4 ก.พ. 2020 เวลา 15:34 • บันเทิง
MovieTalk มูฟวี่ชวนคุย
ภูมิใจเสนอ นิยายกำลังภายในเรื่องแรกของเพจ MovieTalk
“เงาวายุ” บทที่ 10
ความเดิม
อี่ทงฮวงแสร้งทำเป็นตกหลุมพรางของซิงโท่ย ก่อนจะเปิดเผยว่าตนเองรู้เท่าทัน
เสน่ห์เล่ห์มารยาของซิงโท่ย ทั้งสองเข้าปะทะทั้งคารามและวิทยายุทธ
เป็นอี่ทงฮวงใช้โอกาสชั่วเสี้ยววินาทีทำลายพลังยุทธของซิงโท่ย เพื่อหวังให้นางตัดใจ ทิ้งวงจรนักฆ่าไปใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน แต่ซิงโท่ยชิงฆ่าตัวตายแทน
ก่อนตายนางได้มอบจี้หยกสตรีเปลือยให้แก่อี่ทงฮวงเก็บไว้เป็นที่ระลึก
อี่ทงฮวงกลับเข้าสู่อุโมงค์ลับเพื่อหาทางช่วยเหลืออ๋องเอี๊ยะ ในขณะที่ฉุ่ยยี้มาถึง
ตำหนัก และพบศพของซิงโท่ย นางกลับแย้มยิ้มอย่างลี้ลับ
“เงาวายุ” บทที่ 10 พันธมิตร ไม่ได้ให้เสียงภาษาไทย
ไช้ตื้อเซ้งนั่งสงบนิ่งอยู่บนบัลลังก์ เบื้องหน้าคือยื่อต๊อที่เดินไปเดินมาอย่างกระวน
กระวายใจ ส่วนอาเฉ่านั่งดื่มกินอาหารจัดเลี้ยงจนคราบน้ำมันเลอะเปรอะเปื้อน
เงาร่างหนึ่งสาดพุ่งก่อนจะพลิ้วลงอย่างนุ่มนวลแผ่วเบาลงเบื้องหน้าไช้ตื้อเซ้ง
ที่แท้เป็นฉุ่ยยี้นี่เอง
“เป็นไร?” ไช้ตื้อเซ้งเอ่ยถามสั้น ๆ
“จ่อคาและซิงโท่ยล้วนจบชีวิตไปแล้ว” ฉุ่ยยี้ตอบด้วยท่าทีคล้ายเกรงกลัว
ไช้ตื้อเซ้งหน้าแปรเปลี่ยน คิ้วขมวดเข้าหากัน ชั่วครู่หนึ่งก็มลายหายไป พลางกล่าว
น้ำเสียงเคร่งเครียด
ไช้ตื้อเซ้ง
“ดูท่าเราประเมินอี่ทงฮวงต่ำทรามเกินไป นับดูแล้วกำลังเราเวลานี้เหลือเพียงห้าคน
เท่านั้น...
นึกไม่ถึงเลย กลุ่มสังหารเกียอุ้ยนึ้งอันเลื่องชื่อครั่นคร้ามจะต้องสูญเสียมากมายปานนี้...”
ยื่อต๊อที่ยืนรับฟังอยู่พุ่งปราดเข้ามาข้างกายฉุ่ยยี้
“ไช้เจี้ยง มอบมันให้เป็นหน้าที่ผู้น้อยเถอะ ผู้น้อยจะจัดการให้สาสมที่สุด”
ไช้ตื้อเซ้งปรายตามองยื่อต๊อแว่บหนึ่ง ไม่กล่าวกระไร ก่อนเบนสายตากลับมาที่ฉุ่ยยี้
“มีอีกประการหนึ่งที่ต้องรายงานให้ไช้เจี้ยงทราบ”
ไช้ตื้อเซ้งสีหน้าเรียบเฉย ผงกศรีษะเป็นเชิงตอบรับ ฉุ่ยยี้จึงเดินไปกระซิบที่ข้างหูของไช้ตื้อเซ้ง
คำพูดที่แผ่วเบาไม่กี่คำมีผลให้สีหน้าเรียบเฉยของไช้ตื้อเซ้งแปรเปลี่ยนชั่วครู่
ก็สลายไป
“ซิงโท่ยกระทำได้ประเสริฐนัก ฉุ่ยยี้เจ้าเล่าความนี้แก่ยื่อต๊อด้วย เราต้องพึ่งพามัน
สองคน”
ฉุ่ยยี้เดินเยื้องย่างไปถึงข้างกายของยื่อต๊อ ก้มลงกระซิบที่หูของยื่อต๊อ ทันทีที่ฟังจบสีหน้าของยื่อต๊อก็ปรากฏแววลิงโลด หัวร่อฮิฮะก่อนกล่าวว่า
“เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้อี่ทงฮวงหลบซ่อนที่ใด เราย่อมทราบอย่างแน่นอน”
จบคำยื่อต๊อก็ตะเบ็งเสียงหัวเราะอย่างสบอารมณ์
ฉุ่ยยี้เดินเยื้องย่างตรงมาที่บรรดาแขกร่วมงานเลี้ยงที่ถูกจับกุมตัว ก่อนจะเอ่ยถามว่า
“ในหมู่พวกท่าน มีผู้ใดที่รู้จักบุรุษที่ชื่ออีทงฮวง”
เพียงชื่ออี่ทงฮวงก็ทำให้มั้วเง็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ถึงกับตัวสั่นสะท้าน ใจหายวาบ
นางได้แต่ซุกงำความกังวลนั้นไว้
ฉุ่ยยี้รอสักพักเมื่อไม่เห็นมีผู้ใดตอบ จึงเอ่ยอย่างนิ่มนวล
“ข้าพเจ้าถามอีกครั้ง ผู้ใดรู้จักบุรุษชื่ออี่ทงฮวง ให้ก้าวออกมา มิเช่นนั้น...”
ฉุ่ยยี้
ฉุ่ยยี้เดินเข้าไปยืนเบื้องหน้าคหบดีมีฐานะ วัยกลางคนที่ใบหน้าแฝงแววราคะ
เพราะความงามรัญจวนใจของฉุ่ยยี้
ฉุ่ยยี้แย้มยิ้มหยาดเยิ้มให้คหบดีผู้นั้น พลางใช้ฝ่ามือขาวเรียวยาวอ่อนนุ่มลูบไล้
ใบหน้าของคหบดี
คหบดีผู้นั้นอดกระหยิ่มใจพลางคิดในใจ “ช่างโชคดีแท้คืนนี้...”
ฝ่ามือเรียวยาวอ่อนนุ่มของฉุ่ยยี้เลื่อนต่ำลงมา ผ่านจากลำคอก่อนจะมาวางประทับ
อย่างแผ่วเบาบนหน้าอกของคหบดีผู้นั้น ที่กำลังพริ้มตาอย่างมีความสุข
ฉุ่ยยี้แย้มยิ้มอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่ลี้ลับและเย็นยะเยือก
ทันใด!
คหบดีผู้นั้นก็ทรุดลงกับพื้น กระอักโลหิตคำโตออกมา ยังมีทันได้ร้องครวญคราง
คณบดีราคะก็สิ้นใจตายในทันที
แขกเหรื่อที่พบเห็นต่างร้องอุทานด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะเสียงเงียบลงด้วยคำพูดของฉุ่ยยี้
“ข้าพเจ้าถามอีกครั้ง ผู้ใดรู้จักบุรุษชื่ออี่ทงฮวงให้ก้าวออกมา มิเช่นนั้นพวกท่าน
ทั้งหมดจะมีสภาพเช่นนี้”
ฉุ่ยยี้แย้มยิ้มกล่าว พลางผายมือไปที่ร่างที่กลายเป็นศพของคหบดีรายนั้น
มั้วเง็กตัดสินใจผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“หยุดมือ...เป็นเราเอง”
ฉุ่ยยี้หันกลับมามองที่มั้วเง็ก นางผงกศรีษะและแย้มยิ้มเดินตรงมาที่มั้วเง็ก
มั้วเง็กอดประหวั่นพรั่นพรึงใจไม่ได้ นางมิอาจทราบเมื่อบอกไปแล้วจะมีผลเช่นไร
แต่นางทราบว่าหากไม่บอกจะมีผลเลวร้ายต่อคนบริสุทธิ์ทั้งหมดในที่นี้
คงต้องตายตกตามกัน
มั้วเง็ก
ฉุ่ยยี้ยืนเพ่งพินิจมั้วเง็กตั้งแต่หัวจรดเท้า ใช้ฝ่ามือเรียวงามเงยคางของมั้วเง็กขึ้นมา พลิกใบหน้ามั้วเง็กหันซ้ายขวา แล้วเดินสำรวจรอบกายของมั้วเง็ก จากซ้ายไปขวา
จากขวาไปซ้าย อย่างละหนึ่งรอบ ก่อนจะกลับมาหยุดยืนเบื้องหน้ามั้วเง็ก
“ข้าพเจ้าก็คิดอยู่ว่า ด้วยศักดิ์ฐานะของท่านหญิงน้อย ย่อมต้องรู้จักองครักษ์
อี่ทงฮวงเป็นอย่างดี...
เมื่อสักครู่ข้าพเจ้าก็เห็นสีหน้ากังวลใจของท่านปรากฏอยู่
ข้าพเจ้าเพียงแต่รอคอยว่าท่านจะทำเช่นไร?”
ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของตำหนักมังกรฟ้า
อี่ทงฮวงก้าวออกมาอย่างระแวดระวัง จากช่องลับหลังตู้หนังสือในห้องสมุดที่อยู่
บนชั้นที่สองของตำหนัก
พลางกวาดตาดูผ่านช่องหน้าต่างลงไปด้านล่าง ไม่พบเห็นอ๋องเอี๊ยถูกควบคุมตัวไว้ จึงได้แต่ครุ่นคิดในใจ
“หรือท่านอ๋องถูกนำตัวไปยังชั้นบนสุดของตำหนักมังกรฟ้า พวกมันคงบังคับหาทางให้ท่านอ๋องเปิดประตูคลังมังกร...”
ขณะครุ่นคิดแผนการหาทางช่วยเหลือ
ยื่อต๊อ
ยื่อต๊อที่อยู่กลางห้องโถงพลันเอ่ยขึ้น
“อี่ทงฮวงมาแล้ว เวลานี้มันอยู่ในตำหนัก”
จบคำร่างของยื่อต๊อก็พุ่งปราดออกไป แต่ยังคงช้ากว่าไช้ตื้อเซ้งที่สาดพุ่งวาบดุจสายลม เพียงแว่บหนึ่งก็ถึงหน้าประตูบานหนึ่ง
ไช้ตือเซ้งใช้ฝ่ามือฟาดกระแทก ประตูบานหนาหนักนั้นพังทลายดุจแผ่นเต้าหู้
เสียงดังอึกทึก
อี่ทงฮวงรับทราบพลังกดดันอันแกร่งกล้า ก็ทราบทันทีว่าผู้ที่กำลังพุ่งมาคือไช้ตื้อเซ้ง
เวลานี้หาใช่ปะทะซึ่งหน้าได้ อี่ทงฮวงจึงหลบกลับเข้าไปในช่องลับอีกครั้ง
และกดกลไกที่ข้างประตูเพื่อปิดผนึกไว้
ไช้ตื้อเซ้งเข้ามาถึงห้องหนังสือไม่พบเห็นมีอันใดผิดแปลก
ยื่อต๊อที่ตามมาสมทบโดยมีอาเฉ่ารั้งท้าย
ยื่อต๊อกวาดสายตาแว่บหนึ่ง ก่อนชี้มือ
“ตู้หนังสือ!”
ไช้ตื้อเซ้งสะบัดฝ่ามือแผ่พลังภายในส่วนหนึ่งออก ตู้หนังสือก็พังทลาย
หนังสือหลายเล่มปลิวกระจาย ขาดเป็นชิ้น
หลังตู้หนังสือเป็นช่องอุโมงค์ลับสายหนึ่ง ตลอดทางมีเทียนไขจุดไว้ตลอดรายทาง
ไช้ตื้อเซ้งยิ้มที่มุมปาก
“ที่แท้มีอุโมงค์ลับนี่เอง เราจึงตามหามันไม่เคยพบ มุสิกตัวนี้ช่างซุกซนนัก”
ไช้ตื้อเซ้งหันมาสั่งการ
“ยื่อต๊อ...อาเฉ่า...พวกเจ้านำกำลังคนตามล่ามันทางอุโมงค์นี้
หากพบให้สังหารได้ทันที
จงจำไว้ อี่ทงฮวงไม่ใช่คนที่พวกเจ้าจะประมาทฝีมือได้”
จบคำ ไช้ตื้อเซ้งก็สาวเท้าจากไป สวนทางกับพลพรรคชุดดำสิบนาย พวกมันล้วนวิ่งติดตามยื่อต๊อและอาเฉ่าเข้าไปทางอุโมงค์ลับ
อี่ทงฮวง
อี่ทงฮวงวิ่งตะบึงอยู่ในอุโมงค์ลับพลางหยุดฝีเท้าลง รู้สึกถึงพลังกดดันกลุ่มหนึ่ง
ใกล้เข้ามา ลอบเอ่ยผิดท่าในใจ
“หรือพวกมันพบทางเข้าอุโมงค์แล้ว ตอนนี้นำกำลังไล่ล่าเรา”
คิดถึงตอนนี้ จึงสลายพลังกดดันของตัวเอง และวิ่งตะบึงต่อไป
ไช้ตื้อเซ้งเดินกลับมาทรุดนั่งที่บัลลังก์ด้วยท่วงท่าเดิม
ฉุ่ยยี้จึงเดินเข้ามาเอ่ยถาม
“เป็นอย่างไร?”
“ยื่อต๊อกับอาเฉ่านำกำลังคนไปตามล่าอี่ทงฮวงในอุโมงค์ลับแล้ว
แต่เรายังไม่วางใจ เจ้ามีแผนแล้วกระมัง?”
ฉุ่ยยี้ผงกศรีษะแย้มยิ้มชั่วครู่
ฉุ่ยยี้โคจรลมปราณทั่วร่าง มีพลังงานไหลเวียนภายในกายของนาง
ทันใดนั้นใบหน้าของฉุ่ยยี้มีการเคลื่อนไหว
ผิวหนังและใบหน้าล้วนมีการเคลื่อนไหว
ชั่วครู่ทั้งใบหน้าและรูปร่างฉุ่ยยี้ก็แปรเปลี่ยนไปแล้ว...
ที่ยืนปรากฏตรงเบื้องหน้าไช้ตื้อเซ้งเวลานี้ไม่ใช่ฉุ่ยยี้ผู้งามล้ำและร้ายกาจ
ม้้วเง็ก (ฉุ่ยยี้)
หากแต่ที่ยืนเบื้องหน้ากลับเป็นมั้วเง็ก ดรุณีผู้สดใส น่ารักน่าทนุถนอม
ไช้ตื้อเซ้งชมดูอย่างชื่นชม บนใบหน้าปรากฎรอยยิ้มที่มุมปาก
“วิชาแปรสรีระสภาพของเจ้ายังคงยอดเยี่ยมนัก”
“ข้าพเจ้าคาดเดาว่าที่อี่ทงฮวงจะไปที่ใด ขอน้อมลา...”
จบคำฉุ่ยยี้ในร่างของมั้วเง็กก็โผบินออกไป วิชาตัวเบาของนางเป็นรองแค่ไช้ตื้อเซ้ง
เท่านั้น ท่าร่างทั้งรวดเร็วทั้งนุ่มนวล
ไช้ตื้อเซ้งเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาเพียงลำพัง
“อี่ทงฮวง ครานี้แม้เจ้ามีสิบชีวิตก็ต้องจบสิ้นทั้งสิบชีวิต!”
ไช้ตื้อเซ้ง
…โปรดติดตามตอนต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา