4 ก.พ. 2020 เวลา 03:57 • ปรัชญา
บทนำ
ฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ. 1992 เท่าที่จำได้อยู่ราวๆช่วงวันอีสเตอร์ มีปรากฏการณ์มหัศจรรย์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นในชีวิตผม [ผู้เขียน - นีล โดนัลด์ วอลซ์] `พระเจ้า`ได้เริ่มต้น "พูดคุยกับคุณผ่านทางผม"
ให้ผมอธิบายนะ
ช่วงเวลาดังกล่าวผมไม่มีความสุขเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว หรือเรื่องภาวะอารมณ์ ชีวิตดูเหมือนจะล้มเหลวไปทุกอย่าง ช่วงนั้นผมติดนิสัย`เขียนระบายความคิดลงไปในจดหมายมานานหลายปีแล้ว` (แต่ไม่เคยส่ง) ผมจึงหยิบสมุดฉีกสีเหลืองผู้ซื่อสัตย์ขึ้นมา แล้วก็เริ่มพรั่งพรูความรู้สึก
ครั้งนั้นแทนที่จะเขียนจดหมายถึงใครซักคนซึ่งผม`จินตนาการว่าคือคนที่ทำให้ผมตกเป็นเหยื่อ` ผมคิดว่าคราวนี้จะเขียนตรงไปยังแหล่งกำเนิดเลยดีกว่า ไปหาต้นตอใหญ่ที่ทำให้เราต้องรับเคราะห์ `ผมตัดสินใจเขียนถึงพระเจ้า`
มันเป็นจดหมายที่เต็มไปด้วย`ความรู้สึกอาฆาตและรุนแรง` อัดแน่นด้วยความสับสน อารมณ์ที่บิดเบี้ยว และการกล่าวประณามต่างๆนาๆ รวมทั้งคำถามอันโกรธเกี้ยวกองมหึมา
2
ทำไมชีวิตผมถึงไม่ได้เรื่อง? ผมต้องทำอย่างไรชีวิตถึงจะดีขึ้นเสียที? ทำไมผมถึงไม่มีความสุขในความสัมพันธ์เลย? ทำไมผมถึงมีเงินไม่พอใช้ตลอด? สุดท้ายและสำคัญที่สุด ผมทำอะไรไว้หนักหนาถึงต้องมามีชีวิตที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ไม่จบสิ้นขนาดนี้?
2
แล้วผมก็ต้องประหลาดใจ เพราะทันทีที่ระบายความขมขื่นสุดท้ายจากเหล่าคำถามที่ปราศจากคำตอบจบและเตรียมจะวางปากกาลง `ก็เหมือนกับว่ามีพลังบางอย่างซึ่งมองไม่เห็นทำให้ปากกาที่กำลังจะหยุดนั้นเขียนถ้อยคำต่อไปอย่างฉับพลัน` ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะเขียนอะไร ความคิดต่างๆหลั่งไหลเข้ามาเอง ผมจึงปล่อยออกมา...
*เธอต้องการคำตอบสำหรับคำถามพวกนี้จริงๆ หรือแค่จะระบาย?
ผมกระพริบตา...แล้วคำตอบก็ผุดขึ้นในใจ ผมเลย`เขียน`ลงไปว่า "ทั้งสองอย่าง" ใช่...ผมอยากจะระบาย แต่ถ้าคำถามพวกนี้มีคำตอบจริงๆละก็ นรกเอ๊ย...ผมอยากจะฟังแน่นอนอยู่แล้ว!
*เธอใช้คำว่า "นรก" กับหลายๆอย่างนะ ไม่ดีกว่าหรือถ้าจะพูดว่า "สวรรค์เอ๊ย!" แทนน่ะ?
2
ผมเขียนต่อว่า "หมายความว่ายังไง?"
กว่าจะรู้ตัว ผมก็ได้เริ่มการสนทนาเสียแล้ว...จริงๆไม่ได้เป็นการเขียนมากไปกว่า`แค่คอยจดถ้อยคำที่ไหลออกมาเหมือนเขียนไปตามคำสั่งเท่านั้นเอง`
การจดบันทึกบทสนทนานี้ดำเนินไปถึง 3 ปี ตลอดช่วงเวลานั้นผมไม่รู้ว่ามันจะดำเนินไปอย่างไร ผมไม่รู้คำตอบของคำถามที่เขียนจนกว่าจะเขียนเสร็จ ซึ่งผมจะต้องไม่คิดไปเองด้วย บ่อยครั้งคำตอบก็มาเร็วเกินกว่าจะบันทึกได้ทัน จนผมต้องรีบจดด้วยลายมือหวัดๆ ด้วยกลัวว่ามันจะสูญหาย
1
เมื่อเริ่มสับสนหรือ "รู้สึกว่าถ้อยคำเหล่านั้นกำลังมาจากที่อื่นแล้ว" ผมจะวางปากกาลงและออกจากบทสนทนาไปก่อนจนกว่าจะรู้สึกถึง `แรงบันดาลใจ` (ต้องขออภัย ไม่มีคำไหนเหมาะกว่าคำนี้จริงๆ) ให้กลับมาหาสมุดฉีกสีเหลืองอีกครั้ง...แล้วเริ่มต้น `จดคำตอบต่อไป`
1
ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้บทสนทนาก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งหลายส่วนจะปรากฏในหน้าถัดๆไปที่คุณจะได้อ่าน หน้ากระดาษซึ่งบรรจุการสนทนาแสนอัศจรรย์ `ที่ตอนแรกผมไม่เชื่อ` ต่อมาก็ยังคิดแค่ว่าเป็นประสบการณ์ส่วนตัว
แต่เวลานี้ผมเข้าใจแล้วว่ามันมีจุดหมายมากกว่านั้น ไม่ใช่แค่สำหรับผมเพียงคนเดียว แต่ยังมีความหมายสำหรับคุณและใครก็ตามที่บังเอิญได้อ่าน เพราะคำถามของผมก็คือคำถามของคุณด้วย
ผมอยากให้คุณเข้าสู่บทสนทนานี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะสิ่งสำคัญจริงๆในที่นี้ไม่ใช่เรื่องราวของผม หากเป็นเรื่องราวของคุณ
เรื่องราวในชีวิตคุณเองที่พาคุณมาที่นี่ ประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวของคุณนั่นแหละที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้ ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่มาอยู่ตรงนี้ขณะนี้กับหนังสือเล่มนี้
10
ฉะนั้น ขอเชิญเข้าสู่การสนทนา ซึ่งเริ่มด้วยคำถามที่ผมได้เพียรถามมาเป็นเวลานานว่า...
พระเจ้าพูดอย่างไร?
กับใคร?
ตอนที่ถามออกไปนั้น คำตอบที่ได้รับคือ...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา