13 ก.พ. 2020 เวลา 11:29 • สุขภาพ
โรคเริม งูสวัด และอีสุกอีใส ต่างกันอย่างไร..
1
หากนึกถึงโรคติดเชื้อทางผิดหนังที่มีลักษณะผื่นเป็นตุ่มน้ำใส ปวดร้อน แสบ คัน กลุ่มแรกๆที่นึกถึงมักจะเป็น เริม งูสวัดและอีสุกอีใส ซึ่งแต่ละโรคก็มีรายละเอียดแตกต่างกัน การรักษาที่ถูกต้องก็จะช่วยให้อาการหายได้ไว
โรคทั้งสามชนิดเดิกจากไวรัสในกลุ่ม Herpes Family ซึ่งจริงๆแบ่งย่อยได้หลายชนิด เช่น Herpes simplex virus-1 (HHV-1), Herpes simplex virus-2 (HSV-2), Varicella zoster (VZV), Epstein-Barr virus (EBV), Cytomegalovirus (CMV), Roseolovirus, HHV-7, HHV-8 โดยโรคเริมจะเกิดจาก HSV-1 และ HSV-2 ส่วนงูสวัดและอีสุกอีใสเกิดจาก VZV
2
👍🏻 #รอยโรค
- เริม: ตุ่มน้ำเกิดเป็นกลุ่มส่วนใหญ่เป็นที่ริมฝีปาก (ส่วนมากเป็น HSV-1) และอวัยวะเพศ (ส่วนมากเป็น HSV-2) ปวดแสบร้อนและคัน ตุ่มน้ำจะแตกออกและตกสะเก็ด อาการสามารถหายได้เอง
- งูสวัด: ผื่นแดงคันตามแนวปมประสาท เช่น เอว แขน ขา จากนั้นจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสและแห้งตกสะเก็ด อาการจะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์
- อีสุกอีใส: คุ่มน้ำขนาดเล็ก กระจายทั่วร่างกาย พบบ่อยในเด็กอายุน้อย โดยเกิดจากเชื้อ VZV โรคนี้จะเป็นเพียงครั้งเดียวและไม่เป็นซ้ำอีก แต่มีโอกาสพัฒนาเป็นงูสวัดในอนาคตได้
1
👍🏻 #อาการแสดง
- เริม: คล้ายไข้หวัด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นโรคที่รักษาไม่หาย เชื้อจะเข้าไปหลบซ่อนในเซลล์ประสาทและกำเริบได้อีกหากร่างกายอ่อนแอ นอนน้อย ถูกแสงแดดจัดหรืออยู่ระหว่างมีรอบเดือน
- งูสวัด: ไข้ต่ำ ครั่นเนื้อครั่นตัว มีอาการปวดแสบปวดร้อนมากโดยเฉพาะบริเวณตุ่มน้ำ หากสัมผัสโดน เช่นเสียดสีจากเสื้อผ้าก็จะยิ่งปวดแสบได้
- อีสุกอีใส: ไข้ต่ำ ครั่นเนื้อครั่นตัว เบื่ออาหารมีตุ่มแดงขึ้นทั่วร่างกายและกลายเป็นตุ่มน้ำใสในวันถัดมา แผลจะตกสะเก็ดใน 1 สัปดาห์ ควรระวังการติดเชื้อแบคทีเรียผิวหนังตามมาจะกลายเป็นตุ่มหนองทำให้เกิดแผลเป็นได้
1
👍🏻 #การติดต่อ
- เริม: ผ่านการสัมผัสกับผู้ที่มีเชื้อ เช่น โดนแผล ใช้ช้อนร่วมกับ การจูบ เป็นต้น ส่วน HSV-2 ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
- งูสวัด: ผ่านการสัมผัสของเหลวจากตุ่มใส เชื้อจะหยุดแพร่กระจายเมื่อตุ่มตกสะเก็ด
- อีสุกอีใส: ผ่านการสัมผัสกับแผลผู้เป็นโรค ทางน้ำลาย ไอ จาม เอาเชื้อเข้าไป เชื้อจะหยุดแพร่กระจายเมื่อตุ่มทุกเม็ดตกสะเก็ด
1
👍🏻 #การรักษา
- เริม: ให้ยาลดปวดบรรเทาอาการ ทำ wet dressing โดยประคบแผลด้วยเกลือประมาณ 5-10 นาที ส่วนยาฆ่าเชื้อไวรัสหลักๆมีสามตัวคือ Acyclovir, Famcyclovir และ Valacyclovir แนะนำให้เริ่มยาให้เร็วที่สุดเช่น acyclovir 200 mg วันละ 5 ครั้ง (หรือทุก 4 ชั่วโมง) ร่วมกับยาทา acyclovir cream ติดต่อกัน 5 วัน
- งูสวัด: ให้ยาลดปวดตามอาการ และใช้ยาต้านไวรัสภายใน 72 ชั่วโมงจะช่วยลดรอยแดงได้ ยาฆ่าเชื้อไวรัสหลักๆมีสามตัวคือ Acyclovir, Famcyclovir และ Valacyclovir หลังจากรอยโรคหายแล้วผู้ป่วยบางรายจะมีภาวะ Post-herpetic neuralgia คืออาการปวดจากเส้นประสาทที่ถูกทำลายซึ่งอาจเป็นนานเป็นเดือนถึงปี การรักษานิยมใช้ยาแก้ปวดปลายประสาท เช่น Gabapentin, Pregabalin เป็นต้น
- อีสุกอีใส: ใช้ยาลดไข้ paracetamol ใช้ยาแก้คันในกลุ่ม Antihistamine หรือคาลาไมน์ ใช้ยาต้านไวรัส Acyclovir หรือ Valacyclovir หากมีอาการแทรกซ้อนรุนแรงและในกรณีติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังให้ใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
2
👍🏻 #วัคซีน
- เริม: ไม่มี
- งูสวัด: Zostavax® สามารถลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคได้ครึ่งหนึ่ง ช่วยลดความรุนแรงในการกลับเป็นซ้ำ แนะนำให้ฉีดในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปแต่ประสิทธิภาพยังไม่แน่ชัดคาดว่าออกฤทธิ์ได้ประมาณ 4 ปีแรกและยังไม่มีการศึกษาการฉีดกระตุ้น
- อีสุกอีใส: เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปี ประสิทธิภาพในการป้องกันโรค 90-95% โดยในเด็กให้ฉีกสองเข็ม (ห่างกันอย่างน้อย 3 เดือน) และในผู้ใหญ่ให้ฉีดสองเข็ม (ห่างกันอย่างน้อย 4-8 สัปดาห์) ห้ามใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์
2
เอกสารอ้างอิง
อรพรรณ สุวรรณประดิษฐ์. บทความเรื่อง ความแตกต่างระหว่างโรคเริม งูสวัด อีสุกอีใสและ วัคซีนป้องกันสำหรับโรคงููสวัดและอีสุกอีใส. ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์. 2017.
โฆษณา