4 ก.พ. 2020 เวลา 15:26 • การศึกษา
HeartBeat2.
ใครที่ไปงานแต่งงานอาจจะเคยได้ยินเพลงที่ร้องว่า
Something's telling me it might be you
It's telling me it might be you
All of my life...
ถ้าหากได้ยินทำนองแล้วคุณจะต้องร้องอ๋ออ ทันที
เพราะเพลงนี้ถือได้ว่าเป็นเพลงสุดคลาสสิกประจำงานแต่งงานไปแล้ว
ส่วนใครที่คิดไม่ออก ลองฟังดู นะคะ
เพลงนี้ก็คือเพลง 'It might be you' ของ Stephen Bishop
ว่าด้วยผู้ชายคนหนึ่ง ที่อยู่กับความว้าเหว่มาชั่วชีวิต
จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาได้แต่หวังว่า คนๆนั้นอาจเป็นเธอ....
เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าเนื้อเพลงจะซึ้งกินใจขนาดไหน
Time, I've been passing time
Watching trains go by.
All of my life,
ทั้งตลอดชีวิตของผม ได้แต่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไป
Lying on the sand watching seabirds fly.
ผมเอนกายลงบนผืนทรายเฝ้ามองดูนกบินผ่าน
Wishing there would be
Someone waiting home for me.
ได้แต่หวังว่าจะมีใครซักคนเฝ้ารอผมอยู่ที่บ้าน
Something's telling me it might be you
It's telling me it might be you
บางสิ่งบางอย่างกำลังบอกกับผมว่าคนๆนั้นอาจเป็นคุณ
..สิ่งนั้นพร่ำบอกว่าอาจคือคุณ
All of my life...
Looking back as lovers go walking past
ตบแดชีวิตของผม ผมได้แต่มองดูคู่รักหลายคู่เดินผ่านไป
All of my life,
Wondering how they met and what makes it last.
ชั่วชีวิตของผม
ได้แต่สงสัยว่า พวกเขาพบรักกันได้อย่างไรและอะไรที่จะทำให้เขาทั้งสองครองรักจวบจนนิรันด์
If I found the place,
Would I recognize the face?
แล้วถ้าหากเราได้เจอกันในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง
ผมจะรับรู้ได้มั้ยว่าคนๆนั้นคือคุณ
Something's telling me it might be you.
Yeah, it's telling me it might be you.
แต่บางสิ่งกำลังบอกผมว่าคนๆนั้นอาจเป็นคุณ
ใช่แล้วว..สิ่งนั้นพร่ำบอกว่าอาจใช่คุณ
So many quiet walks to take
ผมจะต้องเดินเพียงลำพังอีกนานแค่ไหน
So many dreams to wake
หรือจะต้องตื่นจากฝันอันเดียวดายอีกกี่นิทรา
And we've so much love to make
และด้วยความรักที่ล้นเอ่อในหัวใจนี้
I think we're gonna need some time
ผมคิดว่าเราอาจจะต้องการเพียงห้วงเวลา
Maybe all we need is time
ใช่แล้ว เราอาจจะต้องรอแค่เวลาที่จะได้เจอกัน
And it's telling me it might be you
และผมมันยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าคนๆนั้นคือคุณ
All of my life
I've been saving love songs and lullabies
ชั่วชีวิตของผม
ผมเฝ้าถนอมเพลงรักอันหวานซึ้งและเสียงขับกล่อมยามค่ำคืน
And there's so much more
No one's ever heard before
ซึ่งมันมีมากมายเหลือเกินและยังไม่มีใครเคยได้ยินท่วงทำนองเหล่านั้น
Something's telling me it might be you
Yeah, it's telling me it must be you
And I'm feeling it'll just be you
บางสิ่งบางอย่างบอกผมว่าคนๆนั้นอาจเป็นคุณ
ใช่แล้ว...สิ่งนั้นพร่ำบอกว่าคือคุณ
All of my life
It's you
It's you
I've been waiting for all of my life
ชั่วชีวิตของผม
คือคุณ
คุณคนเดียว
ที่ผมเฝ้ารอคอยมาทั้งชีวิต
คำศัพท์ที่ได้จากเพลงนี้
recognize (V.)= จดจำ นึกได้
Wonder (v.) =สงสัย
lullabies (n) = จริงๆแล้วแปลว่าเพลงกล่อมเด็ก แต่ในที่นี้ขอแปลว่า เพลงขับกล่อมให้เธอหลับไหลยามนิทรา เพงงรักเพลงซึ้งอะไรก็ว่าไป
สำนวนที่น่าจดจำไปใช้
1. I've been passing time
Watching trains go by.
การปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปอย่างไร้จุดหมาย อารมณ์ประมานว่า เวลาผ่านเลยไปแป๊บๆอายุเข้า เลข 5 แล้ว
ตัวอย่าง: I've been passing time
Watching trains go by working here is waste my time
ฉันได้แต่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไป การทำงานที่นี่ทำให้ฉันเสียเวลาจริงๆ
2. It might be you อาจจะเป็นคุณ
might เป็น future part ของ must
เช่นว่า สิ่งนั้นยังไม่เกิดขึ้น แต่เราคาดคะเนไว้ว่ามันจะต้องเกิด ใช้ might แต่ถ้าเป็นปัจจุบัน และเป็นสิ่งที่ชัดเจนแล้ว เราจะใช้ must
ตัวอย่าง
I want to get married with my love and it might be you
- ฉันต้องการจะแต่งงานกับคนรักของฉัน และคนนั้นอาจเป็นคุณ (เหตุการณ์อาจเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ได้ ยังไม่ได้แพลนงานแต่งงานหรือใดๆ แค่ทาบทาม วางแผน)
I want to get married with my love and it must be you
- ฉันต้องการจะแต่งงานกับคนรักของฉัน และคนนั้นต้องเป็นคุณ (งานแต่งงานจัดขึ้นแล้ว และเจ้าบ่าวจะเป็นใคนไม่ได้นอกจากคุณเท่านั้น)
เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับเพลงนี้
ถ้าอยากให้คนข้างๆหัวใจพองโต
ก็ลองเปิดเพลงนี้ให้เขาฟังแล้วกระซิบเบาๆว่า
'It might be you'
ลองดูนะคะ❤
#English is Fun by Aliza

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา