20 ก.พ. 2020 เวลา 11:29 • ปรัชญา
#16 เล่ม 1 บทที่ 1 หน้า 94 ~ 98
...
ด้วยเธอคือผู้สร้างความจริงของตัวเองขึ้นมา และชีวิตไม่อาจแสดงหนทางอื่นต่อเธอนอกจาก "เป็นไปตามที่เธอ`คิด`ว่ามันจะเป็น"
เธอคิดเพื่อให้สิ่งใดๆเกิดขึ้น
นี่คือก้าวแรกของการสร้าง
พระบิดาคือความคิด
ความคิดของเธอคือผู้ให้กำเนิดทุกสิ่งทุกอย่าง
1
...
N : นี่คือหนึ่งในกฏที่เราควรจะจดจำ?
G : ถูกต้อง
N : บอกข้ออื่นอีกได้มั๊ยครับ?
G : ฉันบอกข้ออื่นๆกับเธอไปแล้วนะ บอกไปหมดแล้วทุกข้อ ตั้งแต่เริ่มต้นกาลเวลา
ฉันบอกเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ส่งคุรุคนแล้วคนเล่ามายังพวกเธอ
1
พวกเธอไม่เคยฟังแต่กลับฆ่าพวกเขาทิ้ง
1
N : ทำไมเล่าครับ? ทำไมพวกเราถึงต้องฆ่าผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในหมู่เรา เราฆ่าเขา ไม่เคารพเขา ซึ่งก็เป็นสิ่งเดียวกันนั่นแหละ ทำไม?
G : เพราะพวกเขา "ต่อต้านทุกความคิดที่ปฏิเสธฉันน่ะสิ" และ "ถ้าจะปฏิเสธฉันเธอก็ต้องปฏิเสธตัวเองด้วย"
1
N : ทำไมผมถึงต้องการปฏิเสธพระองค์หรือตัวผมเองด้วย?
G : *เพราะเธอกลัว*
1
และเพราะ *คำสัญญาของฉันดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้*
1
เพราะ *เธอไม่อาจรับความจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้*
1
เธอจึง`ลดตัวเองไปเชื่อ` "คำสอนทางจิตวิญญาณ" ที่สอนเรื่องความกลัว การไม่สามารถพึ่งตนเอง และความไม่อดกลั้น
"แทนความรัก พลังอำนาจ และ การยอมรับ"
1
เธอเต็มไปด้วย`ความกลัว`
และ `ความกลัวใหญ่หลวงที่สุดของเธอ` ก็คือว่า..."คำสัญญายิ่งใหญ่ที่สุดของฉันอาจเป็นคำโกหกคำใหญ่ที่สุดของชีวิต"
1
เธอจึงสร้างมายาใหญ่โตที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อปกป้องตัวเองจากสิ่งเหล่านี้
เธออ้างว่าสัญญาใดก็ตามที่บอกว่า `จะมอบพลังอำนาจของพระเจ้าแก่เธอ`
และ `รับประกันความรักนิรันดร์ของพระผู้เป็นเจ้า` จะต้องเป็นคำสัญญาผิดๆจาก`มาร`แน่นอน
เธอบอกตัวเองว่าพระเจ้าไม่มีทางสัญญาอย่างนั้นหรอก
มีแต่`มาร`เท่านั้นที่พยายามจะหลอกให้เธอปฏิเสธคุณลักษณ์ที่แท้ของพระเจ้าซึ่งเป็นผู้น่ายำเกรง ชอบพิพากษา ริษยา โหดร้าย และเป็นผู้ลงทัณฑ์ทุกชีวิต
1
แม้คำจำกัดความนี้จะเข้ากับมารมากกว่า (ถ้ามีนะ) "แต่เธอได้ใส่ลักษณะของซาตานให้กับพระเจ้า"
เพื่อโน้มน้าวไม่ให้ตัวเองยอมรับคำสัญญาสูงส่งจากพระผู้สร้าง
หรือยอมรับว่าเธอมีคุณสมบัติที่เหมือนพระเจ้าอยู่ในตัว
นั่นคือพลังแห่งความกลัว
1
N : ผมกำลังพยายามปลดปล่อยความกลัวของตัวเอง พระองค์จะช่วยบอกกฏข้ออื่นอีกได้มั๊ยครับ?
G : "กฏข้อแรก" ก็คือ
เธอสามารถ `เป็น` `ทำ` และ `มี`
อะไรก็ได้ที่เธอจินตนาการถึง
2
"กฏข้อสอง" คือ
เธอจะดึงดูดสิ่งที่เธอกลัว
N : ทำไมถึงเป็นอย่างนั่นล่ะครับ?
G : *อารมณ์คือพลังที่มีแรงดึงดูด*
2
หากเธอกลัวสิ่งใดมากๆเธอก็จะมีประสบการณ์ถึงสิ่งนั้น
2
พวกสัตว์ซึ่งเธอถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำกว่า (แม้พวกมันจะสัตย์ซื่อและสม่ำเสมอกว่ามนุษย์) จะ `รู้ทันทีถ้าเธอกลัวมัน`
พืชซึ่งเธอถือว่าเป็นรูปธรรมชีวิตที่ต่ำลงไปอีกจะ`ตอบสนองต่อผู้ที่รักมันมากกว่าคนที่ไม่ใส่ใจลิบลับ`
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ในจักรวาลนี้`ไม่มีความบังเอิญ`
1
มีเพียง `แบบแผนอันยิ่งใหญ่` และ
"เกล็ดหิมะ" อันแสนมหัศจรรย์เท่านั้น
*อารมณ์คือพลังงานที่เคลื่อนไหว*
1
เมื่อเธอเคลื่อนพลังงาน เธอจะสร้างผลกระทบ
ถ้าเธอเคลื่อนย้ายพลังงานมากพอ
1
*เธอก็จะสร้างสสารขึ้นมา*
1
สสารคือพลังงานที่รวมตัวกัน
เคลื่อนผนึกเข้าหากัน
หากเธอถ่ายเทพลังงานยาวนานพอด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง "เธอจะได้สสาร"
1
คุรุทุกคนเข้าใจกฏนี้
มันคือการเล่นแร่แปรธาตุของจักรวาล
และเป็นความลับของทุกชีวิต
*ความคิดคือพลังงานบริสุทธิ์*
1
ทุกความคิดที่เธอ `มี` `เคยมี` หรือ `กำลังจะมี` "ล้วนมีอำนาจสร้างสรรค์"
1
พลังงานในความคิดของเธอไม่มีวันสูญสลายไปไหนตลอดกาล
1
มันจะออกจากตัวเธอไปสู่จักรวาล
แผ่ขยายไปชั่วกาล
*ความคิดเป็นนิรันดร์*
1
ทุกความคิดจะควบแน่นเข้าด้วยกันและจะผสานเข้ากับความคิดอื่นๆ
พาดพันเกี่ยวไขว้ในกลุ่มพลังงานที่คดเคี้ยววกเวียนเหลือเชื่อ
ก่อเป็นรูปแบบที่`เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา`ของความงามเกินบรรยายและความซับซ้อนสุดหยั่ง
พลังงานที่เหมือนกันจะดึงดูดกันก่อรูปเป็นกลุ่มก้อน (ฉันใช้คำง่ายๆ) ของพลังงานชนิดเดียวกัน
และเมื่อ `กลุ่มพลังงานที่คล้ายคลึง` นี้ได้มาพันเกี่ยวหรือพบกัน
มันจะ "ยึดเหนี่ยวกันและกันไว้" (ใช้คำง่ายๆอีก)
และจะต้องใช้พลังงานที่คล้ายคลึงกันจำนวนเหลือคณานับ "ผนึกติดเข้าด้วยกันจึงจะเกิดสสารขึ้น"
และสสารจะก่อตัวขึ้นจากพลังงานบริสุทธิ์จริงๆ
แล้วนี่เป็น`หนทางเดียว` ที่มันจะสามารถก่อรูปร่างขึ้นได้
เมื่อพลังงานกลายเป็นสสาร มันจะเป็นสสารอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนกว่าโครงสร้างจะถูก `รบกวนหรือทำลาย` โดยพลังงานรูปแบบตรงข้ามหรือที่แตกต่าง
พลังงานที่แตกต่างนั้นเมื่อกระทำต่อสสารจะทำให้สสารแยกแตกออกและจะปลดปล่อยพลังงานดิบที่ประกอบเข้าด้วยกันในตอนแรกออกมา
นี่คือความหมายแบบง่ายๆเบื้องหลังทฤษฎีระเบิดปรมาณูของเธอ
ไอน์สไตน์ได้เข้าไปใกล้กว่ามนุษย์คนใดทั้งก่อนหน้าและหลังจากนั้นในการค้นพบ อธิบาย และใช้ประโยชน์
*จากความลับแห่งการสรรค์สร้างของจักรวาล*
ตอนนี้เธอน่าจะเข้าใจดีขึ้นนะว่า :
*คนที่มีจิตใจเหมือนหรือคล้ายกันสามารถร่วมสร้างความจริงที่เกื้อหนุนกันขึ้นมาได้อย่างไร*
วจนะที่ว่า "ที่ไหนมีคนสองคนหรือมากกว่ามารวมกันในนามของเรา..."* มีความหมายมากยิ่งขึ้นเพราะเหตุนี้
[*วจนะของพระเยซูในพระธรรมมัทธิว บทที่ 18 ข้อที่ 20 ความว่า "เพราะที่ไหนมีคนสองสามคนมารวมกันในนามของเรา เราก็อยู่กับพวกเขาที่นั่น" ~ ผู้แปล]
1
แน่นอนเมื่อทั้งสังคมคิดไปในแนวทางเดียวกัน
บ่อยครั้งสิ่งน่าประหลาดใจจะบังเกิดขึ้น
แต่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาไปเสียทุกอย่างหรอกนะ
ยกตัวอย่างเช่น หากสังคมใดใช้ชีวิตอยู่ด้วย `ความกลัว`
สุดท้ายสังคมนั้นมักจะสร้างสิ่งที่ตนกลัวที่สุดแบบใดแบบหนึ่งขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่พ้น
1
ที่คล้ายๆกัน การชุมนุมหรือรวมตัวขนาดใหญ่มักจะพบ `พลังแห่งปาฏิหาริย์` อันเกิดจากการ *ผนึกความคิดเข้าเป็นหนึ่ง*
1
(หรือที่บางคนเรียกว่าการอธิษฐานหมู่)
แต่ต้องเข้าใจให้ชัดก่อนว่าต่อให้คนเพียงคนเดียว หาก`ความคิด`ของเขา (การอธิษฐาน ความหวัง การตั้งความปรารถนา ความฝัน ความกลัว) `เข้มแข็งอย่างน่าทึ่ง` ละก็
1
"คนผู้นั้นย่อมสร้างผลลัพธ์แบบนั้นได้เหมือนกัน"*
1
[*ผลลัพธ์ที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ ~ แอดมิน]
เยซูเองทำอย่างนั้นสม่ำเสมอ
เขาเข้าใจว่าจะเปลี่ยนแปลงพลังงานและสสารได้อย่างไร
จะปรับเปลี่ยน จำแนกแจกจ่าย
และควบคุมไว้ในกำมือด้วยวิธีใด
คุรุหลายคนรู้เรื่องนี้แล้ว
และอีกหลายคนจะได้รู้ในเวลานี้
เธอเองก็รู้ได้...*เดี๋ยวนี้*
1
นี่คือ `สำนึกเรื่องความดีความชั่ว` ที่อีฟกับอดัมเข้าไปมีส่วน
หากทั้งคู่ไม่เข้าใจสิ่งนี้ `ชีวิตแบบที่เธอรู้จัก` ก็มิอาจเกิดขึ้น
อดัมและอีฟที่เป็นชื่อในตำนานที่เธอให้ไว้เพื่อแสดงถึงชายหญิงคู่แรกนั้นคือ *บิดาและมารดาแห่งประสบการณ์มนุษย์*
การถูกล่อลวงของอดัมที่บรรยายไว้นั้น `แท้จริงคือความยินดีปรีดาของเขา`
1
"คือเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ"
เพราะหากปราศจากเหตุการณ์ดังกล่าว `โลกสัมพัทธ์ก็ไม่อาจปรากฏขึ้น`
การกระทำของอดัมกับอีฟ `ไม่ใช่บาปแรก`
แต่คือ`พรแรก`ต่างหาก
1
เธอควรจะ `ขอบคุณพวกเขา` จากก้นบึ้งของหัวใจนะ
เพราะการเป็นคนแรกที่ได้เลือก "ผิด" นั้น
อดัมและอีฟ "ได้สร้างความเป็นไปได้ในการเลือกสิ่งใดๆก็ตามขึ้นมา"
ในตำนานปรัมปราของพวกเธอ
เธอทำให้อีฟกลายเป็นคน "ชั่ว" เป็นหญิงล่อลวงผู้กัดกินผลแอปเปิ้ลแห่งความรู้ดีรู้ชั่ว และเชื้อเชิญให้อดัมร่วมกินผลไม้นั้นด้วยความเขินอาย
ตำนานที่สร้างขึ้นนี้ทำให้ผู้หญิงกลายเป็น "ความหายนะ" ของผู้ชายนับแต่นั้นมา และมีผล `บิดเบือนความจริงอื่นๆแทบทุกทาง`
นี่ยังไม่ได้พูดถึงความสับสน และทัศนะคติทางเพศต่างๆที่บิดเบือนนะ
(เธอรู้สึกดีในเรื่องแย่ๆได้อย่างไรกัน)
อะไรที่เธอกลัวที่สุด `สิ่งนั้นจะกัดกินเธอ`
1
*ความกลัวจะดึงดูดมันเข้าสู่ชีวิตเธอเหมือนแม่เหล็ก*
คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของทุกศาสนา ทุกสำนักนิกาย ทุกขนบธรรมเนียมที่พวกเธอได้สร้างขึ้น *ล้วนเตือนไว้ชัดว่า`อย่ากลัว`*
เธอคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นหรือ?
"กฏนั้นเรียบง่าย"
1. *ความคิดมีพลังสร้างสรรค์*
2. *ความกลัวดึงดูดพลังแบบเดียวกัน*
3. *ความรักคือทั้งหมดที่มี*
...
...
...
"กฏนั้นเรียบง่าย"
[* ฉันจะไม่ทำอะไรให้เธอหากเธอไม่ทำสิ่งนั้นให้ตัวเอง * `นี่เป็นกฏและคำพยากรณ์` ]
1. ความคิดมีพลังสร้างสรรค์
๏ เธอสามารถ `เป็น` `ทำ` และ `มี`
อะไรก็ได้ที่เธอ"จินตนาการ"ถึง
2. ความกลัวดึงดูดพลังแบบเดียวกัน
๏ เธอจะดึงดูดสิ่งที่เธอกลัว
1
3. ความรักคือทั้งหมดที่มี
กฏข้อที่ 3 ความรักคือทั้งหมดที่มีได้อย่างไร?
ตามต่อไปได้ที่บทความหน้าครับ... ^_^
แอดมิน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา