29 ธ.ค. 2019 เวลา 06:00 • ประวัติศาสตร์
เศรษฐกิจจีนสมัยใหม่ 3
1
“การผงาดขึ้นมาอย่างสันติ”
1
ในยุคการปกครองของผู้นำเจียงเจ๋อหมิงได้ทำให้ประเทศจีนก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียรองจากประเทศญี่ปุ่น และอันดับ 4 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป การพุ่งทยานยังไม่หยุดสิ้นและเขาได้ส่งไม้ต่อไปให้ผู้นำรุ่นที่ 4 อย่าง หู จิ่นเทา ในปี ค.ศ.2003 จนถึง 2013
หู จิ่นเทา ผู้นำรุ่นที่ 4 ของจีน
การบริหารประเทศของผู้นำ หู จิ่นเทา ยังคงอยู่บนรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมแบบจีน ตั้งแต่ยุคเติ้งเสี่ยวผิง กล่าวคือเป็นการปล่อยให้เกิดการค้าตามกลไกตลาดโดยอยู่ภายใต้การชี้นำทิศทางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและมีการเปิดประเทศให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนและถ่ายทอดเทคโนโลยีเข้าสู่จีนมากยิ่งขึ้น
1
เศรษฐกิจเสรีนิยมแบบจีนหรือที่เรียกว่า สังคมนิยมแบบจีน(Socialism with Chinese Characteristics)
แต่ผลงานที่สำคัญในยุคผู้นำหูจิ่นเทาคือ การรักษาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนให้คงอยู่อย่างมีเสถียรภาพภายใต้แนวคิดพัฒนาเศรษฐกิจของเขาที่ถูกผนวกเข้าไปคือ นโยบายหนึ่งสองสามสี่ หนึ่งแรกคือ ต้องทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือการเติบโตทางเศรษฐกิจต้องให้ได้ 8% ต่อปี สองคือ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับระบบการค้าต่างประเทศเนื่องจากจีนยังต้องเพิ่งการส่งออกและการลงทุนระหว่างประเทศเป็นหลัก สามคือการปฎิรูปการจัดเก็บภาษี ระบบประกันสังคม ให้สอดคล้องกับรายได้ของประชาชนที่สูงขึ้นตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสี่คือการปฎิรูป ชนบท, วิสาหกิจของรัฐ, การเงินการคลัง และโครงสร้างรัฐบาล
1
แต่อย่างที่ทราบกันดีในระบบเศรษฐกิจเสรี เมื่อเกิดการพัฒนาไปสักระยะนึงแล้วก็ย่อมที่จะเกิดปัญหาการขาดสมดุลในเรื่องการเท่าเทียมกันทางด้านรายได้เกิดขึ้นมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศจีนก็เกิดปัญหานั้นเช่นเดียวกัน ภายใต้การนำของหูจินเถ่า เขาได้พยายามแก้ปัญหานี้โดยโฟกัสไปที่เขตชนบทที่ได้ถูกทอดทิ้งไปกว่า 10 ปี เพื่อพัฒนาเมืองเศรษฐกิจให้เจริญก่อน เขาได้นำนโยบาย 3 เกษตร เข้ามาแก้ปัญหาโดยแบ่งออกเป็นสามประเด็น คือ หนึ่งในเรื่องผลผลิตทางการเกษตร เรื่องของชีวิตชาวไร่ชาวนา และเรื่องสภาพแวดล้อมในชนบท
2
Ref: https://sevenpillarsinstitute.org/consequences-economic-inequality/
ผลลัพธ์จากการบริหารงานของผู้นำยุคนี้ได้สะท้อนออกมายังตัวเลขเศรษฐกิจที่เติบโตถึง 10% และได้กลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกเป็นรองเพียงแต่สหรัฐอเมริกาและเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย ส่วนภายในประเทศเองนั้นเป็นการปลดปล่อยผู้คนนับร้อยล้านคนให้หลุดพ้นจากความยากจนที่มีมาแต่ในอดีต
สโลแกนที่ว่า ผงาดขึ้นอย่างสันติ ในยุคนี้หมายถึงการพัฒนาประเทศไปยังเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยอาศัยควาสัมพันธ์ที่ดีกับนานาประเทศ หรือสอดคล้องกับแนวคิดเปิดประเทศของเติ้งเสี่ยวผิงที่ว่า “จีนเป็นมิตรกับทุกประเทศ ไม่ว่าประเทศนั้นจะเป็นอย่างไร รูปแบบไหน”
Peaceful Development
ความท้าทายของผู้นำรุ่นถัดไปอย่างสีจิ้นผิงคือ การรักษาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป พร้อมกับหาทางแก้ปัญหาอันเป็นผลมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว อย่างความไม่เท่าเทียมกันทางด้านรายได้ การคอรัปชั่น หรือแม้แต่ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นในยุคของหูจิ่นเทา ไว้ในตอนถัดไปจะมาเล่าให้ฟังถึงนโยบายสำคัญๆของประธานาธิปดีสีจิ้นผิงในปัจจุบันนะครับ สำหรับวันนี้ขอจบไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนครับผม
1
References:
4.วารสารเศรษฐศาสตร์การเมืองบูรพา ปีที่4 ฉบับที่1, คุณูปการของเติ้งเสี่ยวผิงที่มีต่อการสร้างสรรค์จีนให้ทันสมัย, ปิยะภพ มะหะมัด.
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา