27 ธ.ค. 2019 เวลา 14:03 • ไลฟ์สไตล์
"Special ep 2 : เคว้ง...ที่ฮาลองเบย์กับการโดนเทข้างทาง 🍃"
หลังจากที่ได้พาทุกคนไปชิมกาแฟไข่กันไปแล้ว จุดหมายต่อไปที่ผมได้ปักหมุดเอาไว้ก็คือ "ฮาลองเบย์" แต่เดี๋ยวก่อนนี่ไม่ใช่เพจ wornstory (ขออนุญาตพี่วร 😂🙏) ที่จะพาเที่ยวรอบโลก ดังนั้น ผมจึงคัดแต่ช่วงเด็ด ๆ ของทริปมาฝากผู้อ่านครับ
ซึ่งไฮไลท์ของทริปนี้ไม่ใช่การพายเรือ
คายัคกลางทะเล หรือเข้าชมถ้ำมังกรสวรรค์
แต่เป็นช่วงที่พวกผม "ถูกเท" ระหว่างการเดินทางกลับต่างหาก
1
และเพื่ออรรถรสจึงขอเล่าย้อนกลับไปในตอนเช้าของวันนั้น...
การไปฮาลองเบย์ครั้งนี้ ผมใช้วิธีซื้อทัวร์แบบ one day ทริปซึ่งเราจะได้ทั้งรถรับส่งไปกลับ ฮานอย - ฮาลองเบย์, เรือ + อาหารกลางวัน พร้อมไกด์นำเที่ยว (ผมขอเรียกว่า "ไกด์ A" หนึ่งในตัวละครสำคัญ)
พวกเราออกจากฮานอยประมาณ 9.30 น. ไปถึงท่าเรือประมาณ 12.30 น. (ใช้ทางด่วน) หลังจากนั้นใช้เวลาเดินทางด้วยเรืออีกประมาณ 30 นาทีเพื่อไปยังจุดท่องเที่ยวยอดนิยม
เพื่อนร่วมทริปนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรป ส่วนชาวเอเชียนอกจากผมแล้วยังมีนักท่องเที่ยวอินเดียและครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่มาพร้อมไกด์ส่วนตัวซึ่งเป็นคนเวียดนาม (ขอเรียกว่า "ไกด์ B") และชาวจีนอีกคู่หนึ่ง (จำคู่ชาวจีนกันไว้ให้ดีครับเพราะเป็นจุดพีคเลย) รวม ๆ แล้วประมาณ 20 คน
บรรยากาศบนเรือและสถานที่เที่ยวเป็นยังไงผมขอใช้ภาพเล่าเรื่องแล้วกันนะครับ...
บรรยากาศบนเรือ
จุดท่องเที่ยวแรก : พายเรือคายัคกลางทะเล
จุดท่องเที่ยวที่สอง : ถ้ำมังกรสวรรค์
พวกเราออกจากถ้ำมังกรสวรรค์และขึ้นเรือกลับถึงฝั่งประมาณ 17.00 น. จึงขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางกลับฮานอยและจุดพีคของเรื่องได้เริ่มต้นจากตรงนี้ครับ...
เริ่มจากรถบัสที่ผมโดยสารเริ่มขับช้าลงมาก (ประมาณ 60 - 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทั้งที่อยู่บนทางด่วน) จนมาถึงจุดพักรถจึงได้สอบถามคนขับ ปรากฏว่าฟิวส์ที่ใช้สำหรับก้านปัดน้ำฝนเสีย ซึ่งขณะเดินทางมีฝนตกเล็กน้อยจึงไม่กล้าขับเร็ว
หลังจากจอดพักได้ประมาณ 20 นาที พวกเราจึงขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อซึ่งเหลือระยะทางอีกประมาณครึ่งทางจะถึงฮานอย แต่ปรากฏว่ารถขับออกไปเพียง 200 เมตรก็ต้องจอดข้างทาง!!
ทีแรกคนขับและไกด์ A ไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้นและปล่อยให้พวกเรานั่งงงกันอยู่ซักพักจึงได้เฉลยว่าเครื่องยนต์ขัดข้อง ทุกคนจึงออกมารอนอกรถ ระหว่างรอก็เริ่มใจคอไม่ค่อยดีเพราะไม่รู้ว่ารถจะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าไกด์ A จะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร
นักท่องเที่ยวชาวยุโรปเริ่มอารมณ์เสียและโวยวายให้ไกด์ A หาทางแก้ไข แต่อยู่ ๆ ไกด์ A ก็หายไปจากกลุ่ม และไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน 😂
เมื่อไกด์ A หายไปและคนขับก็พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ พวกเราจึงเริ่มคิดจะหาทางกลับฮานอยกันเอง แต่ไม่รู้ว่าดังนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง อยู่ดี ๆ ก็มีรถบัสอีกคันซึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้มาจอดเทียบข้างทาง และทันใดนั้นคู่ชาวจีนได้ตะโกนขึ้นมาว่ามีรถมารับพวกเราแล้วให้ทุกคนเก็บข้าวของเพื่อไปขึ้นรถคันใหม่ได้เลย (เอ้า...เฮ)
พวกเราจึงรีบขึ้นรถคันนั้นทันที เมื่อรถออกไปสักพักผมจึงเริ่มสังเกตว่าผู้โดยสารที่มากับรถรวมถึงคนขับน่าจะเป็นชาวเวียดนามทั้งหมด (คิดว่าเป็น local bus)
ไกด์ B ได้พูดคุยกับคนขับ (ภาษาเวียดนาม) และบอกกับพวกเราว่ารถคันนี้จะไปส่งทุกคนถึงจุดหมายแน่นอนไม่ต้องกังวล แต่เค้าขอเก็บค่าโดยสารคนละ 100,000 ดงเวียดนาม (ประมาณ 130 บาท) ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนยอมจ่ายเพราะอยากกลับที่พักกันเต็มที่แล้ว
(ไกด์ B เป็นล่ามภาษาญี่ปุ่นแต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้จึงสื่อสารกับพวกเราผ่านแอพฯ แปลภาษา)
ระหว่างนี้พวกเราเริ่มติดต่อไกด์ A ได้ เขาบอกกับพวกเราว่าได้พยายามประสานให้ทางบริษัทส่งรถมารับ แต่อยู่ ๆ พวกเราดันไปขึ้นรถคันอื่นซึ่งไม่ใช่รถของบริษัท ซึ่งเขาตกใจมาก (งานเข้าแล้ววว 😓)
และแล้วสิ่งที่ผมกังวลก็เป็นจริง อยู่ดี ๆ คนขับก็จอดข้างทางและไล่ให้พวกเราลงจากรถ นักท่องเที่ยวชาวยุโรปเริ่มมีปากเสียงและไม่ยอมลง ซึ่งไม่ดีแน่หากจะต้องมีเรื่องต่างถิ่น จนสุดท้ายพวกเราจึงต้องยอมลงมา และรถคันนั้นก็รีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว (เอิ่ม...😑)
ออกตัวไปอย่างรวดเร็ว 55+
ดีที่ตอนนี้สามารถติดต่อไกด์ A ได้แล้ว โดยไกด์ขอให้พวกเราแชร์โลเคชั่นไว้ เพราะเขากับรถของบริษัทกำลังจะตามมารับ
(ไกด์ A บอกกับพวกเราด้วยน้ำตาซึม ๆ ว่าทางบริษัทบอกให้เขาใช้เงินส่วนตัวเพื่อคืนค่ารถให้แก่พวกเราทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครอยากได้เงินคืน)
ยืนงงในดงเหงียน
ซึ่งสุดท้ายผมก็กลับถึงที่พักโดยปลอดภัย แต่ความทรงจำที่สวยงามของท้องทะเลและกิจกรรมในวันนั้นกลับถูกแทนที่ด้วยเหตุการณ์ถูกเทในต่างแดน...
ต้องขอบอกเลยว่างานนี้ "เคว้ง" ของจริงครับ 🍃
รวมพลคนถูกเท 📷
ป.ล.1 ตอนที่พวกเราถูกไล่ลงจากรถและได้เช็คจำนวนคน ปรากฏว่าคู่ชาวจีนได้หายไป ซึ่งมารู้จากไกด์ A ภายหลังว่าทั้งคู่ได้ขึ้น grab ไปตั้งแต่ตอนเปลี่ยนรถครั้งแรกแล้ว (บอกให้ทุกคนเปลี่ยนรถแต่ตัวเองหนีขึ้น grab กลับไปซะงั้น...อิหยังวะเนี่ย🤣)
ป.ล.2 ผมลองมโนเล่น ๆ ว่าการที่รถคันนั้นทิ้งพวกเราไว้ข้างทาง อาจเป็นการให้ความช่วยเหลือกันระหว่างไกด์ A กับไกด์ B และคนขับรถคันนั้นก็ได้ เพราะตอนอยู่บนรถ ไกด์ A ได้ขอคุยกับไกด์ B ทางโทรศัพท์
แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน?
เพราะถ้าพวกเรากลับกันเองโดยที่ไกด์ A ไม่ได้ไปส่งให้ถึงที่พัก เขาก็อาจจะถูกบริษัททำโทษก็เป็นได้ (หรือผมคิดมากไปครับเนี่ย 555)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา