Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว
•
ติดตาม
4 มี.ค. 2020 เวลา 18:54 • ประวัติศาสตร์
คดีฆาตกรรมครูสาวไร้ศพ ตอนที่#1
ย้อนไปเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ปี2001 จางจิ้งหวา สาวนักเรียนนอกที่มาจากบ้านที่ค่อนข้างมีฐานะและมีการศึกษาที่ดี หลังจากจบปริญญาโทจากอังกฤษ เธอได้กลับมาเปิดโรงเรียนสอนพิเศษภาษาอังกฤษที่ไต้หวัน ผู้หญิงสาวโสดหน้าตาดี การศึกษาดี รายได้ดีที่เพียบพร้อมทุกอย่าง เมื่อเธอมีรายได้ที่มั่นคงจึงได้ออกมาซื้อบ้านอยู่เองที่เขตต้าอัน ไทเป ซึ่งถือว่าเป็นเขตที่ราคาบ้านค่อนข้างสูงทีเดียว
ครูจางจิ้งหวา
เธอเป็นคนที่ชอบเที่ยวต่างประเทศ มีเพื่อนฝูงเยอะ ชอบกิจกรรมเต้นซึ่งเธอได้เข้ากลุ่มลีลาสและทำให้เธอมีเพื่อนหลากหลายอาชีพ เธอมีความสนิทสนมกับคนในครอบครัวซึ่งเวลาจะไปไหนมาไหนไกลๆ หรือเดินทางต่างประเทศเธอมักจะบอกกับครอบครัวเธอเสมอ แต่วันนึงเมื่ออยู่ดีๆเธอกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย......
ทั้งเพื่อนและครอบครัวติดต่อเธอไม่ได้ โทรศัพท์ไม่รับซึ่งผิดปกติวิสัย ทางครอบครัวกดกริ่งไม่มีเสียงตอบรับ จึงโทรหาตำรวจและพนักงานดับเพลิงเพื่องัดหน้าต่างจากด้านนอกเข้าไป แต่เมื่อเข้าไปแล้วกลับไม่พบร่อยรอยของน.ส.จาง บ้านสะอาดเรียบร้อยไม่มีอะไรผิดปกติ แต่กลับได้ยินเสียงสุนัขที่เธอเลี้ยงไว้ร้องดังมาจากระเบียงนอกบ้าน เมื่อเปิดประตูระเบียงสุนัขของเธอได้วิ่งไปยังที่ห้องน้ำทันทีพร้อมเสียงโหยหวนครวญคราง เมื่อตำรวจพบดังนั้นจึงคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ๆ
สุนัขพันธุ์ฮัสกี้ที่ครูจางเลี้ยงไว้
ตำรวจสังเกตจากประตูบ้านเป็นอันดับแรก ประตูไม่มีรอยงัดแงะใดๆแสดงว่าไม่ใช่โจรหรือมีคนแปลกหน้าแอบเข้ามาทำร้ายเธอ
(นี่คือสาเหตุที่ตำรวจงัดเข้ามาจากหน้าต่าง เพื่อคงสภาพประตูไว้เพื่อสืบสวน) รองเท้าของเธอทุกคู่อยู่ครบ และคนหายไปไหน??
1
ต่อมาเมื่อเข้ามาในบ้านสภาพบ้านสะอาดเรียบร้อยไม่พบร่อยรอยการต่อสู้ขัดขืน แต่มีจุดแปลกตรงที่พื้นห้องรับแขกและห้องน้ำ พื้นห้องรับแขกเงาสะอาดกว่าที่อื่นๆจนน่าสงสัย แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่ว่าเธอรักความสะอาดเมื่อสอบถามครอบครัวเธอว่าเธอมีเรียกแม่บ้านมาทำความสะอาดประจำหรือไม่ ทางครอบครัวเธอตอบว่าไม่มี และอีกที่คือถังขยะภายในบ้านที่ไม่มีขยะเลย ทั้งๆที่วันที่เธอหายตัวไปเป็นวันอาทิตย์ ซึ่งที่ไต้หวันจะไม่มีรถขยะมาเก็บในวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ทั้งขยะภายในบ้านโดยเฉพาะห้องรับแขก ห้องน้ำและห้องครัวกลับไม่มีขยะหลงเหลืออยู่เลยมันเป็นไปได้หรือ????
เมื่อเปิดประตูทุกห้องเพื่อตรวจสอบกลับได้ยินเสียงสุนัขเห่ามาจากระเบียง และเมื่อคนในครอบครัวเธอเปิดประตูระเบียงเพื่อให้เจ้าสุนัขเข้ามา มันกลับวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำทันทีพร้อมกับทำเสียงโหยหวนเหมือนมันต้องการบอกอะไร ตำรวจและทีมนิติเวชได้ทำการตรวจสอบภายในห้องน้ำทันทีอย่างละเอียด และพบจุดน่าสงสัยหลายจุด
(1)ข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องน้ำอยู่ครบแต่ครีมอาบน้ำที่ควรมีกลับไม่มี
(2)ผ้าม่านห้องน้ำหายไป
(3) ผ้าเช็ดตัวหายไป 2 ผืน
(4) กลับมีพัดลมวางอยู่ข้างอ่างอาบน้ำซึ่งพัดลมนั้นไม่ควรวางไว้ที่นั่น
(5) พื้นห้องน้ำ อ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้าสะอาด แต่ส่วนอื่นๆกลับไม่ ปกติถ้าทำความสะอาดหรือเป็นคนรักความสะอาดขนาดขัดพื้นจนขึ้นเงาก็ควรจะต้องทำความสะอาดหมดแต่บางที่กลับไม่มีร่อยรอยทำความสะอาด
1
เมื่อตรวจสอบละเอียดกลับพบรอยจุดดำๆตามช่องกระเบื้องและรอยแนวของอ่างอาบน้ำ มันเป็นคราบสกปรก รอยเชื้อรา หรือรอยเลือดกันแน่??.....
เมื่อตำรวจพบจุดหรือคราบสีน้ำตาลหลายจุดในห้องน้ำและได้ทำการตรวจสอบกับสารลูมินอลจึงพบว่าทั้งหมดเป็นรอยเลือดทั้งสิ้น ครั้งนี้ตำรวจทำการปิดไฟและฉีดสารลูมินอลทั่วห้องน้ำถึงกับพบว่าจริงๆแล้วมันเต็มไปด้วยเลือด ไม่ว่าจะเป็นที่อ่างอาบน้ำ ท่อน้ำ กระเบื้องผนังห้องน้ำ โถชักโครก และอ่างล้างหน้า ถึงแม้คนร้ายจะทำความสะอาดอย่างไรแต่รอยเลือดเหล่านั้นยังคงอยู่......
ห้องน้ำที่ไม่กว้างเท่าไหร่นักกลับพบรอยเลือดถึง107จุด และผนังห้องน้ำที่มองตาเปล่าสะอาดแต่เมื่อฉีดสารกลับพบว่ามันเต็มไปด้วยเลือดที่มีร่อยรอยคนใช้ผ้าเช็ดถูสภาพห้องน้ำที่เต็มไปด้วยเลือดไม่ต่างจากห้องฆ่าสัตว์ และเมื่อนำเลือดไปตรวจกับพ่อแม่ของครูสาว ผลที่ออกมาคือเลือดทั้งหมดเป็นของครูจางจริงๆ ตำรวจจึงตั้งสันนิษฐานว่าห้องน้ำน่าจะเป็นที่เกิดเหตุฆาตกรรม....
ครูจางมีแฟนที่คบอยู่แซ่อู๋แต่เมื่อตำรวจตรวจสอบแล้วกลับไม่พบอะไรน่าสงสัย และตัดออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัย ตำรวจได้เชคเบอร์โทรเข้า-ออก จนถึงวันสุดท้ายก่อนที่เธอจะหายตัวไป เธอมีทั้งเพื่อนชายและเพื่อนสาวจำนวนมาก และด้วยความที่เธอยังไม่แต่งงานจึงทำให้มีชายหลายคนแวะเวียนเข้าหาเธอประจำ เมื่อตำรวจเรียกทุกคนที่โทรเข้าหาเธอและได้มีการติดต่อกับเธอมาให้ปากคำทุกคนดูปกติ มีหลักฐานยืนยันที่อยู่ แต่เบอร์โทรที่โทรเข้าหาเธอเป็นสายสุดท้ายนั้นเมื่อตำรวจโทรไปขอให้มาให้ปากคำ รับปากว่าจะมาแต่กลับไม่มาและหายตัวไป....
1
เมื่อตำรวจตรวจเชคประวัติทราบว่าชายคนดังกล่าวแซ่หลี่ และได้โทรหาเธอเป็นสายสุดท้ายก่อนเธอจะหายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอย ตำรวจขอให้นายหลี่มาสอบปากคำ นายหลี่ตกลงพร้อมทั้งแสดงว่าให้ความร่วมมือ แต่เมื่อถึงเวลานัดนายหลี่กลับอ้างว่านอนลืมเวลาและรับปากว่าจะรีบไป แต่แล้วก็ไม่มาเมื่อตรวจสอบกลับพบว่านายหลี่ได้หนีออกนอกประเทศไปยังประเทศฮ่องกงและต่อไปจีนแล้ว... นี่ทำให้ตำรวจตั้งข้อสงสัยกับตัวนายหลี่มากขึ้นและตั้งนายหลี่เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งเพราะหลังจากที่เชคช่วงเวลา กลับพบว่าตอนที่นายหลี่บอกตำรวจว่านอนเลยเวลานั้น ตัวนายหลี่เองได้อยู่ที่สนามบินแล้ว
ตำรวจได้ตรวจสอบข้าวของส่วนตัวภายในบ้านครูจาง พบว่าลิ้นชักในห้องถูกเปิดโดยลิ้นชักมีสมุดเงินฝากและสมุดเชค ตำรวจรีบตรวจสอบประวัติทางการเงินจองครูจางพบว่ามีสมุดเงินฝากบางเล่มหายไป สมุดเชคหายไป และเมื่อตรวจสอบกับธนาคารพบว่าในวันที่ครูจางหายตัวไปนั้นได้มีคนถอนเงินจากบัญชีของครูจางจากตู้เอทีเอมซึ่งเมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดกลับพบว่าเป็นหญิงแปลกหน้าที่เพื่อนๆและครอบครัวของครูจางไม่รู้จักมาก่อน
และเมื่อตรวจสอบต่อพบว่าคนที่นำบัตรเครดิตไปรูดและนำเชคครูจางไปขึ้นเงินนั้นก็ไม่ใช่ใครทีไหนกลับเป็นชายแซ่หลี่ที่ปล่อยตำรวจรอเก้อและหนีไปแล้วนั่นเอง‼️
แล้วจะทำอย่างไรต่อล่ะ เมื่อผู้ต้องสงสัยหนีออกนอกประเทศไปแล้ว....
ตำรวจได้ตรวจสอบประวัตินายหลี่พบเหตุจูงใจหลายอย่าง นายหลี่มีหนี้เยอะและเคยได้ยืมเงินกับอดีตภรรยา และน้องสาวนายหลี่เองหลายครั้งเพื่อทำธุรกิจแต่ก็ไม่สำเร็จและกลายเป็นหนี้ นายหลี่ได้รู้จักกับครูจางในสมาคมเต้นรำ ครูจางเป็นคนมีฐานะไม่แปลกใจที่นายหลี่จะเข้าหาและเรื่องเงินอาจเป็นเหตุจูงใจให้เกิดการฆาตกรรมขึ้น
3
ตำรวจได้กลับไปที่บ้านครูจางอีกครั้ง ด้วยความที่ครูจางชอบเดินทางต่างประเทศบ่อยจึงมีกระเป๋าเดินทางหลายใบ ถ้าเกิดเหตุฆาตกรรมในบ้านกระเป๋าเดินทางเธอต้องหายไปเพื่อใช้เคลื่อนย้ายศพนี่คือข้อสันนิษฐานของตำรวจ
ตำรวจได้เรียกเพื่อนสนิทและครอบครัวเธอมาช่วยตรวจนับว่ามีกระเป๋าเดินทางหายไปบ้างไหม แต่คำตอบที่ได้กลับไม่มี....
ตำรวจเริ่มตรวจสอบGPS จากโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนายหลี่....
14 มิ.ย.2001 เวลา 11:00น นายหลี่โทรเข้าหาครูจาง และจากบันทึกการระบุตำแหน่งGPSนั้นทำให้ทราบว่า นายหลี่ได้ใช้เวลาอยู่ในบ้านครูจางนานถึง7-8ชั่วโมง (ทำอะไรถึงได้อยู่นานขนาดนั้น???)
หลังจากนั้นช่วงเย็นถึงใช้รถยนต์มุ่งหน้าไปหย่งเหอ =>หลังจากนั้นกลับมาที่บ้านครูจางอีกรอบ=> และมุ่งหน้าไปเป๋ยห่ายอั้น และไปเขตนิวไทเป จินซาน และตี1กว่าถึงกลับไปหย่งเหออีกครั้ง จากเส้นทางไปมาและการใช้รถยนต์ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการนำศพไปทิ้งแน่นอน....
ตำรวจตรวจสอบเส้นทางเดินรถ และสันนิษฐานว่ารถยนต์ที่ใช้ไม่น่าใช่รถแท๊กซี่เพราะเสี่ยงเกินไป หรือจะเป็นรถเช่า ตำรวจได้ตรวจสอบรถทุกคันในที่จอดรถในสนามบินเพื่อตรวจสอบ เพราะคาดว่านายหลี่หนีออกนอกประเทศ นายหลี่อาจขับรถหรือเช่ารถไว้เมื่อขนย้ายศพเสร็จก็อาจจอดทิ้งไว้และหนีออกนอกประเทศไปเลย แต่เมื่อตรวจสอบกับไม่พบรถต้องสงสัย....
ตำรวจกลับไปตรวจสอบกับผู้หญิงนิรนามที่กดเงินครูจางออกจากตู้เอทีเอม และเมื่อตรวจสอบพบว่านายหลี่เองมีน้องสาวคนหนึ่งในไต้หวัน และเมื่อเทียบรูปประพันแล้วก็ใช่คนเดียวกัน จึงเรียกมาสอบปากคำ...
1
ศพไม่พบ แต่ห้องน้ำเต็มไปด้วยเลือด ผู้ต้องสงสัยหนีไปแล้ว รถที่ใช้ขนศพอยู่ที่ไหน?? ทำไมสุดท้ายนายหลี่ถึงยอมกลับมา?? เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์?? หรือเพื่อเยาะเย้ยตำรวจ มาต่อกันคราวหน้าค่ะ
7 บันทึก
15
1
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
คดีฆาตกรรมในไต้หวัน
7
15
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย