับท่าเรือนั้นเอง บางจุดจอดเรือยากก็จะจอดซ้อนกับอีกลำที่จอดเทียบไว้เพื่อส่งผู้โดยสาร
ส่งผู้โดยสาร
ปกติเราเคยมาแต่ท่องเที่ยว แต่ครั้งนี้เรามาเพื่อเก็บข้อมูล ทำให้เห็นอะไรหลายๆอย่าง เราเคยแต่มาเห็นช่วงท่องเที่ยวสนุกๆแต่พอรู้ถึงปัญหาต่างๆของลม คลื่น พายุ ที่ต้องเจอ เค้าก็คงลำบากกันไม่น้อย มันไม่เหมือนอยู่บนท้องถนน ที่อาจจะเจอปัญหารถติดซะส่วนใหญ่
ผมขับรถกลับเข้าเมืองและต้องเอาข้อมูลวันนี้กลับไปนั่งทำสรุปตอนกลางคืน ในสิ่งที่สำรวจและพบเจอมาวันนี้ และในระหว่างขากลับ ผมก็ไปเจอสถานที่แห่งหนึ่งที่เป็นความทรงจำ เมื่อหลายปีก่อนผมเคยทำงานอยู่ที่ภูเก็ต และเจ้า Wavei110 ที่ผมใช้ขับตะลอนเที่ยวไปเรื่อย ผมก็ออกมัน ณ จังหวัดภูเก็ตแห่งนี้
สถานที่กำเนิดเจ้า Wavei110
ผมได้ผ่านร้านที่ผมออกรถนั้นเอง ที่จริงภูเก็ตก็เป็นจุดเริ่มในการขับมอเตอร์ไซเดินทางไกลครั้งแรกของผม ตอนนั้นไม่ได้มีความคิดในการขับมอเตอร์ไซท่องเที่ยวอะไร หรือจะเดินทางโโยใช้มอเตอร์ไซ ตอนนั้นผมแค่อยากจะลองเฉยๆและเป็นจังหวะที่ผมต้องย้ายที่ทำงานจากภูเก็ตไปทำที่อื่น ผมเลยตัดสินใจขับ Wavei จากภูเก็ตไปจนถึงกรุงเทพ และนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ผมขับมอเตอร์ไซเดินทางไกล ขอบคุณที่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา