เพียงแต่ทางลีกอาจเห็นว่าในช่วงหลัง ทีม West มักจะเอาชนะทีม East ได้บ่อยครั้ง ทำให้การแข่งอาจไม่มีลุ้นเท่าไหร่ มีผลให้แฟน NBA ที่อุตส่าห์ซื้อตั๋วเข้ามาดูอาจรู้สึกไม่สนุกเท่าที่ควร
จากนั้นจะรวมผู้เล่นที่เหลืออีก 22 คนให้เป็น Pool เดียวกัน และให้กัปตันทีมทำการ Draft ผู้เล่นจากใน Pool ดังกล่าว จะไม่มีการแบ่งเป็น East และ West อีกต่อไป
หลังจากคัดเลือกผู้เล่นกันเสร็จเรียบร้อย ก็จะมีการจัดทีมโค้ช โดย HC ที่ได้รับเกียรตินี้ จะเป็นโค้ชที่มีผลงานที่ดีที่สุดในแต่ละฝั่งทวีปในขณะนั้น เข้ามาเป็นทีมโค้ชให้กับทีมสังกัดฝั่งทวีปตัวเอง
แต่จะมีกฏพิเศษที่เรียกว่า Riley Rule อยู่ว่า HC แต่ละคนจะไม่สามารถคุมทีม NBA All-Star ติดกัน 2 ปีซ้อนได้ (แต่ถ้าปีเว้นปี คุมได้ปกติ) เนื่องจากทางลีกต้องการให้โค้ชคนใหม่ๆ ได้มีโอกาสคุมทีมระดับนี้บ้างนั่นเอง
ที่มาของกฏนี้มาจาก Pat Riley ผู้เป็น HC ของ Lakers ที่มีผลงานดีมากๆ ดังนั้นในช่วงปี 1982-1990 เจ้าตัวเลยได้เป็น HC West All-Stars Team ตลอดเวลาเป็นระยะเวลา 9 ฤดูกาลรวด
Pat Riley สมัยที่คุม Lakers Cr. jamesclear
ใน NBA All-Stars ฤดูกาล 2018/19
HC ของทีม LeBron คือ Michael Malone HC ของทีม Nuggets
HC ของทีม Giannis คือ Mike Budenholzer HC ของทีม Bucks
การเลือกผู้เล่นในชุดนี้จะขึ้นกับ NBA Commissioner ผู้ที่มีอำนาจบริหารสูงสุดในลีก (ในปัจจุบันคือ Adam Silver) ที่จะสามารถแต่งตั้งผู้เล่นทดแทน ในกรณีที่มีผู้เล่นสองชุดแรกบาดเจ็บจนต้องถอนตัวออกจากทีม Commissioner จะสามารถคัดเลือกผู้เล่นคนอื่นที่คิดว่าเหมาะสมเข้ามาแทนที่ได้ โดยจะเป็นการคัดเลือกจากผู้เล่นที่อยู่ฝั่งทวีปเดียวกับกัปตันทีมนั้นๆ เป็นหลัก
นอกจากนั้นแล้ว NBA Commissioner ยังสามารถแต่งตั้งผู้เล่นคนอื่นนอกเหนือจากใน Pool เพื่อให้สังกัดทีม All-Stars ได้ด้วย อาจเป็นเหตุผลด้านการตอบแทนที่ทำชื่อเสียงให้ลีกมาอย่างยาวนาน หรือเป็นฤดูกาลสุดท้ายของผู้เล่นคนนั้นๆ