4 มี.ค. 2020 เวลา 15:44 • ปรัชญา
"มนุษย์ถ้ำ"
กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว มีคนกลุ่มหนึ่งถูกกักขังอยู่ภายในถ้ำแห่งหนึ่งมาตั้งแต่วัยเด็ก พวกเขาถูกบังคับให้นั่งหันหน้าเข้าหาผนังถ้ำด้านในสุด ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับปากถ้ำ คนเหล่านั้นนั่งหันหลังให้กับปากถ้าตลอดเวลา พวกเขาถูกล่ามโซ่ที่ขาและใส่ขื่อคาที่คอ จึงไม่สามารถแม้จะเหลียวมองเพื่อนนักโทษที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พวกเขาได้แต่นั่งหันหน้าเข้าหาผนังถ้ำ
บริเวณด้านหลังนักโทษเหล่านั้น มียกพื้นลาดสูงขึ้นไปจนถึงปากถ้ำที่มีแสงสว่างจากโลกภายนอกสาดเข้ามารำไร ใกล้กับปากถ้ำมีกองไฟลุกโชนอยู่ แสงไฟแผ่ออกไปจับที่ผนังถ้ำด้านหน้านักโทษ และในบริเวณระหว่างด้านหลังนักโทษกับกองไฟ มีทั้งคน ทั้งสัตว์เดินไปมา และพูดจาส่งเสียงให้พวกเขาได้ยิน
เลยกลายเป็นเงาสะท้อนบนผนังถ้ำที่พวกเขาหันหน้ามองทุกวัน
พวกเขาจึงคิดว่าเงาที่เดินไปมาบนผนังมีชีวิตและพูดได้
หลายปีต่อมา มีนักโทษคนหนึ่งถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ
พอได้ออกไปพบโลกภายนอก เขาจึงรู้ความจริงว่าโลกภายนอกมีคน มีสิ่งอื่นๆอีกมากมาย และที่พวกเขาเห็นทุกวันเป็นเพียงเงาสะท้อนของคนที่อยู่ข้างนอก เงาบนผนังไม่มีชีวิตแต่อย่างใด
เขาจึงกลับไปที่ถ้ำ เพื่อพยายามบอกความจริงกับเพื่อนๆ ว่าสิ่งที่เห็นบนผนังไม่ใช่ของจริง เป็นเพียงเงาจากภายนอก
แต่เพื่อนนักโทษไม่ฟังคำพูดของเขา แถมเพื่อนนักโทษกลับชี้ไปยังผนังถ้ำและบอกว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นบนผนังถ้ำทั้งหมดเป็นความจริง ทั้งยังคิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว
🌍เครดิต : เพลโต นักปราชญ์กรีกโบราณ🌏
คนเรามักจะเชื่อในสิ่งที่เราคุ้นเคย มากกว่ายอมรับความเป็นจริง ทั้งๆที่โลกของเรามีสิ่งต่างๆอีกมากมาย ที่มนุษย์อย่างเรา ยังไม่ได้เจอะเจอ บางทีพวกเราอาจจะกลายเป็นมนุษถ้ำโดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้ครับ หากยังเชื่อเฉพาะสิ่งที่ตนเองเคยเห็น หรือแค่เชื่อเฉพาะสิ่งที่ตนเองอยากจะเชื่อ โดยที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านนะครับ ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับ by ชนดิเรก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา