12 ม.ค. 2020 เวลา 03:48
14 Days in Japan : ตอนที่ 2 USJ แผนงอกที่พลาดไม่ได้
08.00-08.30 หลังกินอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดให้ฟรีก็ไปจุดหมายของวันนี้กันเลย Universal Studios Japan (USJ) หลังจากที่แอน (สาวน้อยในรูปถ่ายที่คุณจะได้เห็นบ่อยๆ ในทริปนี้) ได้ดูรายการซุโก้ยเจแปนเมื่อปลายปี แล้วรู้ว่าจะมีไลท์อัพการแสดงแสงสีเสียงปีใหม่ Voice of Angel และที่ปราสาทแฮร์รี่ มันก็เปลี่ยนแผนการเดินทางทั้งหมดเพื่อจะมา USJ เพื่อมาดูแสงสีเสียงนี้แหล่ะครับ
Universal Studios Japan (USJ) เป็นสวนสนุกระดับโลกที่สร้างโดยค่ายหนัง Universal Studios แน่นอนว่าเรื่องราวตัวละคร โดยเฉพาะการ์ตูนต่างๆ ก็ต้องเป็นผลงานจากค่ายนี้และรวมถึงการ์ตูนญี่ปุ่นอีกหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น อีวาแกเลียน สไปเดอร์แมน ทรานซ์ฟอร์เมอร์ คิตตี้ สนู๊ปปี้ เท็ด และที่เป็นไฮไลท์คือ แฮรรี่พ๊อตเตอร์
09.30-13.00 หลังจากที่สแกนบัตรเข้า USJ ที่จองผ่านเว็บไซต์โซนแรกที่ต้องไปแบบแทบจะวิ่งเลยนั่นก็คือ The Wizarding World of Harry Potter เหตุผลที่ต้องแทบจะวิ่งนั่นก็คือทุกเครื่องเล่นมีการต่อคิวซึ่งหลายๆ เครื่องเล่นต่อคิวยาวเป็นชั่วโมง
ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงงานปีใหม่ที่มีการจัดตกแต่งแบบคริสต์มาสซึงพอถึงตรงนี้คนก็เริ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆ แล้วล่ะครับ
นอกจากเครื่องเล่นก็จะมีมุมถ่ายรูปน่ารักๆ มากมายแต่ที่ผมชอบคือความน่ารักที่เป็นบุคคลิกของคนญี่ปุ่นดูเขาถ่ายรูปกันสิครับ 55555555
สำหรับรถไฟที่อยู่บนรางบ้านเราเรียกรถไฟเหาะตีลังกา มีหลายเครื่องให้เล่นที่ผมยกให้เป็นเบอร์ 1 สุดยอดเลยคือเครื่องเล่นที่ชื่อว่า BackDrop ไอ้เครื่องเล่นนี้เขามีวิธีเล่น 2 แบบ คือ แบบปกติคือหันหน้าออกตามปกติ คุณจะเห็นรางรถไฟว่ากำลังจะเจอกับอะไร กับอีกแบบคือ "หันหลัง" คุณจะไม่เห็นเลยว่าจะเจอกับอะไร ซึ่งผมต่อคิวขึ้นทั้งสองแบบ
ซึ่งผมขอบอกเลยว่าแบบหันหลังเป็นอะไรที่โคตรทรมาน หัวใจจะวาย เกือบจะอ้วก พอลงถึงพื้นแล้วขาสั่นยืนไม่อยู่เลยครับ ต้องนั่งพัก เป็นเครื่องเล่นที่โคตรโหดสะใจจริงๆ
เครื่องเล่นอีกชิ้นหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลยคือ Flying Dinosaur ไอ้เครื่องนี้ก็คือรถไฟเหาะอีกนั่นแหล่ะครับ เขาจะรัดตัวเราที่ช่วงตัว ปล่อยแขนขาให้ห้อยอิสระ จับตัวเราให้ขนานกับผิวโลก หลังจากนั้น ก็พุ่งเลยยยยยยยย จงกรีดร้องครับ เอาให้สุดเสียง ปล่อยมันออกมาให้หมด
เครื่องเล่นทุกชิ้นสนุกมากงานระดับโลกจริงๆ หลายๆ เครื่องจะใช้ระบบไฮโดรลิคและจอภาพ 360 องศาให้เราเข้าไปนั่งแล้วจับเราสั่นไปมาตามเรื่องราว มีพ่อน้ำ พ่นควัน พ่นไฟใส่ด้วย
ผมนี่ไม่ได้เข้าสวนสนุกมานานมากแล้วครับ การกรี๊ดการตะโกนเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยคูลเท่าไหร่ เสียอาการ แต่งานนี้ขอบอกเลยว่าปล่อยเต็มครับตะโกนจนเจ็บคอลงเครื่องมาขาสั่นพับๆ แต่ทุกเครื่องขึ้นฟรีกี่รอบก็ได้นะครับ จ่ายค่าเข้าครั้งเดียว
นอกจากเครื่องเล่น มุมถ่ายรูป ก็มีการคอสเพลย์เป็นตัวละครหรือตัวการ์ตูนต่างๆ เดินกันให้ทั่วงาน มีซุ้มงานวัด ปากระป๋อง ยิงปืนแลกของรางวัลกันแบบลิมิเต็ดด้วยนะ สำหรับในส่วนนี้ถ่ายรูปคู่กับคอสเพลย์ไม่เสียตังแต่ปากระป๋องแลกของเสียตังนะ แต่ของรางวัลคุ้มมากเป็นตุ๊กตาหมีจาก USJ อย่างดีเลย ไอ้หมี TED นี่แหล่ะครับ
ขอบอกว่าของที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ ในช่วงหน้าหนาวของญี่ปุ่นคือถุงอุ่นมือ “ไคโระ” เป็นถุงที่สามารถให้ความร้อนได้เอาใส่กระเป๋าเสื้อไว้ถ้าหนาวเอากำถงไคโระนี้เพื่อความอยอุ่นได้ครับ เพราะเวลายืนรอต่อคิวเครื่องเล่นกลางแจ้งอากาศจะหนาวมาก พกถุงไคโระไว้ไม่เสียของครับ
ผมเดินอยู่ในงานนี้ทั้งวันเพื่อรอเวลาไฮไลท์ของวันที่จะมีอีเว้นท์หลังพระอาทิตย์ตก ก็เดินวนไปวนมาลงที่โซนแฮร์รี่เหมือนเดิม
เดินจนหิว งานนี้เลือกกินข้าวที่ร้านไม้กวาดสามอัน (เขาเรียกกันอย่างนี้ตามในหนัง) อาหารฝรั่งครับ รสชาติไม่ถูกลิ้นคนไทยแบบผมเท่าไหร่ อยากได้อาหารอีสานมากกว่า แต่ก็โอเคครับกินอิ่มเพิ่มพลังได้
และเมื่อมาถึงที่นี่ก็คงพลาดไม่ได้กับ BUTTERBEER ของขึ้นชื่อใครมาก็ต้องลองชิม ขอบอกนะครับว่ามันไม่มีแอลกอฮอล์ และรสชาติหวานจัดบาดคอระดับน้ำตาลสดชิดซ้าย สำหรับผมคิดว่าเรามาซื้อประสบการณ์และเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีครับ แต่แก้วเดียวก็พอแล้วครับเดี๋ยวเป็นเบาหวาน
นั่งรอในร้านไม้กวาดสามอันจนพระอาทิตย์ตกดินแล้วเวลาการแสดงแสงสีชุดแรกที่เป็นการแสดงฉายแสงบนปราสาทแฮร์รี่ที่สุดยอดแห่งความอลังการ งานนี้ใช้ปราสาททั้งหลัง ยิ่งใหญ่สุดยอดไปเลยครับ (เดี๋ยวผมจะแนบคลิปรายการซุโก๊ยเจแปนให้ท้ายคอลัมป์นี้นะครับจะได้เห็นแสงสีเต็มๆ)
หลังจากนั้นก็วิ่งมาดู The Voice of an Angel ช่วงที่งานกำลังจะเริ่มแสดงก็มีการเคลียร์ถนน (การแสดงใช้อาคารเปิดโล่ง) กันคนออก จัดระเบียบให้เป็นที่เป็นทาง ตรงนี้การเดินเริ่มยากลำบากเพราะทุกคนอยากได้จุดดูงานที่ดีที่สุดเท่าที่ปัญญามี และผมสังเกตุหลายคนนั่งจองที่ตั้งแต่ช่วงเที่ยง
แล้วปัญญาในการหาที่ชมงานของผมก็มีแค่นี้แหล่ะครับ เห็นรูปดูเหมือนไกลแต่เอาจริงแล้วใกล้มากนะครับ ใกล้แบบไอ้ไอร้อนของพลุเลยแล้วกัน งานแสดงสุดยอดจริงๆ ครับอาคารที่เห็นด้านหน้าสูงราว 4-5 ชั้นได้ นางฟ้าถูกยกตัวขึ้นสูงมากจนหวาดเสียวแทนนักแสดง แสง สี เสียง พลุ ดอกไม้ไฟ ทุกอย่างจัดเต็ม
หลังจบงานแสดง The Voice of an Angel ก็เริ่มมีการเคลียร์ถนนกันอีกรอบเพราะจะมีพาเหรดจากการ์ตูนและหนังของค่าย Universal Studio กันต่อ สำหรับพาเหรดนี้มีทุกวันนะครับ
พาเหรดมาแล้ว.....ววววว....พาเรดไม่ได้มีแค่เดินไปเดินมาเฉยๆ นะครับ มีการแสดงเป็นเรื่องเป็นราวในขบวนด้วย
มีการเล่นควิดดิช และการโจมตีของเหล่าพ่อมดศาสตร์มืดด้วย ยิงแสงกันตูมตาม วิ่งหนีไปมา ไล่ล่า กันเหมือนเราอยู่ในสถานที่จริง แล้วก็มีเล่นกับคนดูด้วยนะ ใกล้ชิดกันดีจัง 5555555
ทรานเฟอร์เมอร์ ตัวโคตรใหญ่ครับแล้วยังขยับได้อย่างดีมากเนียนๆ มีการไล่ยิง ต่อสู้กันของบับเบิ้ลบีกับดีเซ็ปติคอน มีทหารไล่ยิงด้วย ยิงกับอะไร ยิงกับอสูรเอเลี่ยนตัวใหญ่ๆ ที่เป็นหนอนน่ะครับผมจำชื่อไม่ได้ เขาใช้โปรเจคเตอร์ยิงภาพขึ้นไปบนตึกเลย อย่างกับได้อยู่ในหนังแบบ 360 องศา
นี่ก็ไฮไลท์ผมชอบมากจูลาสิคพาร์ค นี่ตัวพอตัวใหญ่ เดินได้ มีตัวลูกเป็นทีเร็กซ์เดินตามแล้วก็คอยหลอกคนดูข้างทาง มีคนเลี้ยงคอยคุมตอนเดินมาหลอกให้เด็กกลัวโคตรน่ากลัวแต่พอเห็นกล้องชูสองนิ้วยิ้มหวานถ่ายรูปเฉยเลย
มินเนี่ยนครับ ตัวอะไรไม่รู้พูดไม่รู้เรื่องนอกจาก “บานาน่า บานาน่า” แต่น่ารักเกินไป รถไฟของมินเนี่ยนน่ารักมากครับ แสงสีสวยงามสุด มีความกวนๆ ตามบุคลิกเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ตลอดทางเลยครับ
วันนี้ทั้งวันอยู่แต่ที่นี่ เพราะรู้ว่ามาทั้งวันแน่ๆ เลยมาเตรียมตัวก่อนเที่ยวนอนที่โอซาก้าก่อนเลยหนึ่งคืน เป็นวันท่องเที่ยววันที่ 2 ที่โคตรเหนื่อยและแทบจะหมดแรงครับ เดินวนๆ อยู่ในนี้ราว 20 กิโลได้ หวีดร้อง ขาสั่น หิวโหย หนาว มือเย็น ปวดฉี่ แต่มีความสุขที่สุดและเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมากจริงๆ ครับ
พรุ่งนี้จะออกจาก โอซาก้าแล้วนะ......ฝากติดตามด้วยครับผม
ค่าเสียหายของวันนี้
JR 180 yen
ค่าบัตร USJ 4,600 yen
ค่าอาหาร 3,000 yen
JR ขากลับ 180 yen
ค่าโรงแรม Toyoko Inn 3,957 yen
ถุงไคโระแบบแพ็ค 1000 yen
คลิปรายการซุโก๊ยเจแปน
โฆษณา