13 ม.ค. 2020 เวลา 13:00 • บันเทิง
MovieTalk มูฟวี่ชวนคุย
ภูมิใจเสนอ นิยายกำลังภายในเรื่องแรกของเพจ MovieTalk
“เงาวายุ” บทที่ 9
ความเดิม จ๋อคากับอี่ทงฮวงประพลังฝ่ามือกัน ต่างใช้ออกด้วยท่าไม้ตาย จ๋อคาใช้พลังฝ่ามือคู่ทลายบรรพต พลังทำลายรุนแรงมหาศาล จนบังคับให้อี่ทงฮวงต้องงัดกระบวนท่าลับ ฝ่ามือประสานร้อยวายุ ผลปรากฏว่าจ๋อคาตายตกอย่างพึงพอใจด้วยคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่า แต่ในระหว่างที่ทั้งคู่เตรียมปะทะฝ่ามือ ซิงโท่ยได้รุดมาถึง นางพึงใจในตัวอี่ทงฮวงมากจนวางแผนจะให้อี่ทงฮวงตกหลุมพรางด้วยการปลอมเป็นโกวเนี้ยนามว่า เหมยเหมย และใช้ร้อยเล่ห์เสน่ห์ร้ายของนางทำให้อี่ทงฮวงตกในภวังค์
“เงาวายุ” บทที่ 9 พันธมิตร ไม่ได้ให้เสียงภาษาไทย
อี่ทงฮวงที่อุ้มร่างของเหมยเหมย หรือแท้จริงคือซิงโท่ย เดินละลิ่วตรงไปที่ห้องนอนนั้นคล้ายดั่งต้องมนต์
อี่ทงฮวงใช้เท้าถีบประตูให้เปิดออก สาวเท้าเดินจนถึงข้างเตียง
อี่ทงฮวงค่อย ๆ บรรจงวางเรือนร่างที่ร้อนแรงของซิงโท่ยลงบนเตียง
ยามนี้ที่อยู่เบื้องหน้าคือเรือนร่างสมส่วน คล้ายรูปสลัก คล้ายนางฟ้ามาจุติ นอนทอดกายอยู่ตรงหน้า
เรือนร่างของซิงโท่ยพลิกไปมา คล้ายร้อนแรง คล้ายเชื้อเชิญ
เสียงของซิงโท่ยครางกระเส่า กล่าวกับอี่ทงฮวง
“มาเถอะ...”
อี่ทงฮวงโน้มตัวลงแล้ว...
ในสายตาของตนเอง อี่ทงฮวงโน้มตัวลงหาเหมยเหมยแล้ว...
อี่ทงฮวงก้มหน้าลงจนริมฝีปากเกือบจะประกบกับเหมยเหมย พลางเอ่ยกระซิบถามข้างหูของสตรีตรงหน้า
“ไม่ทราบว่าโกวเนี้ยคือ ฉุ่ยยี้ หรือ ซิงโท่ย?”
เพียงคำถามนี้ สีหน้าของเหมยเหมย หรือซิงโท่ยแปรเปลี่ยนทันใด อากัปกริยาก็แปรเปลี่ยนฉับพลัน กรีดวาดนิ้วชี้และนิ้วนางอันเรียวงามประดับด้วยเล็บแหลมสีแดงสด พุ่งแทงใส่ดวงตาของอี่ทงฮวงทันที
อี่ทงฮวงคล้ายระวังล่วงหน้า ดีดกายปราดออกมาก่อนที่ปลายนิ้วทั้งสองจะทิ่มแทงเข้าดวงตาของตนอย่างเฉียดฉิว พลางถอยกายออกมากล่าวอย่างปลอดโปร่ง
“พิจารณาแล้ว ท่านน่าจะเป็นซิงโท่ยกระมัง?”
ซิงโท่ยเขม้นตาจับจ้องมาที่อี่ทงฮวง สีหน้าแม้ขุ่นเคือง แต่ยังจับปากคำด้วยจริตถามกลับ
“ท่านดูออกได้อย่างไรว่าเราเป็นซิงโท่ย?”
อี่ทงฮวงแย้มยิ้ม “ท่านอาจอำพรางเป็นโกวเนี้ยบอบบางนามเหมายเหมย แต่ท่านไม่สามารถปิดบังเรือนร่างร้อนแรงของท่านได้ บุคลิกลักษณะเช่นท่าน ต่อให้อยู่ภายใต้อาภารณ์ปกติ ก็ยังเปล่งพลังดึงดูดบางประการออกมา”
ซิงโท่ย
ซิงโท่ยที่ยังนอนนวยนาดอยู่บนเตียง ใช้ฝ่ามือเรียวงามลูบไล้ตามเรือนร่างอันร้อนแรง ท่วงท่าลูบไล้ไม่เร็ว ไม่ช้า ถึงกับพอดี แทบบันดาลให้บุรุษที่พบเห็นคลั่งใจ
“อันที่จริงข้าพเจ้าเกือบตกในภวังค์ของท่านแล้ว แต่...น่าเสียดายท่านพลาดไปก้าวหนึ่ง”
ซิงโท่ยส่งสายตาเชื้อเชิญหยาดเยิ้ม ย้อนถาม “ข้าพเจ้าพลาดที่ใด? หรือเรือนร่างของข้าพเจ้าไม่สามารถทำให้ท่านตกภวังค์ได้?”
“มิใช่...ที่ท่านพลาดคือวาจาของท่าน”
“โฉมสะคราญที่ไร้เดียงสา ย่อมไม่กล่าวบางวาจา เป็นวาจาเชื้อเชิญ ท่านให้ขอให้ข้าพเจ้าประคองท่าน โอบอุ้มท่าน ถึงกับเชื้อเชิญให้อุ้มท่านวางลงบนเตียง ไม่มีสตรีพรมจรรย์ใดจะกล่าววาจาเช่นนี้ นอกจากสตรีที่กรำโลก”
ซิงโท่ยหัวร่อคิกคัก กล่าวชมเชย
“นับว่าท่านสมแล้วที่เป็นองครักษ์เงาของฮ่องเต้ นับถือ...นับถือ”
“มิบังอาจ...มิบังอาจ”
ซิงโท่ยเอื้อเอ่ยหยาดเยิ้ม
“อันที่จริง ข้าพเจ้ามาถึงที่นี่ พอดีเห็นท่านกับจ๋อคาต่างทุ่มเทกำลังภายในเข้าหักหาญกัน แต่ข้าพเจ้ามิได้ซัดอาวุธทำร้ายท่าน ทราบหรือไม่เพราะเหตุใด?”
“โกวเนี้ยวานบอก”
ซิงโท่ยใช้ดวงตาเงางามจับจ้องที่อี่ทงฮวง ในดวงตาแฝงแววทั้งเชื้อเชิญทั้งยั่วยวน
“ข้าพเจ้าพึงใจในตัวท่านยิ่งนัก ค่ำคืนนี้เราสองสามารถหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ หรือข้าพเจ้าไม่งดงามพอ?”
อี่ทงฮวงนิ่งเงียบ ไม่แสดงอากัปกริยาใด ๆ ซิงโท่ยจึงกล่าวต่อ
“เวลานี้ หากท่านคิดเปลี่ยนใจยังนับว่า ข้าพเจ้าสามารถบันดาลให้ท่านมีความสุขอย่างที่ไม่มีสตรีใดทำให้ท่านได้”
อี่ทงฮวงยิ้มแล้ว เป็นยิ้มที่ปลอดโปร่ง
“ข้าพเจ้ายังไม่อยากตาย”
“เราสองต่างมีความสุขร่วมกัน มีอันใดต้องตาย?”
“ความสุขนั้นข้าพเจ้าไม่เคยปฏิเสธ แต่ความตายข้าพเจ้าย่อมต้องปฏิเสธ ในยุทธจักรร่ำลือว่า เมื่อท่านได้รับความสุขจากบุรุษใดแล้ว ท่านจะลงมือสังหารบุรุษผู้นั้นทันที ดุจดั่งแมงมุมแม่ม่ายดำที่กัดกินแมงมุมตัวผู้”
สีหน้าซิงโท่ยแปรเปลี่ยน ยามนี้ทอแววอำมหิต ตวาดว่า
“ท่านทราบหรือไม่ บุรุษมากเท่าใดหมายปองตัวเรา ทราบหรือไม่ บุรุษมากเท่าใดทุ่มเททุกอย่างเพื่อครอบครองตัวเรา”
“ประมาณว่าคงมากมายยิ่งนัก แต่น่าเสียดายข้าพเจ้าไม่คล้ายพวกมันนัก”
ซิงโท่ย
“พวกมันเป็นเยี่ยงไร?” ซิงโท่ยย้อนถาม
“พวกมันเป็นตัวโง่งม มักมากจนโง่งม มีแต่บุรุษมักมาก และโง่งมเท่านั้นที่กล้าเล่นกับความตาย”
ซิงโท่ยยิ้มอีกครั้ง “เดิมทีข้าพเจ้าคิดให้เราสองหลอมรวมด้วยกัน แต่เมื่อท่านต้องการตายก่อนมีความสุข เราจะทำให้ท่านสมปรารถนา”
กล่าวจบนางสะบัดมือขวาออก ซัดอาวุธลับจำนวนหนึ่ง ประกายแล่บแปลปลายครอบคลุมเบื้องหน้าอี่ทงฮวง
อี่ทวงฮวงสะบัดมือขวาซัดเข็มบินออกปะทะ
อาวุธลับหลากชนิดปะทะเข็มบิน ถึงกับแตกหักร่วงกราวพรั่งพรูบนพื้นดุจใบไม้ร่วง
ซิงโท่ยพลิ้วร่างลอยตัวจากเตียงพุ่งใส่อี่ทงฮวง กราดฝ่ามือออกเบื้องหน้า อี่ทงฮวงยกฝ่ามือขึ้นต้านรับ เสียงดังทึบ ซิงโท่ยถูกฝ่ามือกระแทกจนลอยไปตกยังบนเตียงที่เดิม
แต่ซิงโท่ยก็พลิ้วกายดีดกลับเข้าใส่อี่ทวงฮวงอีกครั้ง คราวนี้แปรเปลี่ยนเป็นงองุ้มมือ ตะกุยใส่อี่ทงฮวง
อี่ทงฮวงที่ระแวดระวังกรงเล็บของนาง แต่แล้วอาวุธลับนานาชนิดสาดพุ่งออกจากเรือนร่างของซิงโท่ยพร้อมกัน สภาวะครอบคลุมทั่วร่างคล้ายตาข่ายใยแมงมุม ที่น่าใช้ออกคือไม้ตาย
“พยุหะพิรุณเลือด”
นี่คือวิชาสุดยอดของซิงโท่ย ปลดปล่อยอาวุธลับนานับชนิดจากส่วนต่าง ๆ เข้าใส่คู่ต่อสู้ครอบคลุมไร้ทางหลบหนี
อี่ทงฮวงผนึกลมปราณรวมไว้สองฝ่ามือ ตวัดวาดออกเป็นวงกลมใหญ่ ลมปราณหลอมรวมกันก่อเกิดเป็นม่านกำบังขึ้นเบื้องหน้า
อาวุธหลากชนิดปะทะกำแพงลมปราณต่างกระเด็นออก มีบางส่วนพุ่งผ่านกรีดร่างของอี่ทงฮวง
ซิงโท่ยใช้ออกด้วยพยุหะพิรุณเลือดติดตามอีกสามครั้งซ้อน ครานี้อาวุธบินหลากชนิดยิ่งมายิ่งมากดุจมรสุมใหญ่ ไร้ทางหลบหนี
อี่ทงฮวง
อี่ทงฮวงวาดฝ่ามือสร้างกำแพงลมปราณอีกครั้ง พร้อมกับดึงพลองเหล็กออกมา กดหมุนกลไกภายใน ตัวพลองแยกออกกลายเป็นกระบี่เล็กบางเฉียบสองเล่ม พร้อมกับสอดด้ามทั้งสองเข้าด้วยกันกลายเป็นทวนสองคม
อี่ทงฮวงควงทวนสองคมครอบคลุมร่างของตนเองเบื้องหลังกำแพงลมปราณอีกชั้นหนึ่ง
อาวุธลับหลากชนิดถูกำแพงลมปราณกันไว้ส่วนหนึ่ง ที่เล็ดรอดเข้ามาก็ถูกทวนสองคมปัดป้องออกไปหมด ไม่สามารถกร้ำกรายอี่ทงฮวงได้
อี่ทงฮวงฉวยโอกาสรุกกลับ พุ่งสวนเข้าใส่ซิงโท่ย การจู่โจมนี้ทั้งรวดเร็ว ทั้งเกินคาดของซิงโท่ย วูบเดียวประชิดตรงหน้าของนาง
อี่ทงฮวงใช้นิ้วชี้ของตนเอง จีสกัดจุดสำคัญบนร่างกายของซิงโท่ยเจ็ดแห่ง นางมิทันใดปัดป้อง ยามนี้เป็นฝ่ายถูกพลังจี้จุดของอี่ทงฮวง รู้สึกลมปราณสูญสลาย ทั่วร่ายอ่อนระทวยทรุดลง
“ท่านทำอันใดกับเรา?”
“ข้าพเจ้าสกัดจุดสลายยุทธของท่าน นับจากนี้ไปท่านไม่สามารถใช้วิทยายุทธได้แล้ว”
ซิงโท่ยตะลึงลานครึ่งค่อนวัน ถลึงตาใส่อี่ทงฮวง
“ทำไมท่านไม่สังหารเราในฝ่ามือเดียว?”
“ข้าพเจ้ามีกฎอยู่สองข้อ หนึ่งไม่สังหารเด็ก และสองไม่สังหารสตรี ท่านแม้เป็นนักฆ่าของกลุ่มสังหารเกียอุ้ยนึ้ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นอิสตรี ดังนั้นย่อมไม่อยู่เหนือกฎเกณฑ์”
อี่่ทงฮวง
นี่คือคุณธรรมประจำใจของอี่ทงฮวง
คนชั่วนั้นสมควรกำจัดให้สิ้นซากก็จริง แต่สำหรับอิสตรีแล้ว หากเป็นคนชั่วช้าเพียงทำลายพลังฝีมือของนางนับว่ามากพอแล้ว เมื่อไร้ฝีมือย่อมไม่สามารถเข่นฆ่าผู้อื่นได้
ซิงโท่ยที่ยามนี้อับจนปัญหา สูญสิ้นพลังฝีมือ ได้แต่นั่งสิ้นหวังอยู่กับพื้น อี่ทงฮวงมองเห็นสภาพนางได้แต่เวทนา
“โกวเนี้ยเมื่อไร้พลังฝีมือแล้ว ถือโอกาสนี้ออกจากกลุ่มสังหาร สามารถหลบหนีไปใช้ชีวิตสุขสงบได้”
ซิงโท่ยหัวเราะแล้ว เป็นเสียงหัวเราะที่ทั้งฝืนทั้งขมขื่นทั้งอับจน
“ฮา...ถึงเรายอมจากไป แต่พวกมันก็ไม่ยอมให้เราจากไปเด็ดขาด เมื่อเป็นคนของเกียอุ้ยนึ้ง จะออกต้องไร้ชีวิตเท่านั้น”
อี่ทงฮวงได้แต่อับจนปัญญาปลอบใจ ยามนี้ได้แต่เงียบงัน
ซิงโท่ยล้วงมือเข้าไปในเข็มขัด หยิบจี้หยกสลักเป็นรูปสตรีเปลือยเปล่าขึ้นมา พลางส่งให้อี่ทงฮวง
“ท่านรับหยกชิ้นนี้ไว้ได้หรือไม่?”
อี่ทงฮวงลังเลใจ คล้ายระวังแผนการร้าย แต่แล้วพบเห็นริมฝีปากของซิงโท่ย มีโลหิตไหลรินออกมา ต้องรีบเข้าไปประคองร่างของซิงโท่ย พลางแตะชีพจรของนางเริ่มเต้นแผ่วเบา ลอบร้องผิดท่าในใจ
“หรือท่านกัดยาพิษในฟัน เหตุใดต้องทำเยี่ยงนี้”
ซิงโท่ยในอ้อมกอดของอี่ทงฮวง กล่าวอย่างเหนื่อยล้า
“ข้าพเจ้าสูญสิ้นพลังฝีมือ ย่อมหมดประโยชน์ต่อเกียอุ้ยนึ้ง ต่อให้หนีไปสุดหล้าฟ้าไกล ก็มิอาจรอดพ้นน้ำมือของพวกมัน ชีวิตที่ต้องระวังจะตายวันตายพรุ่งช่างทรมานนัก มิสู้ตายตั้งแต่บัดนี้ย่อมประเสริฐกว่า”
ซิงโท่ยยื่นมือสั่นระริก ในมือถือจี้หยกสตรีเปลือยส่งให้อี่ทงฮวง พลางกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งขาดเป็นห้วง
“ข้าพเจ้า...วิงวอนท่าน...โปรดรับจี้หยกนี้ไว้ติดตัว มันเป็นสมบัติล้ำค่าหนึ่งเดียวของข้าพเจ้า ท่านเป็นบุรุษเดียวที่มิได้มักมาก มุ่งหวังในตัวข้าพเจ้า... ข้าพเจ้ายกย่องท่านเป็นบุรุษที่แท้จริง อยากให้ท่าน...ระลึกถึงข้าพเจ้า”
อี่ทงฮวงลังเลใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือด ลมหายใจรวยรินของซิงโท่ยแล้ว ได้แต่ตัดใจรับไว้ พร้อมกับกุมมือของนาง
ซิงโท่ยแย้มยิ้มแล้ว
“ได้ตายในอ้อมกอดของท่าน นับว่าคุ้มค่ายิ่งนัก...”
จบคำซิงโท่ยก็คอพับ ลมหายใจขาดห้วง ชีพจรหยุดเต้น อี่ทงฮวงค่อย ๆ วางร่างไร้ชีวิตของซิงโท่ยลงกับพื้น
“ขอดวงวิญญาณของท่านไปสู่สุขคติเถอะ”
อี่ทงฮวงกล่าวจบ หยัดกายลุกขึ้นพลางซุกจี้หยกสตรีเปลือยไว้ในเข็มขัดสายรัดเอว ในใจครุ่นคิด
“ยามนี้เหลืออีกห้า พวกมันคงรวมตัวอยู่ที่ตำหนักมังกรฟ้า”
อี่ทงฮวงหันมามองร่างของซิงโท่ยอีกครั้ง ใช้สายตาส่งนาง ถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน คืนนี้มันคนตายมากเกินไปแล้ว
คนเราเมื่อกระทำผิดไว้ ย่อมต้องประสบบั้นปลายชีวิตที่น่าอดสู
ซิงโท่ยที่เป็นเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะกรรมที่นางก่อไว้
อี่ทงฮวงตัดใจ ตะบึงร่างกลับเข้าช่องทางลับอีกครั้ง
จำแนกทิศทางแล้วพุ่งปราดไปทันที
อุโมงค์ลับทอดยาว เส้นทางคือตำหนักมังกรฟ้า
....
หลังจากคล้อยหลัง ฉุ่ยยี้รุดมาถึงตำหนักทักษิณ นางตรวจบริเวณโดยรอบ กระทั่งพบเห็นประตูห้องนอนหนึ่งเปิดอยู่
ภายในมีร่องรอยการต่อสู้ แต่ที่เห็นเบื้องหน้ายามนี้คือร่างไร้วิญญาณของซิงโท่ย
ฉุ่ยยี้เข้าไปตรวจสอบพบว่า ซิงโท่ยกัดกลืนยาพิษฆ่าตัวตาย นางแค่นหัวเราะ
“เฮอะ...เจ้าแม้อวดตนเลอโฉมแต่ก็ยังต้องพบจุดจบ ดูท่าอี่ทงฮวงมิใช่บุรุษมักมาก หลงใหลในรูปโฉมเรือนร่างอิสตรี ช่างเป็นบุรุษที่จัดการยากเย็นยิ่งนัก”
ฉุ่ยยี้
ฉุ่ยยี้ตรวจสอบร่างกายของซิงโท่ยอย่างละเอียด ชั่วครู่ปรากฏรอยยิ้มขึ้นวูบหนึ่ง เป็นรอยยิ้มที่ลี้ลับ
“ซิงโท่ย เจ้ากระทำได้ดีมาก มิเสียแรงเป็นคนของเกียอุ้ยนึ้ง เมื่อเป็นเช่นนี้อี่ทงฮวงมิอาจรอดพ้นเงื้อมมือของเราไปได้อีกต่อไป”
จบคำร่างพุ่งปราดออกไป ท่าร่างของนางดุจนกโบยบิน แสดงให้เห็นวิชาตัวเบามิอาจดูแคลน
หากจัดอันดับในกลุ่มสังหารเกียอุ้ยนึ้ง ฉุ่ยยี้นับว่ามีวิชาตัวเบาเป็นอันดับสอง รองจากใช้ตื้อเซ้งเท่านั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา