5 ม.ค. 2020 เวลา 03:42 • ไลฟ์สไตล์
บ้านนั้นสำคัญไฉน?
เราเติบโตมากจากคนชนชั้นกลางพ่อแม่เป็นข้าราชการธรรมดา แม่เป็นแม่ค้า ตลอดชีวิตของการเติบโต สิ่งที่เห็นคือพ่อและแม่ ขยัน ประหยัดและอดทนมากในการเลี้ยงดูลูก 3 คน
ถ้าเป็นคน Gen X (2508-2522) ก็จะมีสตอรี่ประมาณนี้แหละ เติบโตมากับรุ่น Baby Boomer Generation (2489-2507)
ถึงแม้จะเติบโตมากับความมั่นคง ก็เติบโตมากับ Gen B (Baby Boomer Generation) ที่มีความเคร่งครัด จริงจังและอนุรักษ์นิยม
เมื่อสอง Gen นี้มาอยู่รวมกัน ปัญหาคนอินดี้ ชิลๆเป็นตัวของตัวเองสูงกับกับคนจริงจังมันจึงเป็นความยากระดับหนึ่งในการอยู่รวมกัน
และเมื่อบ้านมี Gen Y (2523-2540) มาร่วมวงศาคณาญาติด้วย มีความบันเทิงขึ้นมาทันที เพราะความเป็นคนสบายๆ ถูกตามใจ อะไรก็ต้องได้มาตั้งแต่เด็ก Gen นี้จึงเป็นตัวของตัวเองชัดเจน
สาม Gen ในบ้านแล้วที่นี้ ยังชีวิตคนเราต้องมีทายาท Gen สุดท้าย Gen Z (2540 เป็นต้นไป) ที่นี้บ้านที่มีความหลากหลาย Gen อยู่แล้ว
พอเจอ Gen Z ตายเรียบ ทุกคนก็มารุมให้ความสนใจและตามใจ Gen Z กันเข้าไปใหญ่ ไปๆ มาๆ Gen นี้กลับเชื่อมความสัมพันธ์ในบ้านได้ดีขึ้น
และนี่ก็เป็นความสนุกที่กำลังจะเล่าในบ้านบันเทิงเชิงทวีของเรา คุณว่า 4 Gen นี้รวมกันในบ้านหลังเดียว มันจะสุดโต้งขนาดไหน?
อันนี้ถือเป็นความโชคดีนะ ที่บ้านเรามีครบทุก Gen การได้มาเป็นเซลบ้านนอก ทำให้บ้านที่เคยสร้างให้พ่อแม่ กลายบ้านที่เราต้องมาอยู่เองซะงั้น
การปรับตัวที่หนึ่งจึงเกิดขึ้น พ่อแม่ที่เคยอยู่กันสองคน พอมีลูกสาวที่เจ้าระเบียบ มีโลกส่วนตัวสูงมาก มาอยู่ด้วยกันความเปลี่ยนแปลงแรกคือ จะปรับตัวยังไง
ชีวิตที่มีพ่อและแม่ตามติดเป็นกาวตราช้าง ช่วงแรกๆ นี่ก็วุ่นวายมาก ทำยังไงดีล่ะ ด้วยความที่เป็นเซลบ้านนอก เดินทางไปต่างจังหวัดตลอด
พ่อแม่ก็เป็นห่วงลูก เริ่มบ่นเรื่องการทำงาน งั้นเอางี้เราไปด้วยกันเลยแล้วกัน จะได้เข้าใจชีวิตการทำงาน อิช้านเลยต้องหนีบพ่อและแม่ไปทำงานเสมอ
การอยู่ด้วยกันบนพื้นที่แคบบนรถ ทำให้ฉันรู้และเข้าใจพ่อและแม่มากขึ้น อะไรชอบอะไรไม่ชอบ ง่วงนอนเวลาไหน และดื้อรั้นขนาดไหน ผ่านการเดินทางด้วยกันตลอด 3 ปีแรกของการทำงานการเป็นเซลบ้านนอก
เพื่อนในบริษัทก็มีความขำมาก เพราะจ้างคนเดียวเหมือนจ้างสามคน พ่อแม่ช่วยทำงานด้วยจ้า คนหนึ่งขับรถ คนหนึ่งดูร้านค้า ทำงานกันเป็นทีมมาก
ต้องขอบคุณช่วงเวลานี้ที่ทำให้ใกล้ชิดกับ Gen B มากขึ้น และพ่อแม่ก็มีความสุขกับการได้เปลี่ยนที่นอนทุกวัน ไปไหนไปด้วยกันสามคน
จากนั้น Gen Y น้องชายที่ใช้ชีวิตในเมืองกรุง พอเห็นบ้านเป็นบ้านเลยเริ่มกลับบ้านมากขึ้น เวลากลับบ้านก็พากันไปเที่ยวนอกบ้าน
ทำให้ 3 Gen ได้เรียนรู้กันและกัน แต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเองสูงปรี้ด เราเป็น Gen สายสังเกตการณ์ และสายจัดการอยู่แล้ว
การไปไหนมาไหนด้วยกัน มันทำให้เราพูดคุยกันมากขึ้น เข้าใจและรู้ใจกันมากกว่าที่เป็น บ้านจึงเป็นบ้านมากขึ้น
แต่ถามว่ามีแรงปะทะเยอะไหม มีแน่นอนในบ้านที่มีความเยอะทุกสิ่ง พอมาอยู่รวมกันในบ้านทุกคนต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์
ความโชคดีอยู่ตรงไหน มันโชคดีที่ “บ้าน” มันเป็นของเรา ทุกคนในบ้านจึงเคารพทุกการตัดสินใจของเรา โชคดียังไงเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนต่อไป การตัดสินใจทันทีทันใดมันเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเรายังไง
หากใครติดตามกันตลอดคุณจะเห็นว่า เราเล่าถึงการปรับตัวบ่อยครั้ง เป็นสิ่งที่เราจะบอกคุณ เมื่อเจอปัญหา ถ้าคุณปรับฝั่งตรงข้ามไม่ได้ คุณปรับที่ตัวเองก่อน มันจะค่อยๆ ดีขึ้น
การที่เราอยู่รวมกันไม่ได้ เป็นเพราะเราไม่ปรับตัวเข้าหากัน ถอยบ้างก็ได้ชีวิตอะ อย่าไปตึงเป๊ะทุกอย่าง ถ้าขัดใจมากก็ไม่ต้องมองมันก็ไม่ขัดใจแล้ว
ในบ้านกลายเป็นเรา Gen ที่ยืดหยุ่นสุด ต้องมาสอนให้ Gen B พ่อแม่ต้องปรับตัว ปรับตัวยังไงให้กลายเป็นแม่เหล็ก ดึงดูดให้คนอยากมาหา
ช่วงแรกนี่เหนื่อยมาก เพราะปกติพ่อแม่ชอบทะเลาะกันบ่อยจนน้องๆ รำคาญไม่อยากกลับบ้าน เราก็ต้องปรับด้วยการพาออกไปเจอโลกภายนอกบ่อยๆ ได้เห็นสังคมที่มันเปลี่ยนไป
Gen B เนี่ยมีข้อดีที่กลายเป็นข้อเสียคือ “งก” มาก เพราะเติบโตมาจากการประหยัดอดออม ทำให้ระมัดระวังเรื่องการใช้เงิน ไม่ชอบออกไปไหนเปลื้องตังค์
เราแก้ด้วยการใช้ตังค์ ในการสร้างความสุขจนพ่อแม่เริ่มเข้าใจว่า ทุกคนวางแผนชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องประหยัดเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ
ในวัยพ่อแม่ต้องใช้เงินที่เก็บมาดูแลตัวเองและสร้างความสุขให้ตัวเองบ้างก็ได้ การไปเที่ยวได้ออกไปเห็นบ้านอื่นที่มีหลาย Gen เดินทางจึงเข้าใจโลกมากขึ้น พาไปเถอะพาพ่อแม่ออกไปเที่ยวบ้าง
วันนี้เอาแค่การปรับตัวของ Gen X กับ Baby Boomers ก่อนนะ ตอนหน้าจะเป็นการเชื่อมโยงของ X กับ Y กันต่อจ้า
#วิถีเซลบ้านนอก
#iampatthanid

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา