1 ม.ค. 2020 เวลา 16:59 • ธุรกิจ
พื้นฐานของแนวความคิดด้านการตลาดยุคใหม่มาจากไหน?
ตอนที่ 1
Credit: Heatherchristie.com
บทความแรกของวันที่ 1 ของปี พ.ศ. 2563 นี้ ขอเป็นเรื่องที่มาของแนวคิดเป็นแบบยุคใหม่ในการทำตลาดที่มีส่วนผสมของพื้นฐานเดิมมาและสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ไปด้วย ถ้าจะให้ระบุที่มาแบบชัดๆคงจะยากหน่อย เพราะมาจากการอ่านการเรียนรู้คำแนะนำต่างๆ ประสบการณ์ที่ล้มบ้างลุกบ้าง แผลเหวอะก็เยอะแผลลึกก็มี ทำแล้วทำให้คนอื่นเขาลำบากมาก็ไม่น้อย รวมแล้วก็เป็นที่มาของแนวความคิดที่เป็นยุคใหม่การตลาดของไทย
ครั้งนี้จะเป็นการแบ่งปันที่มาของแนวความคิดแรกที่เป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งมาจากวิธีคิดในการดำเนินชีวิตด้านการบริหารและความสัมพันธ์ระหว่างกัน “ยุคใหม่การตลาดของไทย” ได้รับการแนะนำจากน้องคนหนึ่งที่เป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจอีกคนให้เอา Video “REAL” ของ Dr. John C. Maxwell ไปดูช่วงปีใหม่ที่หยุดหลายวัน พอได้ดูแล้วทำให้ต้องวนดูถึง 6 รอบเพราะบางคำไม่เข้าใจจึงต้องกลับมาฟังซ้ำ และก็มีหลายเรื่องที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากๆจริง ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นการตลาดก็ได้
เรื่องนี้ “ยุคใหม่การตลาดของไทย”ทำการสรุปมาจากเรื่อง How to be a REAL success seminar ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2557 มาดูกันว่าทำไมเรื่องนี้จึงเป็นพื้นฐานด้านการตลาดยุคใหม่ได้
เริ่มต้นด้วยเราต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไรในโลกนี้ ซึ่งมีเหตุการณ์เกิดขึ้น 2 วันหลักๆ นั่นคือ
1.วันที่เราเกิดมาบนโลกใบนี้
2.วันที่เราเข้าใจตัวเองได้ว่าเราสามารถค้นหาคำตอบได้แล้วว่าเราเกิดมาทำไม
นี่คือสิ่งที่คนที่ประสบความสำเร็จรู้ว่าเขาเกิดมาทำไม และเขาเชื่อว่าการที่เขาเกิดมาก็เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ เชื่อว่าเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างสรรค์โลกนี้ให้น่าอยู่ขึ้น
นี่คือความลับสู่ความสำเร็จคือ “การกำหนดจากสิ่งที่เราทำประจำวัน” ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องลี้ลับ ไม่ใช่เรื่องปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการทำกิจวัตรประจำวัน สิ่งที่เราทำเป็นกิจวัตรเป็นได้ทั้งเพื่อนสนิทหรือศัตรูร้ายกาจของเรา
Credit: Pinterest
คนที่ประสบความสำเร็จมีองค์ประกอบ 3 ประการ คือ
ประการที่ 1 รู้จุดมุ่งหมายในชีวิต ต้องรู้ว่าเรามีใจให้กับสิ่งใด เรียกร้องหาสิ่งใด ชอบทำอะไร เมื่อเราทำงานในสิ่งที่เรารักเราจะพบว่ามันดูเหมือนไม่ใช่งาน จุดมุ่งหมายนั้นต้องเป็นสิ่งที่เรามีความชอบเป็นพิเศษ(Passion)เราเรียกร้องหาสิ่งได ชอบทำอะไรเราต้องรู้ข้อดีของเรา มีความรู้สึกว่าเราเกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้
ประการที่ 2 การเจริญเติบโตเต็มศักยภาพของตนเอง และเราเติบโตทุกวันเรียนรู้ทุกวันและทำทุกอย่างให้มีจุดหมาย ในการค้นหาจุดมุ่งหมายในชีวิตต้องรู้ให้ได้ว่าเราเก่งเรื่องใด เราทำอะไรได้ดีเกินกว่าปกติเกินกว่าคนทั่วไปทำได้ ทำออกไปแล้วได้ผลดี มีผลตอบแทนและมีคุณค่าต่อผู้คนที่สูง
ทั้ง 2 ประการข้างต้นจะช่วยเราในการค้นหาจุดมุ่งหมายของชีวิต คนสำเร็จมักรู้จุดมุ่งหมายในชีวิตตนเองต้องรู้ว่าควรจะทำอะไรที่เขายังไม่สำเร็จ เรียนรู้อยู่ตลอดเวลาเพื่อการเติบโตอย่างเติมประสิทธิภาพที่ตนเองมีและพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ
เรารู้ว่ากระบวนการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ไม่มีวันจบ คนสำเร็จกระหายที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาการเติบโตไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้นแบบอัตโนมัติ หากเราเข้าใจว่าการทำงานทุกวันจะพัฒนาตนเอง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ความสำเร็จก็คือ
“ในทุกๆวันเราได้ทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เราเติบโตและพัฒนาขึ้นต่างหาก”
“ความลับของการประสบความสำเร็จกำหนดจากกิจวัตรประจำวันของเรา คนสำเร็จทำบางสิ่งที่ถูกต้องทุกวันในขณะที่คนไม่สำเร็จไม่ทำ”
Credit: pinterest.
“แล้วในแต่ละวันเราจะแสดงออกในทัศนคติที่ดีหรือไม่ดีล่ะ”
หลายๆคนที่ใช้ชีวิตไปวันๆ แทนที่จะนำพาชีวิตของตนเอง เขาเหล่านั้นไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จ เราเป็นคนที่มีวินัยกับตนเองขนาดไหน เราเป็นผู้ริเริ่มหรือผู้รอคอย เราใช้ชีวิตในการเตรียมชีวิตหรือซ่อมแซมชีวิต ใช้ชีวิตเพื่อเตรียมการอย่างถูกต้องในวันรุ่งขึ้น เพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือใช้ชีวิตในการแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดไปในวันวาน
80% ของผู้คนใช้เวลาในการแก้ไขในสิ่งที่เขาพลาดพลั้งไปเมื่อวาน ซึ่งหมายความว่าเราไม่สามารถสร้างสรรค์สำหรับวันพรุ่งนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมวันนี้จึงสำคัญ
“เมื่อวานมันจบลงแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ลืมมันไปเถอะ”
คนส่วนมากประเมินค่าของวันพรุ่งนี้สูงเกินไป แล้วเราก็คิดว่าเราสามารถทำหลายอย่างให้สำเร็จในวันพรุ่งนี้มากเกินกว่าที่เราจะทำได้ จึงมีแนวโน้มสูงที่ทำให้เราผัดวันประกันพรุ่ง เรามักเลื่อนสิ่งที่ทำในวันนี้ไปทำในวันพรุ่งนี้ เราจึงประเมินวันนี้ต่ำเกินไป และเราประเมินค่าสิ่งที่เราสามารถทำได้ต่ำเกินไป
“ความลับสู่ความสำเร็จ กำหนดจากสิ่งที่เราทำเป็นกิจวัตร”
คนที่สำเร็จตัดสินใจต่อสิ่งที่สำคัญตั้งแต่เนิ่นๆในชีวิต และเขาก็จัดการกับสิ่งที่ตัดสินใจทำตลอดชีวิตของเขา สิ่งที่สำคัญในคำพูดนี้ก็คือลำดับของเหตุการณ์เราต้องตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญก่อน หลังจากนั้นเราต้องจัดการกับสิ่งที่เราตัดสินใจจะทำ แต่เราต้องจัดการกับสิ่งที่เราตัดสินใจจะทำในทุกวัน (เหมือนกับกฎ 80/20)
Credit: Slidebazaar.com
มีหลายคนตัดสินใจตั้งปณิธานในวันปีใหม่ 78% ของคนทั่วไป เมื่อมาถึงวันที่ 17 มกราคม เขาก็เลิกทำ เขาเลิกทำในสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำ มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการการตัดสินใจเลย
ปัญหาอยู่ที่กระบวนการจัดการกับสิ่งที่ตัดสินใจจะทำ เขาไม่ได้จัดการกับสิ่งที่เขาตัดสินใจจะทำ การตัดสินใจที่ไม่มีการติดตามผลก็ไม่เกิดผล แต่เมื่อเราตัดสินใจแล้วและจัดการสิ่งที่เราตั้งใจที่จะทำในแต่ละวันเราก็จะประสบความสำเร็จ
“คนสำเร็จตัดสินใจต่อสิ่งสำคัญแต่เนิ่นๆในชีวิตของเขา และเขาจัดการกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจจะทำตลอดชีวิตของเขา”
ประการที่ 3 คือ การหว่านเมล็ดพันธ์เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น คนที่ประสบความสำเร็จห่วงใยในผู้อื่น และคนที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ใช้ชีวิตเพื่อตนเอง
คนที่ประสบความสำเร็จทุ่มเทต่อสิ่งที่เขาเรียนรู้และส่งต่อให้ผู้อื่น ฉะนั้นคนที่ประสบความสำเร็จไม่เพียงแต่ช่วยเหลือตนเอง แต่ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่เพียงแต่เขาเพิ่มคุณค่าให้กับตนเองเอง แต่เขาเพิ่มคุณค่าให้กับผู้อื่น
หากเราต้องการประสบความสำเร็จ ทุกๆวันให้เราทุ่มเทต่อการเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนรอบข้างเราทุกๆวันให้บอกกับตัวเองว่า “ฉันจะพูดและทำในสิ่งที่เพิ่มคุณค่าให้กับผู้อื่น” เพราะถ้าเรามีความสามารถในการเพิ่มคุณค่าให้กับคนรอบข้างเราก็จะประสบความสำเร็จอยู่ตลอดเวลา
ตอนต่อไปจะเป็นเรื่อง เพิ่มคุณค่าให้กับผู้อื่นอย่างไร การปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไรและผู้นำ 5 ระดับ รอติดตามนะครับ
ที่มา:
How to be a REAL success seminar, 14th July 2015 by John C Maxwell
ข้อมูลมุมมองการตลาดที่ทันสมัยจากประสบการณ์จริง อ่านได้ใน Blockdit ยุคใหม่การตลาดของไทย
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย) ตอนล่าสุด
โฆษณา