Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ยุคใหม่การตลาดของไทย
•
ติดตาม
17 ม.ค. 2020 เวลา 05:00 • ธุรกิจ
พื้นฐานของแนวความคิดด้านการตลาดยุคใหม่มาจากไหน?
ตอนที่ 5
มีเรื่องเล่าของคนขนอิฐและเขาต้องการขนอิฐที่มีน้ำหนักทั้งหมด 500 ปอนด์ จากตึก 4 ชั้นลงมาที่พื้นด้านล่างและปัญหาคือเขาพยายามขนอิฐลงมาด้วยตัวเขาเอง แล้วเขาก็พบว่าขนวนการทำด้วยตนเองทำให้เขาบาดเจ็บอย่างหนัก
คำแนะนำก็คือขอให้เขากรุณาขอคำแนะนำจากผู้อื่น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำบางสิ่งบางอย่างให้มีประสิทธิภาพด้วยตนเอง
ดังนั้นเราควรฝึกคนอย่างไรดีและพัฒนาคนได้อย่างไร นำเขาเข้ามาอยู่ในทีมเราเพื่อเราจะมีประสิทธิภาพ
มีอยู่ 5 กระบวนการในการฝึกและเสริมสร้างคนเป็นกระบวนการอย่างง่ายๆ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เราลงมือทำ ก่อนที่เราจะหนุนให้ใครทำอะไรเราต้องทำเองได้ด้วย เพราะว่าคนทำในสิ่งที่เขาเห็น นี่เป็นหลักการของแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก คนทำในสิ่งที่เขาเห็นเราจึงต้องเป็นแบบอย่างที่ดีต่อเขา
ขั้นตอนที่ 2 เราทำและเขาอยู่กับเรา ในการเสริมสร้างคนก็คือ นำบางคนให้ไปกับเราด้วย และเมื่ออยู่กับเราเขาจะเรียนรู้ที่จะทำ
ขั้นตอนที่ 3 เขาทำและเราอยู่ร่วมกับเขา หลังจากที่เราแสดงให้เขาเห็นสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว เราก็ถอยหลังออกมาและให้เขาทำ แต่เรายังอยู่กับเขา เพราะว่าเราจะได้ช่วยพัฒนาเขาให้ทำให้ดีขึ้น
Credit: https://www.pinterest.com/pin/615656211531208214/?lp=true
ขั้นตอนที่ 4 เขาลงมือทำเอง
ขั้นตอนที่ 5 เขาลงมือทำและมีคนอยู่ร่วมกับเขา ซึ่งหมายความว่าในขั้นตอนนสุดท้ายนี้เราได้เสริมสร้างคนได้อย่างสำเร็จคนที่เราเสริมสร้างสามารถไปเสริมสร้างคนอื่นได้ต่อไป
ถึงตอนนี้เราก็เริ่มทวีคูณในด้านการพัฒนาผู้อื่นและเราก็เพิ่มคุณค่าให้กับทีมอย่างมหาศาล
มีคนบอกว่ามีเรื่องแย่เกิดขึ้นคือ คนที่เขาฝึกแล้วออกจากทีมไป แต่ความจริงที่แย่กว่านั้นก็คือ การไม่ได้ฝึกคนและยังให้คนๆนั้นอยู่
นี่คือสิ่งที่ค้นพบเกี่ยวกับคนที่ประสบความสำเร็จซึ่งเป็นคนที่มีทัศนคติที่น่าทึ่งมาก ท่ามกลางความยุ่งยากและปัญหาและในเรื่องหนักหนาสาหัส พวกเขามีทัศนคติที่จะสามารถจัดการท่ามกลางเรื่องร้ายๆ
ขอเน้นไปยังเรื่องทัศนคติ นักพูดซึ่งสร้างแรงจูงใจจะบอกเราว่าทัศนคติคือทุกอย่าง สามารถทำให้เรารู้สึกดีได้เพียงข้ามคืน แต่เราไม่รู้ว่าทำไมเรารู้สึกดีขึ้นและเราก็บอกตัวเองว่าฉันรู้สึกดีจังเลย นั่นเพราะเขาจะให้หลักการกับเราที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา
ซึ่งเขาจะพูดว่าทัศนคติคือทุกอย่าง เขาจะยืนพูดต่อหน้าเราว่าทัศนคติคือทุกอย่าง เพียงคุณเชื่อคุณก็จะทำได้ถ้าคุณเชื่อคุณก็ไปถึงแต่ที่จริงแล้วทัศนคติไม่ใช่ทุกอย่าง
หลายครั้งที่พบว่าบุคคลที่มีทัศนคติที่ดีแต่ไม่มีความสามารถ หรืออีกนัยหนึ่งคือพวกเขามีทัศนคติที่ดีแต่ทำงานไม่ได้เรื่อง ตัวอย่างเช่นเราชอบดนตรีมากและมีทัศนคติที่ดีต่อดนตรี นั่นคือข่าวดี แต่ข่าวร้ายก็คือเราร้องเพลงไม่เป็น เราชื่นชอบดนตรีและเราอาจจะร้องเพลงได้ทั้งวันแต่ทัศนคติของเราอาจจะไม่ช่วยเราได้เลย ถ้าเราไม่มีความสามารถเราขาดทักษะเราอาจจะทำไม่ได้
Credit: https://www.phdmedia.com/australia/attitude-is-the-new-experience/attitude-1-2/
ดังนั้นทัศนคติจึงไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หมายความว่า เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเท่าเทียมกันหมด คนที่มีทัศนคติที่ดีที่สุดชนะและชนะทุกครั้ง
อีกตัวอย่างมีคน 2 คนมาสมัครงานในตำแหน่งเดียวกัน ซึ่งทั้งคู่ประสบการณ์ที่เยี่ยมยอด มีการศึกษาที่ดี มีภูมิหลังที่ดี ดูแล้วจะเลือกใครก็ได้ แต่ว่าอีกคนหนึ่งมีทัศนคติที่ดีอีกคนมีทัศนคติที่ไม่ดี ซึ่งแน่นอนว่าคนที่มีทัศนคติที่ดีจะได้งาน
สิ่งที่ค้นพบก็คือคนที่ประสบความสำเร็จซึ่งจะมีทัศนคติที่เยี่ยมยอดในการรับมือกับความล้มเหลว ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่คนที่ยังไม่เคยล้มเหลว
แต่สิ่งที่อยากบอกก็คือ คนที่ประสบความสำเร็จล้มเหลวมากกว่าคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะคนที่ประสบความสำเร็จจะยอมเสี่ยงจะพยายามอยู่ตลอดเวลา และจะพูดอยู่เสมอว่าเอาล่ะลองทำดู
คนที่ประสบความสำเร็จจึงล้มเหลวมากกว่าคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ นั่นเพราะว่าความล้มเหลวไม่ใช่ปัญหาและทุกคนล้วนเคยล้มเหลวมาก่อนทั้งนั้นและไม่มีใครชอบความล้มเหลว
เมื่อเราล้มเหลวจะมีการตอบสนอง 2 ประการ ประการแรกเป็นสิ่งที่ช่วยเรา ประการที่ 2 คือสิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวด การตอบสนองแรกจะทำให้เราดีขึ้นและประการที่ 2 จะทำให้เราขมขื่น
Credit: https://www.theglobeandmail.com
ในการตอบสนองที่มีต่อความล้มเหลวจะเป็นตัวกำหนดว่าเราได้ประสบความสำเร็จหรือไม่ และเมื่อเวลาที่เราล้มเหลวเราจะไม่ทำทั้งคู่แต่ละเลือกทำอย่างไดอย่างหนึ่ง คือ เมื่อเราล้มเหลวเราจะเรียนรู้จากความล้มเหลวของเรา หรือไม่ก็หนีจากความล้มเหลวที่เกิดขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ก็คือเขาจะอับอายต่อความล้มเหลว แทนที่จะอยู่กับความล้มเหลวเพื่อเรียนรู้บางอย่างจากสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้เป็นคนดีขึ้นจากความล้มเหลวครั้งนี้ เขากลับหาทางหนีความล้มเหลวนั้นอย่างเร็วที่สุดเขาถอยห่างออกมาหนีออกมาให้ไกลจากมันมากที่สุดเพราะเขาอับอายจากความล้มเหลวที่เกิดขึ้น
Credit: http://www.somkiat.cc/what-is-machine-learning/
นี่ก็เป็นส่วนที่สำคัญในการสร้างคนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และยังสามารถแยกแยะให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จและคนล้มเหลวได้อย่างชัดเจน
ที่มา:
How to be a REAL success seminar, 14th July 2015 by John C Maxwell
ข้อมูลมุมมองการตลาดที่ทันสมัยจากประสบการณ์จริง อ่านได้ใน Blockdit ยุคใหม่การตลาดของไทย
http://www.blockdit.com/modernizationmarketing
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย) ตอนล่าสุด
youtube.com
อยากเปิดร้านอาหารไทยในประเทศออสเตรีย 2
ขั้นตอนที่ต้องดำเนินการในการเปิดร้่านอาหารไทยในประเทศออสเตรีย อาทิ -เอกสารที่ต้องเตรียม -การขออนุญาต -การเตรียมตัวต่างๆ -ค่าธรรมเนียมต่างๆ -ข้อกฏหมายและกฎเกณ...
3 บันทึก
47
39
5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
พื้นฐานของแนวความคิดด้านการตลาดยุคใหม่มาจากไหน?
3
47
39
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย