Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
24 ก.พ. 2020 เวลา 11:16 • ปรัชญา
#20 เล่ม 1 บทที่ 2 หน้า 112 ~ 117
...
N : ชีวิตของผมไม่ได้สมบูรณ์แบบหรือใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบเลย ผมพร่อง ไม่สมบูรณ์ ความจริงแล้วผมเต็มไปด้วยความบกพร่องต่างหาก บางครั้งผมก็ปรารถนาสุดจิตสุดใจว่าจะสามารถแก้ไขความบกพร่องต่างๆนานาให้ได้
อยากจะรู้ว่าอะไรทำให้ผมต้องมีพฤติกรรมแบบนี้ อะไรที่ทำให้ตัวผมต้องตกต่ำ และอะไรที่เข้ามาขวางทางชีวิตผมอยู่ตลอด เหตุผลนี้แหละผมถึงได้มาหาพระองค์ ผมเดาว่าอย่างนั้นนะ ผมไม่รู้จะหาคำตอบด้วยตัวเองได้ยังไง
G : ฉันดีใจที่เธอมา ฉันอยู่ที่นี่ตลอดเวลาเพื่อช่วยเหลือเธอ เธอไม่ต้องหาคำตอบเองหรอก ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย
N : แต่มันเหมือนกับ...ชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่ ที่จะนั่งลงแล้วพูดคุยกับพระองค์เอาง่ายๆอย่างนี้ ยังไม่ต้องนึกถึงว่าพระเจ้ากำลังตอบกลับมาอยู่นี่ ผมหมายความว่า นี่มันบ้าไปแล้ว
G : เข้าใจละ ผู้เขียนพระคริสตธรรมคัมภีร์ (ไบเบิล) ทุกคนปรกติดี...แต่เธอบ้า
N : ผู้จารึกพระคำภีร์เป็นพยานชีวิตของพระเยซูคริสต์ พวกเขาบันทึกสิ่งที่เห็นและได้ยินอย่างเปี่ยมล้นด้วยศรัทธา
G : ขอแก้หน่อยนะ
ส่วนใหญ่ของผู้เขียนพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธะสัญญาใหม่ไม่เคยพบพระเยซูเลยในชีวิต
พวกเขามีชีวิตอยู่หลังจากเยซูลาโลกไปแล้วหลายปี และจะไม่รู้จักเยซูแห่งนาซาเร็ธด้วยซ้ำถ้าเดินสวนกันบนถนน
N : แต่...
G : เหล่าผู้เขียนพระคริสตธรรมคัมภีร์เป็นผู้มีศรัทธาอันยิ่งใหญ่ และเป็นนักประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่
พวกเขาเก็บจำเรื่องราวที่บอกเล่าต่อๆกันมายังพวกเขาและมิตรสหาย จากคนอื่นๆและผู้เฒ่าผู้แก่คนนั้นคนนี้จนในที่สุดจึงมีการจดบันทึกไว้
*และใช่ว่าทุกสิ่งที่ผู้เขียนพระคัมภีร์บันทึกไว้จะถูกใส่เข้าไปในเอกสารร่างสุดท้ายด้วย*
"คริสตจักร" ต่างๆได้ผุดขึ้นแล้วจากคำสอนของเยซู
บางคนในคริสตจักรหรือในกลุ่มชนจะคอยกำหนดว่าเรื่องราวตอนไหนของเยซูที่สมควรบอกเล่า และจะเล่าอย่างไร
(เช่นที่มักเกิดขึ้นเมื่อใดหรือที่ไหนก็ตามที่ผู้คนมาชุมนุมกันด้วยแนวคิดที่ทรงพลังใดๆ)
กระบวนการคัดสรรและตัดต่อแก้ไขดำเนินไปตลอดช่วงที่มีการชุมนุม บันทึก และจัดพิมพ์ชีวิตและคำสอนของเยซูรวมทั้งตัวพระคริสตธรรมคัมภีร์ด้วย
[*นี่ทำให้ผมนึกถึงการบันทึกและการสังคยานาคัมภีร์ของทางพุทธที่เรียกว่าพระไตรปิฎกด้วย ผมไม่ได้บอกให้ไม่เชื่อนะ แต่ให้พิจารณามากหน่อย ไม่ใช่ยึดแแบหัวปักหัวปำแล้วบอกว่านี่คือความจริงที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น อันอื่นผิดหมดอะไรแบบนั้น ~ แอดมิน]
กระทั่งหลายศตวรรษของการจดจารครั้งแรก
สภาสูงของคริสตจักรก็ยังต้องตัดสินใจ มากกว่าหนึ่งครั้งว่า `สัจธรรมหรือแนวคิดใดควรจะถูกบรรจุไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับที่ต่อมาถือว่าเป็นทางการ` อันไหนที่ "ไม่เหมาะสม" หรือ "เร็วเกินไป" ที่จะเปิดเผยต่อประชาชน
และก็ยังมีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ฉบับอื่นๆ ซึ่งถูกเขียนขึ้นในห้วงแรงบันดาลใจของคนสามัญธรรมดา
คนพวกนั้นไม่มีใครบ้าเกินกว่าเธอหรอก
N : พระองค์กำลังแนะเป็นนัย...พระองค์ไม่ได้กำลังบอกเป็นนัยใช่ไหมว่าวันหนึ่งงานเขียนชิ้นนี้จะกลายเป็น "คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์"?
G : ลูกเอ๋ย! `ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตล้วนศักดิ์สิทธิ์`
1
ถ้าวัดกันตามนั้นก็ใช่ นี่คืองานเขียนศักดิ์สิทธิ์
แต่ฉันจะไม่เล่นลิ้นกับเธอหรอก
ฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร
ไม่ ฉันไม่ได้บอกว่าวันหนึ่งข้างหน้างานเขียนชิ้นนี้จะกลายเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต่ำกว่าหลายร้อยปีหรือจนกว่าภาษาที่เราใช้อยู่นี้จะล้าสมัยไป
เธอเห็นไหมล่ะว่า...ปัญหาก็คือภาษาที่เราสองคนใช้เป็นภาษาพูดเกินไป เป็นภาษาสนทนาเกินไปและดูสมัยใหม่เกินไป
ผู้คนจะสันนิษฐานว่าถ้าพระเจ้าคุยกับเธอโดยตรงแล้ว พระองค์ไม่น่าจะพูดเหมือนที่คุยกับคนข้างบ้าน
มันควรจะมีโครงสร้างทางภาษาที่มีเอกภาพ (ถ้ายังไม่อยากเรียกว่าโครงสร้างภาษาแบบเทวะ )
นั่นคือ น่าจะมีความสูงส่งบางอย่างหรือความรู้สึกบางประการที่บ่งบอกถึงความเป็นพระเจ้า
อย่างที่บอกตั้งแต่แรกนั่นแหละว่า นี่คือส่วนหนึ่งของปัญหา
ผู้คนรู้สึกว่าพระเจ้าจะต้องแสดงตนเพียงแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น
อะไรที่ขัดแย้งหรือต่างไปจากรูปแบบดังกล่าวถือเป็นการลบหลู่ดูหมิ่น
N : อย่างที่ผมพูดตั้งแต่ต้น
G : อย่างที่เธอพูดตั้งแต่ต้น
ว่าแต่ว่าเราเข้าสู่ประเด็นปัญหาของเธอกันเถอะ
ทำไมถึงคิดว่าเป็นเรื่องบ้าที่เธอสนทนากับพระเจ้าได้ล่ะ?
เธอไม่เชื่อในคำอธิษฐานหรือไง?
N : เชื่อครับ แต่มันต่างกัน สำหรับผมการอธิษฐานเป็นสิ่งที่ผมทำอยู่ฝ่ายเดียวตลอดมา
ผมถามและพระองค์ก็เงียบ
G : พระเจ้าไม่เคยตอบคำอธิษฐานเลยหรือ?
N : โอ...ตอบครับ แต่ว่าไม่ได้เป็นคำพูดอย่างนี้
พระองค์เข้าใจไหมครับ?
มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิตที่ทำให้ผมเชื่อว่านั่นคือคำตอบ เป็นคำตอบที่ตรงกับคำอธิษฐานเลย
แต่พระเจ้าก็ไม่เคยพูดกับผมนะ
G : เข้าใจละ พระเจ้าที่เธอเชื่ออยู่นี้ทำได้ทุกอย่างเว้นแต่พูดเนี่ยนะ?
N : แน่นอน พระเจ้าพูดได้ถ้าต้องการ เพียงแต่มันไม่น่าเป็นไปได้ว่าพระองค์อยากพูดกับผม
G : นี่คือ `รากเหง้าของทุกปัญหา` ที่เธอประสบในชีวิตเลยล่ะ
1
"เพราะเธอไม่เห็นว่าตัวเองมีค่าพอที่พระเจ้าจะพูดด้วย*
1
โอ้ สวรรค์!
เธอจะคาดหวังว่าจะได้ยินเสียงของฉันได้อย่างไร
ในเมื่อเธอไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการว่าตัวเองมีค่าพอที่ฉันจะพูดด้วย
จะบอกอะไรให้นะ
ฉันกำลังแสดงปาฏิหาริย์อยู่ในขณะนี้
เพราะไม่เพียงแต่ฉันจะพูดกับเธอเท่านั้น
*แต่ยังพูดกับทุกคนที่หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาและกำลังอ่านถ้อยคำนี้อยู่ในตอนนี้ด้วย*
1
ฉันกำลังพูดกับทุกคนเหล่านั้น
ฉันรู้ว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นใคร
รู้ว่าใครที่จะพบหนทางมาถึงถ้อยคำเหล่านี้
และฉันก็รู้ (เช่นเดียวกับการสื่อสารในรูปแบบอื่นของฉันทั้งหมด) "ว่าบางคนจะสามารถได้ยิน"
*ขณะที่บางคนจะเพียงแค่ฟัง
แต่ไม่ได้ยินอะไรเลย*
N : นั่นโยงไปอีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ขณะกำลังเขียนอยู่นี้ ผมก็คิดถึงการตีพิมพ์เอกสารฉบับนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
G : อืม แล้วไงล่ะ?
N : มันจะไม่เป็นที่ถกเถียงกันหรือว่าผมสร้างเรื่องนี้ขึ้นเพื่อหากำไร มันจะไม่ทำให้ทั้งหมดนี้น่าสงสัยหรือครับ?
G : เธอเขียนขึ้นมาจากแรงกระตุ้นจากความอยากได้เงินมากๆหรือเปล่าล่ะ?
1
N : ไม่ใช่เลย นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมเริ่มต้นเขียนสิ่งต่างๆพวกนี้
ผมเริ่มเขียนบทสนทนานี้ลงบนกระดาษเพราะจิตใจผมถูกกัดกินด้วยคำถามมากว่า 30 ปี
คำถามซึ่งผมหิวกระหายเหลือเกินที่จะได้รับคำตอบ
ความคิดที่จะนำการสนทนาทั้งหมดตีพิมพ์เป็นหนังสือนั้นเกิดขึ้นทีหลัง
G : จากฉัน
N : จากพระองค์?
G : ใช่ เธอคงไม่คิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอทิ้งคำถามและคำตอบที่ยอดเยี่ยมพวกนี้ไปใช่ไหมล่ะ?
1
N : ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย ตอนแรกผมแค่ต้องการให้คำถามได้รับคำตอบ ยุติความสับสน
สิ้นสุดการแสวงหาเสียที
G : ดี ถ้าอย่างนั้นก็หยุดตั้งคำถามเรื่องแรงจูงใจของเธอเสียที (เธอทำอย่างนี้อยู่เรื่อย) แล้วไปกันต่อเถอะ.
บันทึก
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สนทนากับพระเจ้า เล่ม 1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย