20 มี.ค. 2020 เวลา 13:16 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ถอดบทเรียน : เรียนรู้ อยู่ร่วม .... COVID - 19 EP.3 บทสรุป
การเดินทางของไวรัสในหลาย ๆ ประเทศกำลังเดินทางไปถึงจุดจบ แต่กลับในบ้างประเทศเพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้น ส่วนตัวผมให้ความเห็นว่าการระบาดครั้งนี้คงกินเวลาทั้งปี 2020 อย่างแน่อน
โควิด - 19 ไวรัสที่มีทั้งข้อดีข้อเสียในตัว เหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน
อยู่ที่ว่าเราจะเลือกมองมันในด้านใด
ทุกวันนี้ไปไหนมาไหน ก็มีแต่ข่าวโควิด -19 เต็มไปหมด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีที่คนให้ความสนใจความสำคัญ ไม่ละเลยโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้น
ช่วยกัน แชร์ให้ข้อมูล รับข่าวสาร ติดตามเพื่อป้องกันการระบาดให้อยู่ในวงจำกัด ข้อมูลในสื่อโซเชียลนั้นมีมากมายหลายช่องทาง
ซึ่งสามารถให้เราเข้าถึงเรื่องโรคระบาดได้ง่าย ๆ
ซึ่งเราแทบจะติดตามกันแบบเรียลไทม์เลยก็ว่าได้
รับรู้ทุกนาที อัปเดตทุกชั่วโมง
มันอาจทำให้เรารู้สึก
เหมือนกับว่าเราอยู่ในสถานการณ์นั้นจริง ๆ
ซึ่งหากเราไม่ตั้งสติดี ๆ ต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
สิ่งที่อาจเกิดขึ้นคือ อาการ Panic
เเละเมื่อเป็นแบบนั้นผลที่ตามมา
อาจเกิดความโกลาหลขึ้นได้
ฉะนั้นสิ่งสำคัญกว่าโรคระบาดคือ "การตั้งสติ"
ไม่เกิดวิตก เราต้องหมั่นสังเกตุตนเองเป็นระยะว่าเรามีอาการเข้าข่ายหรือไม่
หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงถ้าเป็นไปได้ แต่หากต้องทำงานอยู่ในพื้นที่เสี่ยง
เราก็ต้องรู้จักป้องกันตนเอง ไม่จับอย่างอื่นมั่วซั่ว พยายามอย่าจับหน้าจับตา
ล้างมือบ่อย ๆ ซึ่งสามารถช่วยให้เราป้องกันโรคได้อีกหนึ่งทาง และอย่าลืม
ใส่หน้ากาก แต่หากไม่มีเราก็ต้องระมัดระวังตัวเองยิ่งขึ้น
1. โควิด -19 ทำลายปอดจริงไหม
จริง !!! เมื่อไวรัสนี้เข้าสู่ร่างกายตัวไวรัสจจะเข้าไปจับคู่กับเซลล์ตรงทางเดินหายใจ จากนั้นมันจะพาตัวเองลงไปยังปอด ซึ่งจากนั้นไวรัสก็จะเริ่มทำลาย
เซลล์ปอด ต่อมาร่างกายเราก็จะมีระบบภูมิคุ้มกันซึ่งจะสร้างเซลล์ขึ้นมาต่อต้านเชื้อไวรัสชนิดนี้ ซึ่งในช่วงระหว่างการทำลาย สิ่งที่เกิดขึ้นกันคือต่อสู้กันระหว่างไวรัสกับเซลล์คุ้มกัน
เมื่อเกิดการติดเชื้อเซลล์คุ้มกันมีหน้าที่คือการกำจัดไวรัสให้สิ้นซากไว้ก่อน
โดยไม่สนใจอะไร ทำให้เซลล์ปอดบางส่วนอาจถูกทำลายไปด้วย
ลองจินตนาการถึงสงครามที่สู้รบกัน สุดท้ายก็มีจะร่องรอยจากการสู้รบนั้น
เหลืออยู่ หรือเหมือนกับแผลเป็นบนร่างกายเรา
2. จุดจบโควิดจะเป็นเช่นไร
มุมมองที่เป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นมีได้ 3 แบบ คือ
1. จบแบบเราชนะ คือ เราสามารถคิดค้นวัคซีน และยารักษาโรคขึ้นมาได้
สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้อย่างสมบูรณ์
.
2. จบแบบเราแพ้ คือ มนุษยชาติพ่ายแพ้ต่อโรคระบาด ควบคุมไม่อยู่ ผู้คน
ทั้งโลกติดเชื้อ ทำให้มีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิต โลกจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนประชากรที่เหลือรอดจะเป็นคนที่มีผู้คุ้มกัน
.
3.จบแบบเสมอ คือ เราอยู่ร่วมกับไวรัส ไวรัสกลายเป็นโรคประจำถิ่น เหมือนกับโรคเอดส์ ไข้หวัด ฯลฯ ผู้คนมีภูมิคุ้มกันในตนเอง ป่วยและหายเอง เหมือนกับเป็นหวัดธรรมดาชนิดหนึ่ง
ซึ่งในปัจจุบันที่เรามีเทคโนโลยีสูง และทั่วโลกต่างรับรู้ถึงปัญหานี้ อีกทั้งเรายังมีข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับไวรัสกลุ่มโคโรน่าอย่างมากมาย ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เทคโนโลยียังไม่ได้ก้าวหน้าถึงขนาดนี้ ฉะนั้นแนวโน้มที่จะจบแบบเรา
ชนะจึงมีความเป็นไปได้สูง แต่นั้นไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสจบแบบอื่น
โอกาสยังมี อย่าพึ่งนิ่งนอนใจกับมัน
3. ติดเชื้อ ป่วย หายเองได้ !!!! ไม่ต้องใช้ยา
เป็นไปได้ แต่ร่างกายเราต้องแข็งแรงในระดับหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้เรามีภูมิคุ้มกันที่ดี ต่อสู้กับโรคร้ายได้ แต่อาจต้องใช้เวลาพักสัก ด้วยความที่เป็นโรคใหม่
4. ผู้ใหญ่ติดง่าย เด็กติดยาก
จริงส่วนหนึ่ง แต่เด็กก็สามารถติดได้ อย่างเเรกเลยเราต้องทำความเข้าใจ
ก่อนว่า โรคส่วนใหญ่ในธรรมชาติมักพบในผู้สูงอายุและวัยกลางคนเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความดัน เบาหวาน และอื่น ๆ อีกมากมาย ผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัวจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าเดิม และความ
เสี่ยงในการชีวิตจะมากกว่าผู้ใหญ่ที่ไม่มีโรคประจำตัว
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น!!
ก็เพราะว่าคนที่มีโรคอ่อนแอไงครับ ร่างกายไม่แข็งแรง โรคจึงถามหาได้ง่าย และผู้ใหญ่เองก็ผ่านโลกมาอย่างดุเดือด ใช้ร่างกายได้อย่างหนักหนาสาหัส ต้องต่อสู้กับฝุ่น มลพิษ ที่ส่งผลต่อปอดอย่างมากมาย ทั้ง ควันบุหรี่ หมอก ฝุ่น ไหนจะ PM 2.5
"ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นที่จะสามารถอยู่รอดได้
ส่วนผู้ด้อยกว่าย่อมถูกกำจัดทิ้งให้สูญพันธุ์ไปในที่สุด!!"
บทวิเคราะห์ COVID
ในมุมมองสิ่งแวดล้อม โควิดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกธรรมชาติคัดเลือกมา
เป็นอย่างดี มันได้กลายพันธุ์มาเพื่อต่อสู้กับมนุษย์โดยตรง
ไวรัสตัวนี้เกิดมาเพื่อ.....
1. เพื่อฆ่าคนโดยเฉพาะ (เจาะจงที่คนอ่อนแอ)
จากข่าวที่สื่อต่าง ๆ รายงานและข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้อ่านมา อัตราการเสียชีวิตจากโรคระบาดนี้ส่วนใหญ่มักอยู่ในผู้สูงอายุประมาณ 40 - 70 ปี แต่หากลองมองลึกลงไป ประชากรทั่วโลกใบนี้ส่วนใหญ่มีโน้มเป็นผู้สูงอายุ และกลุ่มคน
เหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในตัวการที่สร้างปัญหาต่อธรรมชาติอย่างมากที่สุด
แล้วจะแปลกอะไรหากธรรมชาติต้องการกำจัดกลุ่มคนเหล่านี้
โควิดช่วยคัดเลือกผู้คนในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการคัดเลือกทางธรรมชาติ เพราะมนุษย์ที่อ่อนแอ ร่างกายไม่แข็งแรงก็จะเสี่ยงเป็นโรคได้มากกว่า
คนที่แข็งแรง ไวรัสนี้จึงบอกให้ "คนรักสุขภาพ" มันได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า มนุษย์ในตอนนี้สุขภาพส่วนใหญ่เป็นเช่นไร
2. เพื่อ "หยุด" ให้คิด
ต้นตอของไวรัสนี้มีแนวโน้มที่จะมาจากสัตว์ หรือ"สัตว์ป่า" ก็ได้
แต่ผลจากการที่มนุษย์เข้าไปยุ่งกับสัตว์ป่ามากเกินไป
จึงได้รับผลกรรมที่ตามมา ไวรัสจึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อต่อต้านการบริโภคสัตว์ป่าของมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์หยุดได้คิดและตระหนัก
ไม่ใช่แค่การบริโภคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่การทำลายพื้นอยู่อาศัยของสัตว์นั้นก็ย่อมส่งผลให้ สัตว์ป่ากับมนุษย์มีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น และโอกาสที่จะเกิดโรคก็จะมากยิ่งขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดโรคระบาดจากสัตว์ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเราได้ผ่านโรคระบาดมาแล้วถึง 6 ครั้ง
: โรคซาร์ส ( SARS - CoV ) หรือ โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงที่มี
การติดเชื้อจากค้างคาว รวมถึงสัตว์จำพวกชะมดและอีเห็น
:โรคเมอร์ส ( MERS - CoV ) โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ซึ่งก็ถือเป็นกลุ่มของไวรัสโคโรน่าเช่นกัน โดยเชื้อนี้มาจากค้างคาวแล้วมาติดอูฐก่อนที่จะแพร่เข้าสู่ มนุษย์ ซึ่งปัจจุบันตอนนี้ก็ยังไม่มียารักษา
: อีโบลา ( Ebola ) ซึ่งเชื้อนี้ก็เชื่อว่ามีที่มาจากค้างคาวเช่นกัน
: ซิกา ( Zika ) เป็นเชื้อไวรัสกลุ่มเดียวกันกับแดงกี่ (ไข้เลือดออก) ต้นตอของเชื้อไวรัสมาจากยุงลาย
: ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1
เรามีบทเรียนมากมายที่ธรรมชาติมอบให้เราซ้ำแล้วซ้ำเล่า เตือนแล้วเตือน
อีกแต่เราก็ยังเพิกเฉยต่อคำเตือนเหล่านี้ ถึงแม้ในตอนท้ายที่สุดแล้วต้นตอของไวรัสจะไม่ได้มาจากสัตว์ป่า แต่นั้นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะใช้ในการบริโภคสัตว์ป่าต่อไป เพราะยังมีอีกหลายเคสที่ชี้ชัดแน่นอนแล้วว่าสัตว์ป่าเป็นต้นกำเนิดของ โรคระบาดต่าง ๆ
3. เพื่อหยุดมนุษย์ให้โลก "พัก"
เหรียญย่อมมีสองด้าน มีดีย่อมมีร้าย และทุกวิกกฤตย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ
โรคระบาดที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ทำให้คนทั่วโลกพุ่งเป้ามาที่การจัดการและควบคุมโรคระบาด ทั้งยังมีการกักผู้คนให้อยู่แต่ภายในบ้าน ภายในประเทศ ซึ่งที่ตามมาคือ มนุษย์ถูกจำกัดชีวิต แต่ธรรมชาติกลับเบิกบาน
เพราะจากสำรวจพบว่าปริมาณคาร์บอนไดออกไซต์ที่ปล่อยออกมาในช่วงนี้มีปริมาณน้อยลง การบริโภคก็น้อยลง นั้นหมายถึงการใช้ทรัพยากรก็น้อยลงตามไปด้วย โลกจึงใช้โอกาสนี้ที่มนุษย์หยุดกิจกรรมต่างเพื่อฟื้นฟูตัวเอง
4. เพื่อ "เตือน"
ตลอดร้อยระยะเวลา 200 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดการปฎิวัติอุตสาหกรรมเครื่องจักรไอน้ำของ เจมส์ วัตต์ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฎิวัติและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โลกก็เข้าสู่ความบ้าคลั่งของการถลุงทรัพยากรมาเรื่อย ๆ
เศรษฐกิจเติบโต เงินตรา มนุษย์เริ่มก้าวกระโดด เทคโนโลยีล้ำสมัยถูกคิด
ค้นพัฒนามาเรื่อย ๆ เครื่องทุนแรงเกิดขึ้นมากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างถูกสร้าง
ขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้นคือ "ตอบสนองความต้องการของมนุษย์"
โลกไม่มีเวลาได้ปรับตัว ทรัพยากรถูกถลุงไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่นั้นมา
และมลพิษถูกปลดปล่อยออกมาอย่างมหาศาล แต่ตอนนี้โลกกำลังปรับตัว
เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด สิ่งมีชีวิตเริ่มมีการเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างช้า ๆ
การกลายพันธุ์เริ่มมีให้เห็น
โลกจึงมีมาตรการตอบโต้มนุษย์โดยการทำให้มนุษย์อยู่ยากขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าเป็นอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น สิ่งมีชีวิตที่ทนต่อสภาวะแวดล้อม ทำให้อาหารหายากขึ้นไปเรื่อย ๆ
บทสรุป......
ไวรัสนี้ก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นมาในโลกที่เปลี่ยนแปลง
ไวรัสถือเป็นสิ่งมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตก็ต้องการที่จะมีชีวิต ต้องการที่จะขยายพันธุ์ นั้นถือเป็นเรื่องธรรมชาติ
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน โควิดก็ "อาจจะ "กลายเป็นเพียงโรคประจำถิ่น
ไม่เราก็จะคิดค้นยาหรือวัคซีนขึ้นมาต่อต้านได้ แต่มันก็เป็นเเค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากเราจะอยู่รอดในโลกแบบนี้ต่อไปได้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
"เราต้องรู้จักปรับตัว" หันกลับมาพัฒนาตนเองจากภายในไปหาภายนอก
คือ การทำร่างกายให้แข็งแรง เช่น การออกกำลังกาย การกินอาหารที่ดี
ถือเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของมนุษย์ให้แข็งแรงและเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่เราสามารถทำได้ ไม่ว่าเรื่องใดหรือการจะทำสิ่งใดก็ตามหากร่างกาย
เราไม่แข็งแรง ก็ยากที่จะทำสิ่งอื่นได้สำเร็จ อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ร่างกายเลย คือ สมองและจิตใจ ดังเช่นคำว่า "หากใจเราสู้อะไรก็เป็นไปได้"
เกิดขึ้นและดับไป
ไม่มีสิ่งใดบนโลกใบนี้คงอยู่ตลอดไป โรคระบาดนี้ก็เช่นกัน มันเพียงผ่านมา
ให้เราจำเป็นบทเรียน หากแต่เราไม่เรียนรู้บทเรียนนี้ ประวัติศาสตร์ก็คงจะ
ต้องซ้ำรอยอีกอย่างแน่นอน นั้นจะบ่งบอกว่าเราไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากโรคระบาดที่ธรรมชาติมอบให้ครั้งนี้
โควิดเป็นปัญหาที่ทุกคนให้ความสำคัญมากตอนนี้ แต่ยังมีอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ และเป็นต้นตอของปัญหาทุกอย่าง ปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ผู้คนยังให้ความสนใจไม่มากเท่าที่ควร นั้นคือ ปัญหาระหว่าง มนุษย์ กับ ธรรมชาติ หรือ "ปัญหาภาวะโลกร้อน" ที่เรายังคงต้องเร่งแก้ไขกันต่อไป
ข้อคิดจากคนเข้าป่า : มันยากเหลือเกินที่จะให้ธรรมชาติปรับตัวเข้าหาเรา
แต่มันง่ายเพียงนิดเดียวที่เราจะปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ
เรียบเรียงโดย : เรื่องเล่าคนเข้าป่า
ปล. ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบทวิเคราะห์ที่เกิดจากความคิดส่วนตัวของผม จากการอ่าน ติดตาม และสรุปเป็นเรื่องราวออกมา อาจมีตกหล่นในเนื้อหาด้านวิชาการที่ถูกต้อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ ผิดพลาดประการใด
ไม่ถูกใจใครก็อภัยมา ณ ทีนี้
หากชอบอย่าลืมกดไลค์ กดติดตาม และคอมเม้นให้กำลังใจกันได้นะครับ
เพราะความคิดเห็นของทุกคนมีค่าสำหรับผม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา