29 ก.พ. 2020 เวลา 11:32 • ปรัชญา
#25 เล่ม 1 บทที่ 3 หน้า 133 ~ 137
...
เธอต้องเข้าใจว่าวิญญาณมองทุกสิ่งเกี่ยวกับการตายแตกต่างออกไป และแน่นอนมันมองเรื่องราวในชีวิตต่างไปด้วย
นี่เองคือที่มาของความว้าวุ่นและวิตกกังวลในชีวิตของผู้คน ความว้าวุ่นและวิตกกังวลมาจากการที่พวกเขา "ไม่ยอมฟังเสียงจากวิญญาณของตัวเอง"
...
N : ผมจะตั้งใจฟังเสียงจากวิญญาณให้ดีที่สุดได้ยังไงครับ? ถ้าหากวิญญาณคือนายจริงๆละก็ ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าผมได้รับบันทึกสั่งงานมาจากเบื้องบนจริงๆ?
1
G : สิ่งแรกที่เธออาจจะทำคือ เอาให้ชัดว่า `วิญญาณแสวงหาสิ่งใด` และ "หยุดตัดสิน" เสียที
1
N : ผมกำลังตัดสินวิญญาณของผมเองหรือครับเนี่ย?
G : ตลอดเวลาเลยล่ะ
ฉันเพิ่งแสดงให้เธอเห็นไปเองว่า เธอตัดสินตัวเองอย่างไรในการปรารถนาที่จะตาย...
และยังตัดสินตัวเองในการมีชีวิตอยู่ด้วย
"มีชีวิตอยู่อย่างแท้จริงนะ"
เธอ `ตัดสินตัวเอง` เรื่องการอยากหัวเราะ
อยากร้องไห้
อยากชนะ
อยากแพ้
อยากมีประสบการณ์ถึงความหรรษาและความรัก
เรื่องนี้เลยที่เธอตัดสินตัวเองเป็นพิเศษ
N : ผมทำอย่างนั้นเหรอครับ?
G : เธอไปได้ความคิดมาจากไหนสักแห่งหนึ่งนี่ล่ะว่า "การปฏิเสธความเบิกบานของชีวิตคือสิ่งประเสริฐ"
1
"การไม่เฉลิมฉลองชีวิตคือความสูงส่ง"
เธอบอกตัวเองว่า *การปฏิเสธคือคุณความดี*
N : พระองค์กำลังบอกว่ามันไม่ดีใช่มั้ยครับ?
G : มันไม่ได้ดีหรือเลว "มันเป็นแค่การปฎิเสธ"
ถ้าเธอรู้สึกดีหลังจากปฏิเสธตัวเอง
ในโลกของเธอก็คือความดี
แต่ถ้าเธอรู้สึกแย่ มันก็คือสิ่งไม่ดี
แต่ส่วนใหญ่แล้วเธอตัดสินไม่ได้
เธอปฏิเสธตัวเองในเรื่องนั้นเรื่องนี้เพราะเธอบอกตัวเองว่าเธอควรทำอย่างนั้น
แล้วเธอก็พูดว่ามันเป็นสิ่งดีที่ควรต้องทำ
แต่ก็สงสัยอยู่ไม่วายว่า :
ทำไมตัวเอง`ไม่เห็นจะรู้สึกดีเลย`
ฉะนั้น`สิ่งแรกที่ต้องทำ`ก็คือ
*หยุดตัดสินตัวเองเสียที*
1
จงเรียนรู้ว่าอะไรคือความปรารถนาของวิญญาณแล้วไปตามนั้น...
1
*จงไปกับจิตวิญญาณ*
สิ่งที่วิญญาณแสวงหาคือ *ความรู้สึกสูงสุดของความรักเท่าที่เธอจะจินตนาการถึง*
2
นี่คือ `ความปรารถนาของจิตวิญญาณ`
และ `เป็นจุดหมายของมัน`
*จิตวิญญาณตามหาความรู้สึก*
ไม่ใช่ `ความรู้` แต่เป็น `ความรู้สึก`
2
มันมีความรู้เรียบร้อยแล้ว
ทว่า...*ความรู้เป็นแนวคิด*
ขณะที่ *ความรู้สึกเป็นประสบการณ์*
1
จิตวิญญาณต้องการ "รู้สึกถึงตัวเอง"
1
เพราะฉะนั้นจึง "รู้จักตัวเอง"
*ผ่านประสบการณ์ของตัวเอง*
1
"ความรู้สึกสูงสุด" คือ *ประสบการณ์การเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งทั้งหมด*
นี้คือการหวนกลับครั้งยิ่งใหญ่
"สู่สัจจะซึ่งวิญญาณเพรียกหา"
นี่คือ *ความรู้สึกของรักสมบูรณ์แบบ*
1
"รักสมบูรณ์แบบ" เปรียบดังสีขาวหมดจด
หลายคนคิดว่า สีขาวคือ `ภาวะไม่มีสี`
แต่หาใช่เช่นนั้นไม่
มันคือการ "รวมกันของทุกสี"
สีขาวคือ *สีอื่นที่มีอยู่ทุกสีผสมรวมกัน*
เช่นเดียวกัน รักเองไม่ใช่ภาวะที่ปราศจากอารมณ์ใดๆ (เกลียด,โกรธ,กำหนัด,ริษยา,โลภ)
1
แต่คือ *การรวมทุกความรู้สึกเข้าไว้*
มันคือ *ผลบวกของทั้งหมด*
คือ *จำนวนรวม*
1
คือ *ทุกสิ่ง*
การที่วิญญาณจะมีประสบการณ์ถึง `รักอันสมบูรณ์แบบ` ได้
*มันจึงต้องมีประสบการณ์ถึงทุกความรู้สึกของมนุษย์*
1
ฉันจะกรุณาต่อผู้ที่ฉันไม่เข้าใจได้อย่างไร
ฉันจะให้อภัยผู้อื่นได้อย่างไรถ้าไม่เคยมีประสบการณ์นั้น "กับตัวเอง"
เราจะเห็นทั้ง `ความเรียบง่าย` และ `ความน่าครั่นคร้าม` ในการเดินทางของจิตวิญญาณ
เราจึงเข้าใจในที่สุดถึงสิ่งที่มันกำลังทำ...
"จุดประสงค์ของวิญญาณมนุษย์" ก็คือ
*การมีประสบการณ์ถึงทั้งหมดของมัน*
เพื่อว่ามัน *จะเป็นได้ทั้งหมด*
`จะรู้บนได้อย่างไร ถ้าไม่เคยรู้ล่างมาก่อน
`จะรู้ซ้ายได้อย่างไร ถ้าไม่รู้ขวา
`จะรู้อุ่นได้หรือ ถ้าไม่รู้จักหนาว
`จะรู้จักความดีหรือ ถ้าปฏิเสธความชั่วร้าย
ชัดเจนว่าวิญญาณไม่อาจเลือกเป็นสิ่งใดได้
*หากไม่มีสิ่งใดให้เลือก*
1
เพราะการที่วิญญาณจะมีประสบการณ์ถึงความสง่างามของตัวเองได้นั้น
มันต้องรู้ก่อนว่าอะไรคือ `ความสง่างาม`
ซึ่งก็ไม่อาจทำอย่างนั้นได้ถ้าไม่มีอย่างอื่นนอกจากความสง่างาม
วิญญาณจึงรู้ว่าความสง่างามจะตั้งอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีความไม่สง่างามดำรงอยู่
วิญญาณจึงไม่เคย `ประณาม` สิ่งไม่สง่างามเลย
ทว่าจะ `อวยพร` ที่ได้เห็นส่วนหนึ่งของตนในนั้น (ในความไม่สง่างาม)
ซึ่งจะ `ต้องมีอยู่` เพื่อให้ส่วนอื่นๆของตัวเองปรากฏขึ้นมาได้
แน่นอน `งานของวิญญาณ` ก็คือทำให้เรา "เลือกความสง่างาม" "เลือกสิ่งที่ดีที่สุดของตัวเธอ"
"โดยไม่ต้องประณามสิ่งที่เธอไม่ได้เลือก"
2
นี่เป็น `ภาระกิจอันยิ่งใหญ่`
ซึ่งต้องใช้เวลาหลายภพชาติ
2
เพราะเธอมัก `รีบร้อนพิพากษาตัดสิน` และชอบเรียกสิ่งต่างๆว่า "ผิด" "เลว" หรือ "ยังไม่พอ"
2
แทนที่จะ *อวยพรบรรดาสิ่งที่เธอไม่ได้เลือก*
เธอยังทำสิ่งที่ `แย่ยิ่งกว่าการประนามอีก`
นั่นคือ "พยายามทำอันตรายสิ่งต่างๆที่เธอไม่ได้เลือก"
`เธอหาทางที่จะทำลาย หากมีผู้คน สถานที่ หรือสิ่งใดๆที่เธอไม่เห็นด้วย
`เธอจะโจมตี ถ้ามีศาสนาอื่นที่ขัดแย้งกับศาสนาของเธอ
`เธอก็จะทำให้พวกนั้นเป็นฝ่ายผิด หากมีความคิดใดตรงข้ามกับความคิดเธอ
`เธอก็จะเยาะเย้ย หากมีมโนคติใดนอกเหนือไปจากของเธอ เธอจะปฎิเสธ
1
"เธอได้ทำผิดพลาด" เพราะเท่ากับเธอสร้างจักรวาลแค่เพียง *ครึ่งเดียว*
และเธอไม่อาจแม้แต่จะเข้าใจครึ่งหนึ่งของตน
เมื่อเธอปฏิเสธอีกครึ่งที่เหลือของตัวเอง
N : ทั้งหมดนี้ช่างลึกซึ้ง ขอบคุณพระองค์เหลือเกิน ไม่เคยมีใครพูดถึงสิ่งเหล่านี้กับผมมาก่อน อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เรียบง่ายแบบนี้
และผมก็กำลังพยายามทำความเข้าใจอยู่จริงๆนะครับ แม้ว่าบางส่วนอาจยากที่จะเข้าใจก็ตาม
เหมือนกับพระองค์กำลังบอกว่า ยกตัวอย่างนะ
เราควรรักสิ่ง "ผิด" เพื่อที่จะได้รู้จักสิ่ง "ถูก"
2
พระองค์กำลังบอกว่าเราต้องอ้าแขนต้อนรับปีศาจอย่างนั้นรึเปล่า?
1
G : เธอจะเยียวยาเขาด้วยวิธีไหนได้อีกเล่า?
แน่นอนว่า `ปีศาจจริงๆไม่มีตัวตนอยู่หรอก`
1
ฉันเพียงแต่ตอบไปตามสำนวนที่เธอเลือกใช้
เท่านั้นเอง
`การบำบัด` คือกระบวนการแห่งการ
"ยอมรับทุกสิ่ง"
1
จากนั้นก็ *เลือกสิ่งที่ดีที่สุด*
เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม?
เธอไม่อาจเลือกที่จะเป็นพระเจ้าได้ถ้าไม่มีสิ่งอื่นๆให้เธอเลือก
1
N : อุ๊บส์! เดี๋ยวก่อน ผมไม่ได้พูดเรื่องที่จะเลือกเป็นพระเจ้าสักหน่อย
G : `ความรู้สึกสูงสุด` คือ :
*ความรักอันสมบูรณ์แบบ* ใช่ไม่ใช่?
N : ใช่นะ ผมควรคิดว่างั้น
G : แล้วเธอหา *นิยามของคำว่าพระเจ้า* ที่ดีกว่านั้นได้ไหมล่ะ?
2
N : ไม่ครับ ไม่สามารถ
G : วิญญาณของเธอ "แสวงหาความรู้สึกสูงสุด"
1
มันแสวงหาประสบการณ์
"ในการเป็นความรักสมบูรณ์แบบ"
1
วิญญาณคือ "ความรักที่สมบูรณ์แบบ"
1
"มันรู้สิ่งนี้" ทว่ามันอยากจะ "ทำมากกว่าแค่รู้"
1
มันปราถนาที่จะ *เป็นสิ่งนั้น* ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง
1
แน่นอน...
*เธอกำลังแสวงหาการเป็นพระเจ้าอยู่!
1
*เธอคิดว่ามีอย่างอื่นที่เธอต้องทำอีกหรือ?!
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา