22 มี.ค. 2020 เวลา 14:23 • บันเทิง
𝗿𝗲𝘃𝗶𝗲𝘄 𝗯𝘆 𝗰𝗮𝗸𝗲. 𝗘𝗣.𝟯𝟮
released date: 20 Mar 2020
𝗔𝗳𝘁𝗲𝗿 𝗛𝗼𝘂𝗿𝘀 (album) - 𝗧𝗵𝗲 𝗪𝗲𝗲𝗸𝗻𝗱
The Weeknd ปล่อยอัลบัมใหม่ในรอบ 4 ปี กับอัลบัมที่มีชื่อว่า ‘After Hours’ สำหรับผลงานชิ้นล่าสุดของเอเบลที่ปล่อยมาให้ฟังก็คือ EP ชุด ‘My Dear Melancholy, ‘ ซึ่งเราชอบมากกกกกก มีความย้อนกลับไปสมัยเดบิ้วแรกๆ เป็น R&B ดิบๆ ที่ยิ่งฟังยิ่งได้อารมณ์ มาดูกันว่าอัลบัมนี้จะยังคงคอนเส็ปเดิมต่อมั้ย หรือว่าจะมีความป็อปมากขึ้น หรือว่าจะเปิดแนวเพลงใหม่ให้ได้ฟังกัน ไปฟังกันเลย
ป.ล. ในความคิดเรา เราว่าเอเบลเป็นนักร้องที่มีความสามารถมากๆ คนนึงเลยนะ ทั้งเนื้อเพลง ทั้งการร้อง และ lifestyle คือมีความ unique มากๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงได้รับฉายาว่าเป็น Michael Jackson แห่งยุค 2010’s ด้วยความที่หลังๆ เอเบลทำเพลงแนวป็อปมากขึ้น ตั้งแต่ Can’t Feel My Face จนกระทั่ง Starboy ที่เกือบจะเป็นป็อปซะส่วนใหญ่ ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพลงป็อปเป็นตัวชูโรงที่ทำให้เอเบลดัง (Can’t Feel My Face ที่เป็นป็อปเพลงเเรกของเจ้าตัวก็คือเพลงเเรกของเขาที่สามารถขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Hot 100) ได้ แต่สำหรับเราเราว่าเพลงแนว R&B ของเอเบลเนี่ยมันดีมากๆ เเละเหมาะกับเจ้าตัวที่สุดแล้วนะ แบบไม่มีใครเลียนแบบได้จริงๆ อ่ะ อยากให้ลองฟังเอเบลในมาด R&B ดิบๆ บ้าง เช่น Belong To The World, Pretty, Wicked Games, Often ที่อยู่ในอัลบัมแรกๆ รับรองฟังแล้วจะติดใจ!!
อันนี้เป็นว่ดีโอที่เราถ่ายตอนที่เอเบลมาเปิดคอนเสิร์ตที่ไทย ฝากร้านหน่อยจ้า 555 ⇩
เพลงแรก ‘Alone Again’ เพลงแรกเปิดมาก็คืออลังการมากๆ มีหลายฟีลมากๆ ในเพลงเดียว ช่วงครึ่งแรกให้อารมณ์หม่นๆ แบบ raw feeling แต่พอครึ่งหลังคือดนตรีมาเต็มมาก ชอบครึ่งหลังมากๆ อยากให้มีแนวนี้เยอะๆ ในอัลบัม (อีกอย่างที่ชมคือ transition ระหว่างสองพาร์ทของเพลง ทำได้เนียนมากๆ ฟังไม่มีสะดุด)
เพลงที่ 2 ‘Too Late’ เพลงนี้ชอบบีทท่อนฮุค แต่ไม่ชอบเสียงร้อง มันดูไม่ค่อยได้อารมณ์ร่วมเท่าไหร่ (แต่ดนตรีคือดีจริง ฟังแล้วเหมือนอยู่คนเดียวโลกใบนี้ เหงาๆ) ท้ายเพลงแอบน่าเบื่อเพราะด้วยความที่เสียงร้องไม่ค่อยน่าจดจำ เลยแอบรู้สึกว่าเมื่อไหร่จะจบ
เพลงที่ 3 ‘Hardest To Love’ เพลงนี้มีความ pop ผสม R&B ซึ่งเสียงร้องโอเคนะ แต่ไม่ชอบบีทเลยอ่ะ มันดูทำให้เพลงที่ดูจะดีกลายเป็นเพลงแมส (เหมือนจะมีลูกเล่นนะ แต่กลายเป็นดูแมสไปหน่อย)
เพลงที่ 4 ‘Scared To Live’ promotional single ของอัลบัม ก่อนอื่นต้องชม transition จากเพลงก่อนต่อเพลงนี้ ทำดีมากกกกกก และเพลงนี้เสียงร้องคือโดดเด่นมาก ท่อนฮุคฟินสุด ดนตรีอาจจะไม่ได้ดีขนาดนั้นแต่ก็ช่วยเสริมเสียงร้องให้เด่นจนเพลงออกมาดีได้อยู่
เพลงที่ 5 ‘Snowchild’ เพลงนี้เป็น R&B ช้าๆ ฟังแล้วก็ลอยๆ เสียงร้องไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่แต่มีการใส่ลูกเล่นในการร้องเข้าไปเยอะมาก ส่วนดนตรีท่อนฮุคคือยืนหนึ่งมากๆ เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ดนตรีช่วยเอาไว้ได้ ทำให้เพลงดูมีอะไร
เพลงที่ 6 ‘Escape From LA’ เพลงที่ยาวมากๆๆๆๆๆ มาถึงจุดนี้เราว่าอัลบัมนี้มีความเหมือนอัลบัมแรกๆ อยู่นะ มีความ R&B เป็นหลักและแต่ละเพลงก็คือเนื้อหา personal อยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ฟังอย่างเราๆ อินได้ เป็นแนวเพลงของ The Weeknd ที่เราชอบสุด ส่วนเพลงนี้ก็ฟังเพลินๆ ไม่ค่อยเด่นไรมาก แต่ฟังแล้ว flow ดีมาก เหมือนไหลไปกับเพลงเลย ส่วนท้ายเพลงแอบมี transition นิดหน่อยซึ่งทำได้ดีตามเคย และ outro เพลงนี้ทำดีมาก!
เพลงที่ 7 ‘Heartless’ ซิงเกิลแรกของอัลบัม ซึ่งหลังจากเราฟังเพลงนี้ครั้งเเรกเราผิดหวังมากกกกกกก มันธรรมดามากเลยอ่ะ บีทคือ generic มาก แบบหาฟังได้ง่ายๆ และการร้องก็คือ typical The Weeknd เลย ไม่ได้มีความพิเศษใดๆ ตอนเเรกแอบปลงว่าอัลบัมนี้คงไม่ใช่แนว แต่สรุปคือมีเเค่เพลงนี้เพลงเดียวตั้งเเต่ฟังมาที่ไม่ใช่แนว 😂 /โล่งอก
เพลงที่ 8 ‘Faith’ ชอบเพลงนี้ ฟังเพลินๆ เสียงร้องกับดนตรีเข้ากันได้ดี ช่วงท้ายเพลงมีเปลี่ยนมูทเป็นทำนองและเสียงร้องเนิบๆ ตัดอารมณ์ได้ดีอยู่ ชมการทำ outro ของเพลงในอัลบัมนี้เลย ทำดีมากๆ กราบ
เพลงที่ 9 ‘Blinding Lights’ ซิงเกิลที่สองของอัลบัม เพลงนี้ต่างจาก Heartless ที่เป็นซิงเกิลแรก เพราะเพลงนั้นเป็น R&B จ๋ามากๆ ส่วนเพลงนี้ก็คือ pop ล้วนไปเลย เพลงนี้ให้ฟีลคล้ายๆ Can’t Feel My Face ผสม False Alarm มีความเนื้อเพลงหวานๆ แต่บีทแอบชาเล้นจ์อยู่ ตอนเราฟังเพลงนี้ครั้งแรกคือเฉยๆ มาก (ด้วยความที่ไม่ค่อยชอบเอเบลร้องป็อปอยู่แล้วเป็นทุนเดิม) แต่พอฟังเรื่อยๆ แล้วดนตรีเริ่มติดหู และเพลงนี้ก็กำลังดังมากๆ ด้วย อาจจะเป็นว่าที่เพลงอันดับ 1 ของเอเบลเพลงต่อไป
เพลงที่ 10 ‘In Your Eyes’ เพลงนี้ยังคงความป็อปต่อจากเพลงที่แล้ว แต่เราชอบสไตล์การร้องของเพลงนี้มากกว่านะ มันมีความสมูทกว่า ฟังฟินๆ กว่า แต่ถ้ามองรวมๆ ในส่วนของเสียงร้องผสมดนตรีเเล้ว เพลงนี้อาจจะเด่นไม่เท่าเพลงที่แล้ว
ป.ล. เพลงนี้เพิ่งประกาศว่าจะเป็นซิงเกิลต่อไปของอัลบัม -0- รอดู MV เลย
เพลงที่ 11 ‘Save Your Tears’ ยังคงป็อปอยู่ ไม่ค่อยหวือหวา เน้นฟีลหวานๆ มากกว่า เป็นมุมของ The Weeknd ที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก โดยรวมเพลงนี้ฟังเพลินๆ ไม่มีไรโดดเด่น
เพลงที่ 12 ‘Repeat After Me’ interlude เดียวของอัลบัม ที่ความยาวเทียบเท่าเพลงทั่วไปเลย 😂 เป็นเพลงเอาไว้เบรคอารมณ์ของอัลบัม ซึ่งก็ทำได้ดี ชอบบีทเพลงนี้ อยากให้ลดเสียงร้องและเน้นบีทมากกว่านี้ เพราะถ้าจะร้องเยอะขนาดนี้ก็ไม่ค่อยเหมือน interlude เท่าไหร่นะ 55555
เพลงที่ 13 ‘After Hours’ ซิงเกิลที่สามของอัลบัม เพลงยาว 6 นาทีจุกๆ เพลงนี้เป็น R&B ที่เอเบลเค้นอารมณ์ออกมาสุดๆ มีความ nostalgia สูงมาก และในเนื้อเพลงคือให้หลายอารมณ์ไปอีก ชอบดนตรีท่อนเบรคเสียงร้อง ส่วนที่เหลือเฉยๆ (แต่ถ้าใครฟังแล้วอินน่าจะชอบมาก)
เพลงสุดท้าย ‘Until I Bleed Out’ เหมือนเป็น outro ยาวๆ ที่ไว้ sum up ทุกอย่างในอัลบัม เป็นเพลงปิดอับบัมที่ดีมากกกกก เพราะมันคือฟีลลิ่งของอัลบัมนี้เลยอ่ะ จบบริบูรณ์มากๆ
สรุปแล้ว อัลบัมนี้ให้อะไรหลายๆ อย่างมาก เริ่มจากเนื้อเพลงที่ครึ่งต่อครึ่งเป็นเเนวเศร้า ซึ่งเห็นได้น้อยมากจากเอเบล ดังนั้นอัลบัมนี้ทำให้เราได้เห็นเอเบลในด้านใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกครั้งที่เราเห็นเขาในทีวีเขาจะเป็นตัวตนนึง แต่ลึกๆ แล้วเขายังมีอะไรอีกหลายๆ อย่างที่น่าค้นหา ต่อมาที่จะชมเลยคือด้านดนตรี ที่เด่นมากกกกกกกในอัลบัมนี้ ทุกเพลงมีดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์และโปรดักชั่นดีมาก (ยกเว้น Heartless ที่ไม่เข้าพวกมาก แถมตัดเป็น lead single อีก งงมาก) เป็นดนตรี R&B ทีทันสมัยมาก ฟังแล้วอินสุดๆ และอีกอย่างที่ดีงามมากๆ คือ outro และ transition ของแต่ละเพลงที่ทำได้ปริ่มมาก ไม่ว่าจะเป็นเพลงต่อเพลง หรือต่อพาร์ทในเพลงเดียวกันก็ล้วนทำออกมาได้ดีมาก เป็นเอกลักษณ์ชูโรงของอัลบัมนี้เลย หลายๆ เพลงที่ยาวมากๆ แต่เพราะทำ transition ได้ดีมากเลยทำให้ไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อเลย อันนี้ปรบมือให้รัวๆ 👏🏼👏🏼👏🏼 ชอบอัลบัมนี้มากกว่า Starboy เยอะอยู่ แต่ยังไง Beauty Behind Madness ก็ยังยืนหนึ่งในใจเรา 😂 แต่ไม่แน่เพราะอัลบัมนี้มีเพลงดีๆ เยอะอยู่ ฟังไปนานๆ อาจจะเป็นที่หนึ่งในใจ
ป.ล. จะสังเกตว่า อัลบัมนี้เป็นอัลบัมแรกของ The Weeknd ที่ไม่มีนักร้องอื่นมาร่วมร้องด้วยเลย ยิ่งตอกย้ำว่าอัลบัมนี้มีความ personal มากๆ
After Hours (album): 9/10
exceptional.
top tracks: alone again, scared to live, faith, in your eyes, until i bleed

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา