18 ก.พ. 2020 เวลา 07:22 • ปรัชญา
#15 เล่ม บทที่ 1 หน้า 90 ~ 94
...
N : พระองค์กำลังพูดว่าโลกจะยังมีปัญหาอยู่เสมออย่างนั้นหรือครับ? พระองค์กำลังบอกใช่มั๊ยว่าพระองค์ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ?
G : ฉันกำลังบอกว่า `โลกนี้เป็นแบบที่เป็น` (เหมือนที่เกล็ดหิมะก็เป็นอย่างที่เป็น) ก็เพราะ "เจตนา"
"พวกเธอเป็นคนสร้างโลกอย่างนี้ขึ้นมาเอง"
"ไม่ต่างกับที่เธอได้สร้างชีวิตตัวเองขึ้นมาอย่างที่เป็นนั่นล่ะ"
*ฉันต้องการสิ่งเดียวกับที่เธอต้องการ*
วันไหนเธอต้องการยุติความอดอยากอย่างแท้จริง วันนั้นจะปราศจากความอดอยากหิวโหยอีกต่อไป
ฉันได้ให้ทรัพยาการทั้งหมดแก่เธอที่จะทำอย่างนั้นได้ เธอมีเครื่องมือทุกอย่างสำหรับสร้างทางเลือกที่ว่า
*แต่เธอก็ไม่ทำ*
ไม่ใช่เพราะ `ไม่สามารถ`
แต่เพราะ *เลือกจะไม่ทำ*
2
เธออ้างว่ามีเหตุผลดีๆร้อยแปดพันประการที่คนกว่า 40,000 คนต้องตายลงทุกวันจากความอดอยาก `ไม่มีเหตุผลที่ดีหรอก` และขณะที่เธอบอกว่าไม่สามารถทำอะไรเพื่อไม่ให้คน 40,000 คนต้องอดตายในแต่ละวันได้ เธอก็นำชีวิตใหม่อีก 50,000 คนต่อวันเข้าสู่โลก
1
นี่แหละที่เธอเรียกว่าความรัก
นี่แหละที่เธอเรียกว่าแผนการของพระเจ้า
`ช่างเป็นแผนการที่ปราศจากตรรกะและเหตุผลอย่างสิ้นเชิง`
นี่ยังไม่ได้พูดเรื่องความเมตตาเลยนะ
ฉันกำลังแสดงให้เธอเห็นชัดๆว่าโลกเป็นอย่างที่เป็นเพราะว่า *เธอได้เลือกให้เป็นอย่างนั้น*
1
เธอทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบแล้วก็กล่าวหาว่า `ภัยธรรมชาติคือตลกเหี้ยมของพระผู้เป็นเจ้า` `หรือไม่ก็เป็นความโหดร้ายของธรรมชาติ`
แต่แท้ที่จริง "เธอนั่นแหละที่เล่นตลกกับตัวเอง"
"วิธีการของเธอนั่นเองที่โหดร้าย"
`ไม่มี...ไม่มีสิ่งใดที่จะอ่อนโยนเท่าธรรมชาติ`
1
และก็ `ไม่มี...ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะโหดร้ายกับธรรมชาติเยี่ยงมนุษย์`
1
ถึงอย่างนั้นเธอก็ `ปัดเลี่ยงไม่ยอมเกี่ยวข้อง`
`ปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งหมด`
เธอบอกว่า `ไม่ใช่ความผิดของเธอ`
ในกรณีนี้เธอเป็นฝ่ายถูก
เพราะนี่ไม่ใช่การ `ถามหาว่าใครผิด`
แต่เป็นเรื่องของ `การเลือก`
เธอสามารถ `เลือก` ที่จะยุติการทำลายป่าฝนได้ในพรุ่งนี้
เธอสามารถ `เลือก` ที่จะหยุดยั้งการทำลายชั้นบรรยากาศซึ่งห่อหุ้มดาวเคราะห์ของเธอ
เธอสามารถ `เลือก` ที่จะยับยั้งการทำลายที่กำลังเกิดกับระบบนิเวศน์อันมีภูมิปัญญาในตัวเองของโลกได้
เธอสามารถ `หาหนทาง` ที่จะนำเกล็ดหิมะกลับมาอีกครั้ง หรืออย่างน้อย `ก็ยับยั้ง` การละลายอย่างไม่หยุดหย่อนได้
แต่ว่าเธอจะทำรึเปล่าล่ะ?
เช่นเดียวกัน...เธอสามารถหยุดทุกสงครามได้ในพรุ่งนี้ ง่ายๆแค่นั้น
ทั้งหมดที่ต้องใช้และเคยใช้มาก็คือ
*ความเห็นชอบของพวกเธอทุกคน*
3
แต่หากพวกเธอยังตกลงกันไม่ได้ใน`เรื่องพื้นๆ` เช่น `การหยุดเข่นฆ่าชีวิตผู้อื่น` ล่ะก็
เธอจะชูกำปั้นเรียกสวรรค์ลงมาจัดระเบียบชีวิตเธอได้อย่างไร
ฉันจะไม่ทำอะไรให้เธอหากเธอไม่ทำสิ่งนั้นให้ตัวเอง "นี่เป็นกฏและคำพยากรณ์"
1
โลกอยู่ในสภาพอย่างนี้ก็เพราะเธอ
เพราะสิ่งที่เธอ `เลือกหรือไม่ได้เลือก`
1
ผืนโลกเป็นเช่นนี้ก็เพราะเธอ
เพราะสิ่งที่เธอ `เลือกหรือไม่ได้เลือก`
ชีวิตเธอเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเธอ
เพราะสิ่งที่เธอ `เลือกหรือไม่ได้เลือก`
1
N : แต่ผมไม่ได้เลือกให้รถบรรทุกคันนั้นมาชนผมซักหน่อย ผมไม่ได้เลือกให้หัวขโมยคนนั้นมาวิ่งราวหรือถูกคนโรคจิตข่มขืน ผู้คนอาจพูดอย่างนี้ได้ คนมากมายในโลกสามารถบอกอย่างนี้ได้
1
G : `เธอทุกคน` คือ `สาเหตุระดับรากเหง้าของเงื่อนไขต่างๆ` ที่ทำให้โจรเกิดความปรารถนาหรือรู้สึกว่าจำเป็นต้องลักขโมย
1
พวกเธอทั้งหมดได้ร่วมกันสร้างจิตสำนึกซึ่งทำให้การข่มขืนเป็นไปได้
1
เมื่อเธอมองเข้าไปในตัวตนของเธอและเห็นบางสิ่งในตัวเองซึ่งเป็นสาเหตุของอาชญากรรม
1
เมื่อนั้นเธอจะเริ่มเยียวยาเงื่อนไขหรือสภาพการณ์ที่ทำให้สิ่งนั้นผุดขึ้นได้
`จงแบ่งปันอาหารแก่ผู้หิวโหย`
`มอบศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์แก่ผู้ยากไร้`
`ให้โอกาสแก่ผู้ด้อยโอกาส`
`ลบล้างอคติและการแบ่งแยกซึ่งทำให้ฝูงชนมารวมกันด้วยความโกรธแค้นด้วยความหวังเล็กๆน้อยๆว่าวันพรุ่งนี้จะดีขึ้น`
`จงยกเลิกข้อห้ามและข้อจำกัดที่ไร้จุดหมายเกี่ยวกับพลังทางเพศเสีย`
`แล้วช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจถึงความอัศจรรย์ของมันผ่านช่องทางที่เหมาะสม`
จงทำสิ่งเหล่านี้...แล้วเธอจะปลอดจากการชิงทรัพย์และข่มขืนตลอดกาล
เช่นเดียวกับสิ่งที่เรียกว่า "อุบัติเหตุ"
ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกวิ่งแหกโค้งหรือก้อนอิฐตกลงมาจากท้องฟ้า
1
จงเรียนรู้ที่จะ...ต้อนรับเหตุการณ์พวกนี้เสมือนชิ้นส่วนเล็กๆของภาพปฏิมาผืนใหญ่
*พวกเธอมาอยู่ที่นี่เพื่อบรรลุภารกิจของแต่ละคนในการหลุดพ้น*
1
แต่ `การหลุดพ้นหรือความรอด` นี้..."ไม่ได้หมายความถึงการทำตัวให้ปลอดพ้นบ่วงมาร
1
ด้วยว่า "ไม่มีสิ่งที่เรียกว่ามาร และก็ไม่มีนรกด้วย"
*เธอกำลังช่วยตัวเองให้พ้นจากการลืมเลือนที่ไม่สามารถตระหนักรู้ในตัวเองต่างหาก*
1
`เธอไม่อาจพ่ายแพ้ในการศึกครั้งนี้ได้`
`เธอไม่มีทางพลาด`
ด้วยมันหาใช่ศึก
แต่เป็นเพียง *กระบวนการอย่างหนึ่ง*
1
แต่หาก`ไม่รู้เรื่องนี้` เธอก็จะมองว่าชีวิตคือการต่อสู้ และอาจจะเชื่อในการต่อสู้นี้ไปแสนนานจน `สร้างศาสนาขึ้นมาตามความเชื่อนี้`
ศาสนานี้จะสอนว่า`การดิ้นรนต่อสู้คือจุดใหญ่ใจความหลักของทุกสิ่ง`
*นี่คือการสอนที่ผิดพลาด*
นี่ไม่ใช่กระบวนการแห่งการต่อสู้
แต่ด้วย`การยอมจำนน`ต่างหาก
จึงจะถึงซึ่งชัยชนะ
1
อุบัติเหตุเกิดขึ้นเพราะมันเกิดขึ้น
องค์ประกอบบางอย่างในกระบวนการชีวิตได้ผสานเชื่อมร้อยด้วยวิธีเฉพาะในห้วงขณะจำเพาะจนก่อให้เกิดผลลัพธ์เฉพาะอย่าง
1
เป็นผลลัพธ์ซึ่งเธอเลือกจะเรียกว่า `โชคร้ายด้วยเหตุผลเฉพาะตัวของเธอเอง`
ทว่าอาจไม่ใช่เคราะห์ร้ายแต่อย่างใด
"หากดูจากวาระแห่งจิตวิญญาณของเธอ"
ฉันขอบอกเธอว่า...`ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความบังเอิญหรอก` และก็ไม่มีสิ่งที่เป็น "อุบัติเหตุ" ด้วย
2
แต่ละเหตุการณ์และการผจญภัยที่เกิดกับเธอนั้นมาจากตัวตนของเธอเอง เพื่อเธอจะได้สร้างและมีประสบการณ์ถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ
1
คุรุที่แท้ทุกคนรู้เรื่องนี้ดี
นี่คือเหตุผลที่ครูผู้ปรีชาญาณจะไม่สะทกสะท้านเมื่อเผชิญกับประสบการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิต (ตามที่เธอจะอธิบายอย่างนั้น)
เหล่าคุรุผู้ยิ่งใหญ่ในคริสต์ศาสนาของพวกเธอเข้าใจสิ่งนี้ดี
พวกเขารู้ว่าเยซูไม่สะทกสะท้านต่อการถูกตรึงกางเขนแต่กลับคาดหวังถึง
เขาสามารถหนีไปได้แต่ก็ไม่ทำ
สามารถหยุดยั้งกระบวนการนี้ในเวลาใดก็ได้
เขามีอำนาจที่จะทำอย่างนั้นแต่ก็ไม่ทำ
`เขากลับปล่อยให้ตนเองถูกตรึงกางเขนเพื่อจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความรอดชั่วนิรันดร์ของมนุษย์`
1
เยซูกล่าวว่า...จงมองดูว่าเราทำสิ่งใดได้บ้าง
ดูว่าสิ่งใดคือความจริง
และจงรู้ว่าสิ่งเหล่านี้หรือยิ่งกว่านี้พวกท่านก็สามารถทำได้
เพราะเราไม่ได้บอกหรือว่า `ท่านคือพระเจ้า`
แต่พวกท่านก็ไม่เชื่อ
และถ้าท่านไม่อาจเชื่อในตัวเอง
ก็ขอให้จงเชื่อในเรา
ด้วยความกรุณานั้นเองที่เยซูได้อ้อนวอนขอและสร้างหนทางเพื่อนำมนุษย์สู่สรวงสวรรค์ (ซึ่งคือการตระหนักรู้ในตนเอง)
หากปราศจากวิถีอื่นใดจริงๆก็ให้กระทำผ่านทางเขา ด้วยเยซูนั้นมีชัยเหนือความเจ็บปวดและความตาย
`เธอเองก็เช่นกัน`
*คำสอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเยซู*
ไม่ใช่คำสอนที่ว่าเธอจะได้รับชีวิตนิรันดร์
เพราะเธอมีชีวิตนิรันดร์อยู่แล้ว
1
ไม่ใช่การที่เธอจะได้เกี่ยวดองกับพระเจ้า
เพราะเธอเกี่ยวดองเช่นนั้นอยู่แล้ว
และไม่ใช่เรื่องที่เธอจะได้รับสิ่งใดก็ตามที่ร้องขอ
เพราะเธอได้รับแล้ว
1
ทั้งหมดที่จำเป็นก็คือ *การรู้ถึงสิ่งเหล่านี้*
1
[ซึ่งพวกคุณ`ได้รู้แล้ว` หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้ ~ แอดมิน]
1
ด้วยเธอคือผู้สร้างความจริงของตัวเองขึ้นมา
และชีวิตไม่อาจแสดงหนทางอื่นต่อเธอนอกจาก
"เป็นไปตามที่เธอ`คิด`ว่ามันจะเป็น"
1
*เธอคิดเพื่อให้สิ่งใดๆเกิดขึ้น
*นี่คือก้าวแรกของการสร้าง
*พระบิดาคือความคิด
*ความคิดของเธอคือผู้ให้กำเนิดทุกสิ่งทุกอย่าง
2
...
...
...
* การหลุดพ้น = การตระหนักรู้ (จำได้) ถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
3
ไม่ได้หมายความถึง...`การทำตัวให้ปลอดพ้นบ่วงมาร`
"ด้วยว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่ามาร และก็ไม่มีนรกด้วย"
ถ้าเพียง `แค่ดู` แล้วไม่ได้ใส่ `คุณค่า
และ ความหมาย` เข้าไป
2
มาร หรือ เทพ
ผิด หรือ ถูก
กิเลส หรือ ปัญญา
อวิชชา หรือ วิชชา
ฯลฯ
ก็ไม่มีความหมาย (ในความคิด)
หรือการเรียกว่าอย่างนั้นๆแต่อย่างใด
มันก็เป็นเพียงแค่ `สิ่งหนึ่ง ที่ไม่มีชื่อ` เท่านั้น
ถ้าจำไม่ได้แล้วว่า `สิ่งหนึ่ง` ที่ว่านั้นคืออะไร
กลับไปอ่านทบทวนได้ที่บทความ
"จุดเริ่มต้นของสรรพสิ่ง"
แอดมิน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา