Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Ordinarility
•
ติดตาม
5 ก.พ. 2020 เวลา 08:54 • ปรัชญา
"ฟังธรรมแล้วจำ" ทำให้ไปไม่รอด เพราะอะไร?
Give Your Whole Life For Listening
บทความนี้เป็นบทความที่ต้องติดตามอ่านมาตั้งแต่บทความแรกๆก่อนหน้านี้ครับ ใครที่ไม่ได้ตามมาตั้งแต่แรกแนะนำให้กลับไปตามอ่านนะครับเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและความขุ่นเคืองใจ
เราอาจจะเคยได้ยินมาว่า ฟังธรรม ห้ามจด
เหตุใดจึงห้ามจด?
เรากลัวลืม เราจึงต้องจด
เรากลัวลืม เราเลยต้องจำ
สิ่งนี้ไม่ผิด เพราะเราถูกฝึกมาตั้งแต่เด็ก มันอยู่ในระบบการศึกษา
แท้จริงแล้วการเรียนคือการ "ฟัง" อย่างเดียวเท่านั้น
เพราะ
สัญญาอะนิจจา สัญญาอะนัตตา
สัพเพสังขาราอะนิจจา
สัพเพธัมมาอะนัตตาติ
ก็ความจำไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวตน
ความคิดก็ไม่เที่ยง
สิ่งที่ได้ยินได้ฟังไม่ใช่ตัวตน
มันไม่มีรูปให้คว้า ไม่มีตัวตนให้เก็บ มันหายไปเมื่อเราลืม
เราจึงต้องจดต้องจำ
พอบอกให้ไม่ต้องจำ มันทำไม่ได้!
เราจึงรู้สึกขัดแย้งมาก
เหตุก็เพราะ
เมื่อเราฟังแล้ว เราก็จะกระโดดไปคิด
เมื่อคิดแล้ว เราก็สรุปความ
เมื่อสรุปความแล้ว เราก็อยากจะจำไว้
เมื่ออยากจะจำไว้ เราก็ต้องจด
การฟังจึงไม่ใช่การฟังอีกต่อไป
และคำพูดที่สำคัญก็ได้ผ่านเลยเราไปแล้ว
คำพูดจากฝ่ายที่ออกมานั้น
ถูกดึงออกมาจากสัญญาของฝ่ายนั้น
สัญญามันก็เป็นแค่สัญญา มันเป็นเพียง data file
File ไม่ใช่ตัวประมวลผล แฟ้มข้อมูลมันประมวลตัวเองไม่ได้
File นี้เมื่อ load ขึ้นมาแล้ว มันจะถูกสังขารของผู้พูดปรุงแต่ง
เพราะเนื้อไฟล์มันไม่มีตัวตนอยู่จริง มันเป็นเพียงความจำที่ใช้มีดผ่าตัดควานหาในเนื้อสมองยังไงก็หาไม่เจอเท่านั้น ดังนั้นหากจะถ่ายทอดมันออกมา จะต้องผ่านกระบวนการเปรียบเทียบสัญญาอันเลื่อนลอยนี้กับ "ภาษา"
ว่ามันตรงกับ "ภาษานี้" ด้วยคำว่าอะไร? แล้วก็พ่นคำนั้นออกไปทางปาก
เราจะเห็นสิ่งนี้ชัดขึ้นถ้าพูดภาษาต่างประเทศ
มันจะมีการกระโดดเข้าออกของมิติของความเป็นจริงกับความคิด ขณะที่เรากำลัง access data กับขณะที่เรากำลังพูดออกไป ถ้าเรารู้สึกตามได้เราจะรู้ว่ามีความแตกต่างบางๆระหว่างสองมิตินี้
ภาษามันจึงเป็นสิ่งสมมุติ
ก่อนหน้านี้มันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่เมื่อต้องการใช้งาน เราก็เสกมันขึ้นมาจากสัญญาของภาษาแล้วเอามันมาเป็นสติ๊กเกอร์แปะลงไปกับสัญญาที่ load ขึ้นมาแล้ว print เปล่งออกไปจากกล่องเสียงในลำคอ
พอพ่นออกไปแล้ว มันหายไปไหนก็ไม่รู้!
(แต่นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
แต่สิ่งนี้ถ่ายทอดสัญญาจากฝ่ายผู้พูดได้
"ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่เจ้าตัวคิดว่าใช่" เท่านั้น!
ทุกคำพูดถ่ายทอดสัญญาออกมา เราต้องเอาจิตมารองรับ แต่เมื่อขณะรองรับสัญญานี้อยู่ด้วยการฟัง เราดันขัดจังหวะการรับสัญญาด้วยการกระโดดไปคิดไปเอาสังขารมาสร้างสัญญาใหม่ของตัวเอง สัญญาส่วนอื่นที่จำเป็นในช่วงนั้นของฝ่ายพูดที่เราต้องรับจึงขาดช่วงไป สิ่งนี้คือ Error!
การฟังของเราไม่ใช่ 100% เสียแล้ว
เรารับไม่ถึง 100%
File นี้ Corrupted
มันใช้ไม่ได้!
แต่เราก็รู้ว่า การจำสิ่งที่ต้องจำนั้นคือความจำเป็น ซึ่งสิ่งนี้ก็ไม่ผิดในโลกสมมุติ เพราะเราต้องสื่อสารกับคนอื่น เราต้องจำสิ่งที่ต้องใช้ เราต้องสรุปความในสิ่งที่เราต้องจำ ดังนั้นเราจึงตกอยู่ในท่ามกลางความขัดแย้งเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี เพราะเราหยุดความคิดไม่ได้
⚡ แต่สิ่งนี้เป็นเพียงธรรมชาติ ⚡
เราต้องเข้าใจว่าความคิดเป็นเพียงธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง
มันต้องเป็นเช่นนั้น
(อ่านเรื่องความคิดจากบทความ "สมาธิ และ ความคิด"
blockdit.com
Ordinarility
นั่งสมาธิยังไงก็ไม่สงบ คิดเยอะฟุ้งซ่าน เพราะเราไม่รู้สิ่งนี้ ทำไมเราถึงนั่งสมาธิ?
ถ้าเราถือสาธรรมชาติ เราก็จะมีแต่ทุกข์
(เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เราคือธรรมชาติ
แปลกที่มนุษย์คิดว่าตัวเองไม่ใช่
มนุษย์คิดว่าตัวเองคือตัวเอง และ ธรรมชาติคือธรรมชาติ
เมื่อเราขัดแย้งกับความเป็นธรรมชาติตั้งแต่แรกแบบนี้เราจึงไม่เคยมองเห็นธรรมชาติภายใน)
ดังนั้น ในการฟังธรรม เราควรฟังธรรมด้วยการฟัง 100%
ปล่อยให้ความคิดโดยธรรมชาติเกิดตามเหตุปัจจัยของมัน
(ไม่ใช่คิดขึ้นเองจากการไบแอสคือตั้งใจคิดและตั้งใจสรุป)
เพราะความคิดคือสังขาร เมื่อสตาร์ทแล้วมันหยุดยาก
เหมือนรูปข้างบน มันเป็นเหตุและผลของกันและกัน
มันม้วนวนกลับเข้ามาหากันและกันเอง ดังนั้นเราจึงหลุดยาก
นั่นคือความคิด "สรุปความ" ของเราแทรกแซงการรู้แจ้งของตัวเราเอง เพราะการสรุปความนั้นคือการทำความเข้าใจ
มันคือการตกลงกับตัวเองว่า
"ชั้นจะเข้าใจเรื่องนี้แบบนี้"
Knowledge Of Wisdom Is Only Illusion
มันเป็นกับดัก
ดังนั้นความเข้าใจในธรรมคือกับดักอันใหญ่ที่เราต้องก้าวข้ามไปให้ได้
เมื่อฟังธรรมด้วยการฟัง 100% เราอาจจะมองเห็นได้ว่า
Explanation Is Only Temporally Illusion Behind the Reality
คำอธิบายคือมายา
เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำอะไรซักอย่างแล้วหายไปเท่านั้น
Knowing The Reality Behind the Language of Explanation is The Truth
สิ่งที่เราต้องการจาก "ภาษาอธิบาย" คือความจริงที่อยู่เบื้องหลังสัญญาสังขารเหล่านั้น สิ่งที่มันพยายามชี้ให้เราเห็นตาม มันเป็นอีก Layer นึง มันเป็นชั้นที่ลึกลงไปอีกชั้นนึง
หาใช่ถ้อยคำที่เราต้องไปยึดถือเอามาเป็นสรณะไม่
รับดาบแล้วให้ลืมเลือนดาบ
ฟัง อ่านให้เข้าใจแล้วลืมเลือนมันไป
เชื่อไม่ได้
ปฏิเสธก็ไม่ได้
ไม่เช่นนั้นเราก็จะคิดใช้สังขารสร้างสัญญาใหม่ขึ้นมารับมือกับสิ่งที่เราเพิ่งฟังเพิ่งอ่านไปนี้
นั่นก็เป็นกับดัก
ดังนั้นการจะตอบคำถามข้างบนว่า
จะจำก็ไม่ได้ จะไม่จำก็ไม่ได้
จะคิดก็ไม่ได้ จะไม่คิดก็ไม่ได้
แล้วเราควรจะทำยังไงดี?
คิดว่า Ordinarility คงไม่ต้องเฉลย
ขอให้ท่านทั้งหลาย รู้ธรรมในสภาวะธรรมชาติของมันโดยไม่แทรกแซง
บทความก่อนหน้านี้
blockdit.com
Ordinarility
สิ่งที่ปล่อยได้ยากที่สุดคือความเชื่อว่าใช่ คนเราพัฒนาความเชื่อมาจากหลายสาเหตุ
บันทึก
9
17
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ธรรมะสำหรับผู้ไม่รู้ (ผู้รู้จึงไม่ควรเข้ามาอ่าน)
9
17
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย