Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MovieTalk มูฟวี่ชวนคุย
•
ติดตาม
13 ก.พ. 2020 เวลา 12:09 • บันเทิง
MovieTalk มูฟวี่ชวนคุย
ภูมิใจเสนอ นิยายกำลังภายในเรื่องแรกของเพจ MovieTalk
“เงาวายุ” บทที่ 11
ความเดิม
ฉุ่ยยี้กลับมารายงานไช้ตื้อเซ้งบางอย่าง ที่ส่งผลให้พวกนางสามารถติดตามอี่ทงฮวงได้
ขณะเดียวกับที่อีทงฮวงกลับมาที่ตำหนักมังกรฟ้า ก็ทำให้ถูกพบเห็น แม้ว่าอี่ทงฮวงจะหลบหนีกลับเข้าไปในอุโมงค์ได้ทันก่อนการปะทะ แต่ยื่อต๊อ อาเฉ่า และนักฆ่าจำนวนหนึ่งได้ติดตามไล่หลังอี่ทงฮวงไปทางอุโมงค์ลับนั้น
ส่วนฉุ่ยยี้ใช้วิชาลับ แปรสรีระสภาพ เปลี่ยนโฉมหน้าและร่างกายของนายกลายเป็นมั้วเง็ก ก่อนจะติดตามไปสมทบกับพวกของยื่อต๊อ
“เงาวายุ” บทที่ 11 พันธมิตร ไม่ได้ให้เสียงภาษาไทย
อี่ทงฮวงโลดแล่นตามอุโมงค์ลับ หลังจากคิดทบทวนแล้วก็ตัดสินใจกลับไปทางตำหนักทักษิณอีกครั้ง
อี่ทงฮวงคิดใช้สถานที่แห่งนี้ตั้งรับกับกลุ่มมือสังหารที่กำลังติดตามมาด้านหลัง
เมื่อพ้นออกมาจากอุโมงค์ลับ
อี่ทงฮวงยังคงระแวดระวัง ตระเตรียมรับการจู่โจม แต่ไม่พบเห็นอันใด ขณะจะคิดอ่านต่อไป
พลัน...ได้ยินเสียฝีเท้าแผ่วเบา
อี่ทงฮวง
อี่ทงฮวงพลิ้วกายหลบทะยานขึ้นไปหมอบหลบเหนือหลังคาตำหนัก ใช้เนตรราตรีเพ่งมองเงาคนที่มุ่งตรงมาทิศทางนี้
เมื่อเพ่งมอง ก็พบเห็นเงาร่างอ้อนแอ้นที่คุ้นชิน อี่ทงฮวงจดจำออกในทันที
เงาร่างเช่นนี้มีเพียงหนึ่งเดียว
และเป็นหนึ่งเดียวที่ประทับในใจอี่ทงฮวง
เป็นเงาร่างของมั้วเง็กนั่นเอง!
แม้สีหน้าปรากฏแววดีใจ แต่อี่ทงฮวงยังเกรงว่าจะเป็นหลุมพรางที่ใช้มั้วเง็กเป็นเหยื่อล่อ
ตนจึงยังคงหมอบนิ่งสงบอยู่บนหลังคา
อีกครู่ใหญ่ เห็นเงาร่างนั้นคล้ายกระวนกระวายใจ เดินไปมา และคล้ายพยายามหลบหมอบ
เมื่อเห็นไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นใดอีก
จึงได้พลิ้วกายลงมาจากหลังคา พลางเอ่ยทัก
“มั้วเง็ก...”
มั้วเง็กสะดุ้งตกใจ หวีดร้องออกมา อี่ทงฮวงจึงปราดเข้าเบื้องหน้าของนาง
“มั้วเง็ก เป็นข้าพเจ้าเอง อี่ทงฮวง”
มั้วเง็กหยุดอาการตกใจเพ่งมอง ก่อนจะแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นดีใจ น้ำตาเอ่อคลอดวงตาของนางแล้ว
“อี่เฮีย เป็นท่านเอง ข้าพเจ้านึกว่าเป็นเหล่าคนชั่วพวกนั้น”
“ท่านหนีออกมาได้อย่างไร แล้วทำไมถึงมาที่นี่?”
อี่ทงฮวงย้อนถาม
“ข้าพเจ้าแอบหลบหนีออกมาในขณะที่ชุลมุนกับการล่าตัวศัตรู ข้าพเจ้าคาดคิดว่าต้องเป็นท่านที่ก่อกวนพวกมันจนหัวปั่นเช่นนี้ จึงหาโอกาสหลบหนีออกมาซ่อนตัว และลัดเลาะมาจนถึงตำหนักทักษิณแห่งนี้...”
มั้วเง็ก
“ข้าพคิดจะอาศัยเส้นทางนี้ ลงเรือหลบหนีออกไปขอความช่วยเหลือจากกองทัพที่ป้อมพิทักษ์แดนใต้..”
มั้วเง็กไม่ได้กล่าวกระไรต่อ
อี่ทงฮวงจึงกล่าวว่า
“วิธีของท่านเกรงว่าจะเป็นไปได้ยากแล้ว
เรือทุกลำที่นี่ถูกทำลายหมดสิ้นแล้ว!”
มั้วเง็กตะลึงลานครึ่งค่อนวัน พลางเอ่ยถามว่า
“แล้ว...แล้วเช่นนี้เราจะทำอย่างไรต่อไป?”
อี่ทงฮวงนิ่งเงียบ ตนเองก็อับจนคำตอบให้กับมั้วเง็ก ศัตรูตึงมือยังคงเหลือมากถึงห้าคน
ตนเองเพียงลำพังจะเอาชนะได้เช่นไร
“มั้วเง็ก ท่านทราบหรือไม่ เวลานี้ท่านอ๋องประทับอยู่ที่ใด?”
“ข้าพเจ้าเห็นคนผู้หนึ่ง คว้าตัวบิดาทะยานคล้ายเหาะเหินขึ้นไปบนยอดชั้นแปดของตำหนัก
แต่เมื่อกลับลงมาข้าพเจ้ากลับพบว่ามันผู้นั้นลงมาเพียงลำพัง เมื่อแรกก็อดตกใจมิได้
แต่คิดไปมาชั้นแปดเป็นคลังมังกร
พวกมันน่าจะบังคับบิดาให้เปิดประตูคลังเป็นแน่”
อี่ทงฮวงรับฟังพลางครุ่นคิดในใจ
“นับว่าเราประเมินสถานการณ์ได้ถูกต้อง ต้องรีบหาวิธีชิงตัวท่านอ๋องออกมาก่อนที่พวกมันจะบังคับให้เปิดประตูคลังมังกรได้สำเร็จ เมื่อนั้น ผลึกตะวันคงตกอยู่ในกำมือเกียอุ้ยนึ้งแล้ว”
ยังไม่ทันคิดอ่านใดต่อ อี่ทงฮวงจับพลังกดดันขุมหนึ่งใกล้เข้ามาแล้ว
“มั้วเง็ก ท่านรีบหาที่ซุกซ่อนตัวไว้ก่อน คนร้ายกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งตรงมาทางนี้”
มั้วเง็กยังมิทันเคลื่อนไหวใด ๆ เงาร่างจำนวนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทั้งสอง
เป็นชายร่างแคระหูใหญ่ใบหน้ายิ้มเย้ยตลอดเวลา ข้างกายมันเป็นชายจมูกโตไว้เคราเต็มใบหน้า เบื้องหลังของมันทั้งสองยืนไว้ด้วยนักฆ่าชุดดำอีกสิบนาย ยามนี้ทั้งหมดยืนเผชิญหน้ากับอี่ทงฮวงมั้วเง็กแล้ว
คนแคระนั้นคือยื่อต๊อ เป็นครั้งแรกที่มันพบเห็น
อี่ทงฮวง จึงจับจ้องมองไม่วางตา
“เจ้าคืออี่ทงฮวงกระมัง?”
อี่ทงฮวงยิ้มแต่ไม่ตอบ
บางครั้งไม่มีความจำเป็นต้องตอบ
เพราะตอบหรือไม่ก็คือการยอมรับ
ยื่อต๊อเห็นอีทวงฮวงนิ่งเงียบ แสดงว่ายอมรับ
จึงกล่าวต่อ
“เราตามหาเจ้ามาหลายชั่วยามแล้ว เจ้าช่างคล้ายมุสิกที่มุดไปมาให้เราไล่จับ
ค่ำคืนนี้เจ้าร้ายกาจนัก ทำให้พี่น้องของเราตกตายไปมากมาย
เกียอุ้ยนึ้ง ที่รวมเป็นคนเวลานี้เหมือนถูกตัดแขนขาไปหมดแล้ว
แต่คราวนี้เมื่อถึงมือเรา เจ้าก็ไร้ชีวิตในที่สุด”
อี่ทงฮวงที่ยืนสังเกตทั้งสองพักหนึ่ง พลางกล่าวว่า
“ท่านคงเป็นยื่อต๊อ (ใบหู) และ อาเฉ่า (จมูก) กระมัง?”
อาเฉ่า
อาเฉ่าหัวร่อแล้ว
“ฮา...นับว่าเจ้าตามีแวว เราคืออาเฉ่า ส่วนข้างกายนี่คือ ยื่อต๊อ จริง ๆ “
ยื่อต๊อเบนสายตามาที่มั้วเง็ก พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ใบหน้าฉายแววหื่นกระหาย
“รอให้เราจัดการกับมันเสร็จ เราจะจัดการกับเจ้าอย่างเหมาะสม ฮา....”
มั้วเง็กตกใจร่างสั่นเทาด้วยความกลัว ถึงกลับถอยกายไปหลบอยู่ด้านหลังของอี่ทงฮวง
อี่ทงฮวงเอ่ยขึ้น
“เฮอะ! ที่พวกเจ้าต้องการคือข้าพเจ้า ไม่ใช่นาง ข้าพเจ้าขอน้อมเตือน หากท่านแตะต้องนางก็ยากจะมีชีวิตแล้ว”
ยื่อต๊อหัวเราะเสียงดังลั่น ปรายตาให้นักฆ่าชุดดำทั้งสิบลงมือ
เสียงเคร้งดังขึ้น นักฆ่าชุดดำทั้งสิบคนขักดาบ กระบี่ อาวุธคู่กายออกมาพร้อมเพรียงกัน ประกายคมดาบกระบี่วาววับในความมืด
“ลงมือ!!!”
นักฆ่าชุดดำทั้งสิบกระจายตัวล้อมรอบอี่ทงฮวงและมั้วเง็กไว้
พวกมันทั้งหมดกระชับดาบกระบี่ในมือ เมื่อถึงเวลาก็ฟาดฟันคมดาบกระบี่เข้าใส่พร้อมกันดุจตาข่ายฟ้าคมอาวุธ
ยื่อต๊อมองออกว่า ด้วยระดับฝีมือเช่นอี่ทงฮวง ลิ่วล้อทั้งสิบหาใช่คู่มือไม่ แต่ที่ยื่อต๊อต้องการคือดูแนวทางวิชาของอี่ทงฮวง
ด้วยรูปลักษณ์ภายนอก การแสดงออกทำให้ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่ายื่อต๊อเป็นเพียงตัวโง่งม หุนหันมุทะลุ แต่แท้จริงแล้วมันกลับซุกงำสติปัญญาเพื่อหลวงลวงผู้คน
อี่ทงฮวงชักไม้พลองเหล็กออกมา กระชากออกเสียงดังเคร้งกังวานลั่น ประกายวาววับแล่บแปลบ
คมประกายแล่บแปล่บปลาบชั่วพริบตาสูญสลายไป
สีแดงกระจายไปทั่ว
เป็นสีแดงจากโลหิต
โลหิตที่ไหลออกจากคอหอยของนักสู้ชุดดำทั้งสิบ!
พวกมันล้มลงกองกับพื้นโดยพร้อมเพรียงกันเฉกเช่นตอนที่ลงมือ เมื่อจากไปก็พร้อมเพรียงกัน
อี่ทงฮวงยังคงยืนหยัดที่เดิม ดุจดั่งไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ยื่อต๊อ
ยื่อต๊อที่จับตาดูกระบวนท่าของอี่ทงฮวงไม่วางตาได้กล่าวขึ้น
“อันที่จริง เราก็ทราบว่าลิ่วล้อเหล่านี้ไม่สามารถโค่นล้มเจ้าได้”
“ท่านเมื่อทราบ ไฉนยังส่งมันเข้ามารับความตาย?” อี่ทงฮวงประหลาดใจถึงกับย้อนถาม
ในสายตาอี่ทงฮวง ทุกชีวิตล้วนมีคุณค่า
หากไม่จำเป็น อี่ทวงฮวงจะเว้นทางให้อีกฝ่าย
หนึ่งก้าว ให้โอกาสผู้คนหนึ่งครั้ง เพื่อแก้ไข
นี่คืออี่ทงฮวง!
ยื่อต๊อกล่าวตอบ
“เราต้องการรับทราบระดับพลังฝีมือของเจ้า
เวลานี้เราทราบแล้ว”
“ท่านทราบ...ทราบอย่างไร?”
“เราทราบว่าไม่อาจประมาทเจ้า ถึงกับต้องยอมรับ หากเรากับอาเฉ่าผนึกกำลังกันก็ยังเป็นรองเจ้า”
บนใบหน้ายื่อต๊อปรากฏรอยยิ้มที่ดูลี้ลับพิสดารประการหนึ่งขึ้น
“แต่เราก็ทราบจุดอ่อนของเจ้า...”
“จุดอ่อนของข้าพเจ้า?”
ยื่อต๊อชี้นิ้วไปที่มั้วเง็กที่ยืนอยู่ข้างกายอี่ทงฮวง
“จุดอ่อนของเจ้าคือ...นาง!”
อี่ทงฮวงถึงกับตะลึงลาน ตนเองนับว่าพลาดครั้งสำคัญ
มั้วเง็กเมื่อได้รับฟังถึงกับถดถอยกายไปอยู่ข้างกายด้านซ้ายของอี่ทงฮวง พลางกล่าวขึ้น
“อี่เฮีย...ข้าพเจ้า....”
ระหว่างที่วาจายังมิทันจบ
ฝ่ามือเรียวงามของมั้วเง็กก็ทาบลงบนทรวงอกด้านซ้ายของอี่ทงฮวงอย่างแผ่วเบา
บนใบหน้ามั้วเง็กปรากฎรอยยิ้มลี้ลับพิศดาร
ไม่ต่างจากยื่อต๊อ
อี่ทงฮวงลอบอุทานในใจ
“ผิดท่าแล้ว...”
แต่สายเกินไป พลังลมปราณสายหนึ่งแทรกซึมจากฝ่ามือของมั้วเง็ก เข้ามาทางทรวงอกมุ่งตรงสู่หัวใจของอี่ทงฮวง
ลมปราณสายนั้นก่อกวนให้ทั่วร่างกายของ
อี่ทงฮวงปั่นป่วนติดขัด
ตนเองรีบโคจรลมปราณหักล้างแต่ยังสายเกินไปครึ่งก้าว
อี่ทงฮวงกระอักโลหิตแล้ว!!!
โลหิตที่กระอักถึงกับกระเซ็นใส่ใบหน้ามั้วเง็ก
ส่วนร่างกายของตนเองล้มลงกองกับพื้น
อี่ทงฮวงพยายามหยัดกายลุกขึ้น แต่ลมปราณภายในและร่างกายต่างไม่เป็นใจ
ถึงกับกระอักโลหิตอีกครั้ง สติอี่ทงฮวงใกล้ดับวูบแล้ว
เบื้องหน้าที่อี่ทงฮวงเห็นคือความมืดมิด
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที
เสี้ยววินาทีแห่งความเป็นตาย
เมื่อพลาดก็หมายถึงชีวิต
เมื่อพลาดก็มีแต่หนทางตาย!
หรือครานี้อี่ทงฮวงต้องตาย?
โปรดติดตามตอนต่อไป
3 บันทึก
19
22
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เงาวายุ
3
19
22
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย