24 ม.ค. 2020 เวลา 14:20
14 days in Japan : วันที่ 11 หอศิลป์อุเอโนะ
พิพิธภัณฑ์ในเอเซียที่ใหญ่และมีผลงานศิลปะที่ดีๆ ศิลปินสำคัญของโลก ที่อยู่ใกล้ๆ บ้านเราผมคิดว่าที่นี่ครับอุเอโนะ กรุงโตเกียว ใกล้ที่สุด มีงานแสดงดีๆ มาให้ดูเรื่อยๆ และงานแต่ละชิ้นก็เป็นผลงานต้นฉบับ Original Master Piece จากศิลปินระดับโลก
วันนี้นะครับในฐานะศิลปินผู้สนใจศิลปะ มีความตั้งใจที่จะไปดูผลงานของ Peter Paul Rubens ได้ยินชื่อมานานตั้งแต่สมัยเรียน จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นศิลปินยุคบาโร๊ค ทำงานหลายอย่างแต่ที่เด่นๆ คืองานภาพวาด
พอผมไปถึง.....แมร่งงงงงงง......ปิด!!!!.......ฮรืออออออT_T......
อดดูงาน Rubens แอนบอกเปลี่ยนแผนย้ายมาทางนี้ ดูงาน Vermeer ก็ได้ ที่สวนอุเอโนะมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะดีๆ อยู่ 2 แห่งติดกันนั่นคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตกแห่งชาติ (National Museum of Western Art) และพิพิธภัณฑ์ศิลปะโตเกียว (Tokyo Metropolitan Art Museum) ช่วงที่ผมมามีงานแสดงดีๆ ทั้งสองแห่งเลย
เลยเปลี่ยนแผนไปดู เวอร์เมียร์ ที่ค่าเข้าชมเกือบ 3,000 เยน แพง!! แต่ก็ลังเล อยากดู แต่แพง อยากดู แต่แพง แต่ถ้าไม่ดูก็ต้องถ่อไปดูที่ยุโรป เสียตังค์แพงกว่าและครั้งนี้เป็นการแสดงภาพของเวอร์เมียร์ 9 ภาพจากทั้งหมด 35 ภาพที่มีอยู่ทั่วโลก โดยทางพิพิธภันฑ์ที่ยุโรปส่งมาร่วมจัดแสดงจาก 5 แห่ง ถ้าไม่ดูคงไม่ได้เห็นภาพจากพิพิธภัณฑ์ทั้ง 5 แห่งจากยุโรปพร้อมกัน ยอม ยอม ยอม
คนต่อคิวกันดูเพียบเลยครับกว่าจะเข้าได้ใช้เวลานานอยู่นะ เข้าเป็นรอบๆ แต่ละรอบก็ดูได้ครั้งละ 1 ชั่วโมง
แต่ระหว่างเข้าแถวรอก็มีดอกซากุระให้ชม โอยยยย....พึ่งเคยเห็นดอกซากุระครับ เขาออกหลงฤดูหรือไร ไม่รู้ได้แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นซากุระและได้เห็นใกล้ขนาดนี้
งานแสดงผลงานของ Vermeer ไม่สามารถถ่ายรูปมาให้ชมได้ครับ ได้แต่บอกว่าการได้เห็นภาพต้นฉบับของศฺลปินเป็นความ "อิ่ม" ในความรู้สึกและผลงานต้นฉบับมันมีความสวยงามมากกว่างานก๊อปปี้ มากกว่างานปริ้นท์ ถึงแม้ว่าจะปริ้นท์ออกมาดีแค่ไหน แพงแค่ไหนก็สู้ภาพต้นฉบับไม่ได้จริงๆ ครับ ผมบอกเลยว่างานนี้อิ่มจริงๆ เลยซื้อรูปเวอร์เมียร์กลับมาที่บ้านรูปนึง 700 เยน ปริ้นลงกระดาษดี๊ดี เดี๋ยวเอามาใส่กรอบเอาไว้ดูคนเดียว
จบจากอุเอโนะก็มาวัด Asakusa เรียกได้ว่าวัดนี้เป็นแลนด์มาร์ก นักท่องเที่ยวลง มาโตเกียวครั้งแรกต้องมา ภาพมันต้องมี ไม่มีถือว่ามาไม่ถึง
ฝนก็ตก ฟ้าก็ปิด หนาวก็หนาว.....
แต่ควันธูปและสาวญี่ปุ่นทำให้เราอบอุ่นได้ แหมมมมม....
วัดนี้คนเยอะคึกคักวัดสวย แหล่งช๊อปปิ้งสตรีทของกลุ่มทัวร์เลยครับ
ถ้ามาวัดนนี้ให้เดินออกประตูหลังวัด ข้ามถนนไปจะเจอร้านไอติมชาเขียว "ซุซุกิเอ็น x นานายะ" ร้านนี้สุดยอดมากครับ เขาบอกว่าเป็นไอติมชาเขียวที่เข้มข้นที่สุดในโลกมีระดับความเข้มให้กิน 7 ระดับ ผมซัดระดับที่ 7 ไปเลย ขอบอกว่าอร่อยจริงๆ แต่ความขมก็ประมาณกาแฟเข้มๆ แก้วหนึ่ง กินได้สบายๆ ครับ ใครชอบความเข้มข้นของชาเขียวก็ขอให้ลองไปเลย
กินไอติมไม่อิ่มครับเลยวนมารถไฟใต้ดิน ร้านอาหารที่รถไฟใต้ดินจะถูกหน่อยราคาช่วง 500 เยนแต่อิ่มแปร้ อันนี้อย่าเห็นว่าชามเล็กนะครับ กินกันเหนื่อยเลยนะครับ (มีร้านหนึ่งที่โอซาก้ามีข้าวรีฟิลให้ด้วยประหยัดสุดๆ)
หลังจากนั้นก็ไปย่านช๊อปปิ้งอีกแล้ว ถนนนี้เป็นถนนเลียบแม่น้ำแต่ผมอยากเรียกว่าคลองมากกว่าชื่อ นากาเมะกุโระ ที่นี่ขายงานแฮนด์เมด เน้นเสื้อผ้า
สินค้ามีแบรนด์ของตัวเอง ยี่ห้อตัวเองแรกๆ ผมคิดถึงงาน OTOP แต่ที่นี่ไม่งั้นสิงานทุกชิ้น แพง!!!!!!
เสื้อผ้าย่านนี้เป็นแนวทำมือฮิปสเตอร์ วินเทจน์ถ้าใครเคยอ่านคอลัมป์ฝรั่งฮิปสเตอร์คนนึงมันประกาศเลิกเป็นฮิปสเตอร์เพราะค่าเป็นฮิปสเตอร์มันแพงมากสวนทางกับรายได้ผมก็บอกได้เลยว่าค่าเสื้อผ้าที่นี่แพงมากจริงหวะ แต่มันจะได้ของดี ไม่ซ้ำใคร คอนเซปต์ วัตถุดิบ การออกแบบ บางร้านเป็นวัสดุอีโค่ทั้งร้านกระเป๋าสตางค์ทำจากกระดาษ วิธีพับแบบโอริกามิ ราคา 10,000 บาท
แต่สวยขนลุก แข็งแรง ไร้รอยต่อ มินิมอลและเวลาถือดูให้อารมณ์ต่างกับถือกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงที่คนรวยๆ ชอบถือเลย
อาร์ตติสกับคนรวยมันต่างกันตรงนี้ แต่ราคาของงานแฮนด์เมดมันก็ไม่ใช่ถูกนะ สำหรับผมพอเห็นราคาที่เขาตั้งขายแล้วถือว่าถูกมาก ติดอย่างเดียวตรงที่....
ผมไม่มีตังค์....T_T
ตกดึกขอกาแฟสักแก้ว.....หนาวจากอากาศและหนาวจากราคาของแถวนี้.....เดี๋ยวพรุ่งนี้ออกจากโตเกียวล่ะครับ.....ไปไหนดี จุดหมายปลายทางสุดท้าย....
ค่าเสียหายวันนี้
ค่าอาหาร 3,500 เยน
ค่าโดยสาร 750 เยน
ค่าเข้า Tokyo Metropolitan Art Museum 3,000 เยน
Toyoko Inn Tokyo 3,972 เยน
(ผมลืมบอกไปว่าค่าโรงแรมต้อง x2 นะครับเพราะราคานี้คือราคาต่อคนแต่ผมนอน 2 คน ดังนั้นราคาจริงคือ 7,948 เยน)
โฆษณา