18 ม.ค. 2020 เวลา 05:15 • ประวัติศาสตร์
#เกร็ดความรู้
ปัจจุบันโลกกำลังเข้าสู่ยุค Digital
แทบจะทุกวัน มีเทคโนโลยีใหม่ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่ มีหลาย ๆ คนที่ไม่มองถึงประโยชน์ที่ได้จากเทคโนโลยีนั้น และพยายามยับยั้งมันด้วย ความไม่เข้าใจ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่โลกเจอเหตุการณ์แบบนี้
จะขอยกตัวอย่างเหตุการณ์หนึ่งสุดคลาสสิค ในประเทศอังกฤษมาให้ได้อ่านกันครับ
ที่มารูป : https://medium.com/bitbees/fatf-and-the-red-flag-act-of-money-17350801a5f2
ในช่วงปี 1800 นวัตกรรม รถยนต์เริ่มมีมาให้เห็นในประเทศยุโรป
ในตอนแรกเป็นรถยนต์แบบรถจักรไอน้ำ และถูกแทนที่ด้วยน้ำมันแทน
ด้วยความที่เทคโนโลยีรถยนต์นี้ จะมาทดแทน รถไฟ และรถม้า ที่มีอยู่ในช่วงสมัยนั้น
จึงทำให้เกิดแรงต่อต้านที่รุนแรง
โดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษ ที่เรียกได้ว่ามีระบบขนส่ง ทั้งรถไฟและรถม้า มากเป็นอันดับต้น ๆ ตอนนั้นของโลก
2
จากแรงบีบของหลายต่อหลายฝ่าย ในปี 1865
ทางสภาของอังกฤษจึงต้องออกกฎหมาย พระราชบัญญัติ ธงสีแดงขึ้นมา
(Red flag act)
พระราชบัญญัตินี้กำหนดว่า หากใครที่จะใช้รถยนต์ในการเดินทางจำเป็นจะต้องมีเงื่อนไขดังนี้
มีคนทั้งหมด 3 คน คือ คนขับ คนดูแลเครื่องยนต์ และคนถือธง
รถยนต์ถูกกำหนดให้วิ่งด้วยความเร็ว 14 mph หรือ 23 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และ ไฮไลต์มันอยู่ที่คนถือธงนี่แหละครับ
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Charles_Rolls_driving_a_Peugeot_1896.jpg
คนธือธงมีหน้าที่ล่วงหน้าไปตามถนน เพื่อแจ้งว่ากำลังจะมีรถยนต์ผ่าน ให้ระมัดระวัง
เพราะตอนนั้นคนมองรถยนต์ว่าเป็นพาหนะอันตราย ที่สามารถทับคนตายได้ เสียงก็ดัง
และยังใช้น้ำมันที่หายาก มาเป็นเชื้อเพลิง
สุดท้ายแล้ว คนก็เลิกใช้รถ และหันมาใช้ม้าเหมือนเดิม
1
เพราะกฎข้อบังคับ ต่าง ๆ มันทำให้ลำบากกว่าการใช้รถม้าบนท้องถนน
และรถม้าก็มีราคาถูกกว่า ที่สำคัญที่สุดคือ มันเร็วกว่ารถยนต์ด้วย (ด้วยกฎบังคับที่ว่า)
รถยนต์ที่ควรจะวิ่งด้วยความเร็วที่เต็มประสิทธิภาพ ก็ถูกจำกัดความสามารถ ด้วยเหตุผล ของคนที่ไม่ได้เข้าใจ ในตัวมันเลย
ท้ายที่สุดแล้ว อังกฤษ ก็ต้องยกเลิกกฎหมายนี้ไป
หลังจากที่เห็นประเทศข้างเคียงใช้รถยนต์กันอย่างแพร่หลายแล้ว
เพราะประเทศในทวีปยุโรปอื่นๆ ใช้รถยนต์แบบไม่มีกฎหมายบังคับเข้มงวดแบบนี้
และมันก็ได้แสดงศักยภาพที่มีของมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
1
อ่านมาถึงตรงนี้
ลองมองย้อนดูสิครับว่า
ในตอนนี้ มันกำลังเกิด Red Flag Act อีกรึเปล่า
ถ้ายัง เราจะทำยังไงดี ที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้น??
เพราะนอกจากมันจะสร้างความเสียหาย ให้กับประเทศเป็นอย่างมากแล้ว ยังทำให้เราก้าวได้ช้ากว่า ที่ควรจะเป็นไปอีกมากด้วยทีเดียว
ประวัติศาสตร์ มักจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมก็เป็นแค่หนึ่งคน ที่ไม่อยากให้ ประวัติศาสตร์ นี้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้งง
จึงพยายามถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับทุกคนได้รับรู้กัน
ก่อนจะถึง หัวข้อ Social Banking จะมีเรื่องราวมาเสริมความรู้กันก่อน แต่ก็อดใจรอหน่อยนะครับ😊😊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา