13 ม.ค. 2020 เวลา 15:34
14 Days in Japan : ตอนที่ 3 ไปเกียวโต
ออกจากโอซาก้าไปเกียวโต วันนี้เป็นวันที่จะเดินทางรายจังหวัดต่อจังหวัด วันต่อวัน แต่จะไปไหนบ้างขออุบไว้ก่อน ผมใช้บัตรเดินทางยาวๆ เหมาๆ " JR Takayama-Hokuriku Area Pass " คุ้มสุดสะดวกสุด
ผมนั่งรถไฟนกสายฟ้า Thunder Bird มาลงสถานีเกียวโต แล้วลากกระเป๋าเข้าพักที่ Piece Hostel Kyoto ที่นี่น่ารักมาก ห้องพักสะอาด ทันสมัย มีความ Hipster มีชาวต่างชาติเยอะ ตอนกลางคืนมีปาร์ตี้ทาโกะยากิด้วย บรรยากาศกันเองน่าดู มาเกียวโตขอให้มาลองพักดูนะแล้วจะติดใจ
หลังจากเช็คอินก็ไปเดินสายไหว้พระด้วยรถเมล์ รถเมล์นั่งไม่ยากชื่อสถานีฟังยากนิดหน่อย ถ้าสงสัยว่าจะขึ้นถูกไหมก็ขึ้นไปถามคนขับได้ คนขับใจดี ไม่ไปเราก็ลงแค่นั้นเลย แนะนำให้ซื้อบัตรเที่ยววันเดียวไปจำกัด Kyoto 1 Day Pass ราคา 600 yen แล้วนั่งรถเมล์กันทั้งวันให้คุ้มไปเลย
จาก Kyoto นั่งรถไป Arashiyama โดยใช้บัตร Kyoto 1 Day Pass นั่งรถไปจุดแรกไฮไลท์ของ Arashiyama นั่นคือ สะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) เป็นสะพานยาวที่มีความย้อนยุค เดิมทีเป็นสะพานไม้แต่ปัจจุบันเป็นสะพานคอนกรีตแต่ก็ยังคงโครงสร้างและรูปแบบเดิมเอาไว้อยู่ หากไปที่สะพานนี้ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีภูเขาที่อยู่ด้านหลังจะเป็นสีแดงของใบไม้ทั้งหมดและถ้าหากมาช่วงซากุระผลิบานบริเวณสะพานนี้ก็จะเต็มไปด้วยต้นซากุระ ซึ่งตอนที่ผมไปเป็นช่วงหน้าหนาว ใบไม้ร่วงไปแล้ว
หลังจากถ่ายรูปนิดหน่อยเดินเล่นเล็กน้อยที่จุดหมายต่อไปคือ วัดเท็นเรียวจิ (Tenryuji Temple)
วันเท็นเรียวจิเป็นวัดที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากการจัดสวนที่สวยงาม มีทัศนียภาพของสวนกรวดแบบเซน บ่อน้ำ สวนหินและฉากหลังที่เป็นภูเขาที่มีป่าไม้สมบูรณ์ ป่าไม้และสวนของที่นี่จะเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ผมชอบและประทับใจวัดของญี่ปุ่นตรงที่ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ไม่มีการสร้างของที่แปลกประหลาด แปลกแยกจากธรรมชาติที่มีอยู่เดิม แต่ถึงอย่างนั้นหากไปวัดที่อยู่ในเมืองก็คงจะมีของแปลกๆ อยู่บ้าง
หลังจากชมสวนที่วัดเท็นเรียวจิ ผมก็เดินตามทางมาเรื่อยๆก็จะมาพบจุดท่องเที่ยวสุดฮิตอีกที่หนึ่งนั่นก็คือป่าไผ่ Chikurin-no-michi ที่นี่เป็นทางเดินที่สองข้างทางเป็นป่าไผ่สูงลิบๆที่หลายๆคนคงจะเคยเห็นจากภาพถ่ายหรือไกด์นำเที่ยวแล้วซึ่งก็สวยจริงๆครับ แต่คนเยอะนะ เยอะมาก จะถ่ายรูปแบบเงียบๆ คนเกลี้ยงๆ แบบในโปสต์การ์ดคงยากน่าดู
ผมอยู่ที่อาราชิยาม่าไม่นานอยู่แค่ครึ่งวันแล้วก็นั่งรถบัสไปต่อ จุดหมายปลายทางต่อไปคือ วัดเรียวอันจิ วัดนี้เป็นวัดสำคัญที่มีสวนหินแบบเซนที่มีความสวยงามระดับโลกจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
วัดเรียวอันจิ (Ryoan-ji) โด่งดังในเรื่องสวนหินแบบเซน (Karesanryu) สวนหินที่มีขนาด 248 ตารางเมตร บนพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า ทุกวันนี้เป็นสิ่งที่เป็นโจทย์ให้ผู้ศึกษาเซน ตีความหมายและทำความเข้าใจในสภาวะเซน ทุกวันนี้ยังไม่มีใครระบุความหมายของสวนหินแห่งนี้ได้อย่างกระจ่างหมดจด แต่ก็มีความเชื่อว่าหากผู้ใดมีความเข้าใจและเห็นหินทั้งหมด 15 ก้อนในสวนหินแห่งนี้จะถือว่าเป็นผู้บรรลุธรรม ผมนั่งนับได้แค่ 14 ก้อน เกือบบรรลุธรรมแล้วใช่ไหม ถ้าผมนับได้ 15 ก้อนคืนนี้คงขอฉลองด้วยเบียร์สักกระป๋อง
ออกจากวัดเรียวอันจิก็ไปจบที่วัดสุดท้ายนั่นก็คือ วัดทอง (Kinkakuji Temple) วัดนี้เป็นมรดกโลกอีกแล้วครับท่าน เป็นวัดสำคัญของญี่ปุ่นผมไปถึงเย็นแล้วคนน้อยดีจัง สำหรับวัดนี้ก็เหมือนเป็นวัดที่พลาดไม่ได้สำหรับคนที่มาเที่ยวเกียวโต ซึ่ง....ผมมา 2 ครั้งก็มาซ้ำวัดนี้ทั้ง 2 ครั้งเลย
หลังจากจบงานที่วัดทองก็กลับเข้าเมืองล่ะครับ งานนี้ลอกรายการซูโก๊ยเจแปนอีกแล้ว นั่นคือมาหาอะไรกินที่ตรอก Pontocho ย่านกินดื่มริมแม่น้ำคาโมะ แต่พอมาเดินดูวันนี้ผมไม่กล้าเข้าสักร้านเลยครับเพราะเราอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก บ้านที่ทำเป็นร้านอาหารของญี่ปุ่นก็เหมือนกับร้านปิดตลอดเวลาผมกลัวทำตัวเก้ๆกังๆไปกระชากประตูบ้านเขาแล้วจะโดนตำรวจจับฐานบุกรุก แต่ที่สำคัญคือรู้สึกว่าแต่ละร้านราคาแรงไม่ธรรมดา ดังนั้นผมจึงตัดสินใจย้ายไปฝั่งตรงข้ามเพราะเห็นคึกคักดี แต่ให้ตายสิ! ตรงนี้กลายเป็นแหล่งช๊อปปิ้งสตรีทของเกียวโตซะอย่างงั้น!!
Teramachi-dori ช๊อปปิ้งสตรีทเกียวโต ตอนแรกไม่รู้ว่ามันคือย่านอะไรแค่พยายามหาร้านอาหารราคาไม่แรงกินแล้วเดินหลงเข้ามาที่นี่ ตรงนี้มันคึกคักอย่างกับย่านดงโทโบริที่โอซาก้า ร้านค้าขายของวัยรุ่นเพียบ ร้านอาหารเพียบแต่ไม่รู้จะไปจบที่ร้านไหนและจะกินอะไร
ยังไม่ทันจะได้หาอะไรกินก็ไปโดนกางเกงยีนส์กันไปคนละตัว Japan Blue Jeans กางเกงยีนส์สัญชาติญี่ปุ่นที่ผมลอกรายการซูโก๊ยเจแปนอีกแล้วครับ แบรนด์นี้มีหลายสาขากระจายอยู่ทั่วญี่ปุ่นมีขายที่พรอนโตประเทศไทยด้วย กางเกงมีหลายเนื้อผ้ามีแบบบาง แบบหนา แบบนุ่ม แบบแข็ง เลือกสีเลือกทรงได้ราคาพอตัว รู้สึกดีที่ยังไม่ทันกินของแพงก็มาโดนกางเกงซะแล้วถือว่าเฉลี่ยนค่าใช้จ่ายได้หาของถูกๆ กิน ขอไม่เกิน 500 เยน
แต่เดินไปเดินมาก็ดึกแล้วพบว่าร้านที่เลือกไว้ก็ปิด บางร้านของก็หมด เหลือร้านนี้เห็นรูปวัวมาก็รู้เลยว่าเนื้อวัวแน่ๆ แต่เห็นคนต่อคิวยันดึกก็เลย....ลองดูหน่อย....
เหมือนถูกหวยครับ! ขุ่นพระ!! โคตรดี!!! โคตรอร่อย!!!! ผมขอบอกเลยว่าเป็นร้านที่อร่อยที่สุดที่กินมาใน 3 วันนี้ ร้านนี้ขายเนื้อวัวทอดแบบทงคัตสึ น้ำจิ้มมีให้ลอง 4 แบบ เสิร์ฟพร้อม ข้าว ซุป และเครื่องเคียง เนื้อวัวทอดแบบมีเดียมกึ่งสุก เนื้อแดงๆติดเลือด แต่กินแล้วไม่คาว เนื้อนุ่มไม่เหนียว แป้งกรอบไม่อมน้ำมัน หอมอะไรก็ไม่รู้ไม่รู้จักเครื่องปรุงญี่ปุ่น น้ำจิ้มอร่อยทุกสูตรถึงขั้นเอากระหล่ำปลีซอยมาจิ้มกินเล่น กินกันเกลี้ยงและต้องขอบอกว่าผมยังมีสติดีที่แยกออกว่าอร่อยเพราะหิวกับอร่อยเพราะอร่อยมันต่างกันอย่างไงร้านนี้จัดว่าโดนสุดครับ
ไม่ได้ถ่ายรูปป้ายชื่อร้านแต่มีรูปเมนูที่เข้าใจว่ามีชื่อร้านที่หน้าปก BEEF Cutlet Kyoto, Japan ตอนนี้ผมของแต่งตั้งให้ร้านนี้เป็นของขึ้นชื่อ ขึ้นหน้าขึ้นตาของเกียวโต ถ้าใครไปก็ห้ามพลาดนะครับ มันดีต่อคุณจริงๆ โดนไปคนละประมาณ 3000 เยน แต่กินแล้วเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ขุ่นพระ การได้กินอาหารอร่อยๆหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวันนี่มันดีจริงๆ โคตรจะฮิลลิ่งเลยครับ
กินเสร็จล่ะครับ ปิดทริปนี้กลับที่พักนอนตาหลับ พรุ่งนี้อยู่เกียวโตอีกครึ่งวันก่อนจะย้ายไปนอนที่คานาซาว่า โปรดติดตามครับ....
ค่าเสียหายของวันนี้
JR Takayama-Hokuriku Area Pass 14,000 yen (ใช้เดินทางทั้งภูมิภาค 4 วัน)
Kyoto City Bus 1-Day Pass 500 yen
ค่าเข้าวัด Kinkakuji 400 yen
ค่าเข้าวัด Ryoanji 500 yen
อาหาร 5000 yen
กางเกงยีนส์ 19800 yen
Piece Hostel Kyoto 3400 yen
โฆษณา