Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนในความรู้
•
ติดตาม
18 มี.ค. 2020 เวลา 23:30 • ธุรกิจ
คุณเคยสงสัยไหมว่า อาหารในอนาคตจะเป็นอย่างไร
คิดเล่นๆนะครับเมื่อ100ปีก่อนอาหารของมนุษย์ต่างกับยุคปัจจุบันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
1
วันนี้จะพาไปชม7 อาหารในโลกอนาคต ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร น่ารับประทานหรือไหม
บนโลกที่ไม่เคยหยุดหมุนและเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงใบนี้ มนุษย์เรามีหน้าที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ ไม่เชื่อก็ลองมองย้อนกลับไปในอดีต เพียงแค่ไม่กี่สิบปีที่แล้วว่าคนเรามีวิธีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน อะไรบางอย่างที่ไม่เคยมีก็ได้เกิดได้มีขึ้นมาบนโลกในแบบที่ไม่น่าเชื่อตั้งหลายต่อหลายอย่างแล้ว
จะว่าไปแล้วมนุษย์เรานี่ก็ถือเป็นสัตว์สังคมที่ค่อนข้างจะปรับตัวเก่ง ไม่ว่าจะพบเจอกับสถานการณ์แบบไหน เราก็มักจะเอาตัวรอดและสามารถผ่านพ้นมันมาได้อย่างสวยงามเสมอ พูดถึงเรื่องอาหารการกิน ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตของมนุษย์ที่มีความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามกระแสโลก คุณรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่คุณกินกันเป็นปกติในปัจจุบัน อาจเป็นของแปลกสำหรับคนที่เกิดในเมื่อหลายสิบปีก่อน
แล้วแบบนี้อนาคตล่ะจะเป็นยังไง คุณเริ่มจะอยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าในอนาคตอันใกล้ซักประมาณอีก 30 ปีข้างหน้าอาหารหลักของมนุษย์เราจะมีหน้าตาเป็นแบบไหน ถ้าอยากจะรู้แล้วเราไปดู 7 อาหารแห่งโลกอนาคตที่คุณจะต้องกินในอีก 30 ปีข้างหน้ากันเถอะ
1 แมลง
อาหารแห่งโลกอนาคตอย่างแรกที่คุณจะต้องได้กินมันอย่างแน่นอนต้องเป็นนี่เลย แมลงที่คนบ้างเราชอบเอามาทอดกินกันอย่างเอร็ดอร่อยนั่นเอง แล้วสาเหตุที่ต้องกินแมลงคืออะไรรู้ไหม ก็แมลงตัวจิ๋วไม่ว่าเป็นพวก จิ้งหรีด ตั๊กแตน หรือตัวหนอนล้วนแล้วแต่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารจำพวกโปรตีน และไขมัน ซึ่งเป็นที่ต้องการสำหรับร่างกายของเรายังไงล่ะ ในปัจจุบันเราอาจหาสารอาหารเหล่านี้ได้ในเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการปศุสัตว์นั้นได้สร้างมลภาวะให้กับโลกเรานี้อย่างไรบ้าง การปศุสัตว์นอกจากจะใช้ต้นทุนสูงแล้วยังก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกเป็นจำนวนมากขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ในอนาคตการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจเพื่อนำมาขายต่อผู้บริโภคเนื้ออาจจะลดลง คนจะหันไปบริโภคโปรตีนและไขมันจากแมลงแทนเพราะนอกเหนือจากจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมือนหรือใกล้เคียงกันอีกด้วย
2 เนื้อจากห้องแลป
นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเลยก็ว่าได้ ที่มนุษย์พยายามพัฒนาขึ้นเพื่อที่จะเอาชนะปัญหาการขาดแคลนเนื้อสัตว์สำหรับนำมาทำเป็นอาหารในอนาคต แนวคิดเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของสัตว์ในห้องแลปจากเซลล์ต้นกำเนิดถือเป็นแนวคิดที่พัฒนาการขึ้นมาเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และลดการฆ่าสัตว์เพื่อนำมาทำเป็นอาหาร โดยลักษณะของเนื้อที่ได้จากห้องแลปหรือห้องทดลองนั้นก็ไม่ต้องจินตนาการไปให้ยากเลย มันคือเนื้อที่อยู่ในแฮมเบอร์เกอร์ที่เราซื้อกินกันในปัจจุบันนั่นเอง โดยนอกเหนือจากนี้เรายังมีข้อมูลที่น่าทึ่งเกี่ยวกับมันก็คือวัวหนึ่งตัวสามารถผลิตเนื้อในห้องแลปได้มากถึง 10 ตัน เห็นรึยังล่ะว่าถ้าเราหันมากินเนื้อจากห้องแลปกันในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆ ล่ะก็ เราจะสามารถลดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้มากขนาดไหน ทีนี้ใครก็ตามที่เป็นคนใจบุญสุนทานก็คงจะรีบลุกขึ้นมาสนับสนุน แต่สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ รอดูต่อไปเถอะ อีกหน่อยคงจะได้เปลี่ยนมาเป็นกินเนื้อจากแลปกันเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น
2
3 ปลาที่ถูกเลี้ยงในฟาร์ม
เหมือนที่ได้พูดถึงไปในข้อที่หนึ่งและสองแล้วว่าการปศุสัตว์ หมายถึงการเลี้ยงสัตว์จำพวกหมู และวัวเพื่อเป็นอาหารนั้นได้ก่อให้เกิดมลภาวะเป็นอย่างมากโดยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศทำให้เกิดภาวะโลกร้อนขึ้นทั่วโลก คนเราจึงต้องลดการบริโภคเนื้อหมูและวัวลงโดยหันมาให้ความสนใจกับการกินเนื้อสัตว์เล็กๆ อย่างพวกปลาหรือสัตว์น้ำอื่นๆ แทน ในการเลี้ยงปลาเพื่อเป็นอาหารนั้นนอกจากจะเป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซดังกล่าวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศแล้วยังประหยัดเนื้อที่อีกด้วย เพราะในการทำประมงนั้นใช้พื้นที่น้อยกว่าการเลี้ยงหมู และวัวเป็นอย่างมาก และเช่นเดียวกับแมลง เนื้อปลามีคุณค่าทางอาหารจำพวกโปรตีนค่อนข้างสูง ดังนั้นหากในโลกอนาคตการกินอาหารจากเนื้อสัตว์ประเภทหมูหรือวัวจะเป็นเรื่องยาก คุณก็คงจะได้บริโภคปลา และอาหารที่ปรุงขึ้นจากสัตว์น้ำเป็นหลักมากขึ้น
4 ปลาปลอม
เรียกได้ว่าล้ำไปอีกในเมื่อเรามีเนื้อปลอมที่ถูกเพาะเลี้ยงขึ้นในห้องทดลองแล้วเราก็ควรจะมีการเพาะเลี้ยงปลาปลอมขึ้นมาด้วย ก็แหงล่ะ... นักวิทยาศาสตร์สมัยนี้ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง เมื่อนักวิจัยจากนาซ่าได้ทำการศึกษาค้นคว้าและสร้างเนื้อปลาขึ้นมาจากกล้ามเนื้อของปลาทอง นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตกุ้งสังเคราะห์ขึ้นมาจากสาหร่ายสีแดงอีกด้วย เอากับเขาสิ ฟังดูน่าตื่นตาตื่นใจใช่ไหม เอาล่ะทีนี้นั่งนับวันเดือนปีรอได้เลย นับวันอาหารที่เป็นอาหารจริงๆ ก็ดูจะหายากยิ่งในโลกอนาคต เอาเป็นว่าคุณได้เตรียมตัวและเตรียมใจให้พร้อมหรือยังล่ะที่จะกินแต่อาหารสังเคราะห์แบบนี้ แต่ก็นั่นล่ะนะ มนุษย์เราเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่งอยู่แล้ว... พูดถึงกันตอนนี้อาจจะฟังดูแปลกๆ ใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ เราอาจกินมันได้น่าตาเฉยและเห็นเป็นเรื่องปกติก็ได้นะ
5 ตะไคร่น้ำ
ใช่แล้วล่ะ คุณอ่านไม่ผิดหรอก เพราะในอีก 30 ปีข้างหน้า เจ้าตะไคร่น้ำนี่แหละจะกลายมาเป็นอาหารอันโอชะสำหรับมนุษย์อย่างเรา จะว่าไปตะไคร่น้ำนี่ก็คือสาหร่ายชนิดหนึ่งนั่นแหละ คุณรู้หรือไม่ว่าตะไคร่น้ำหรือสาหร่ายเนี่ย ก็เป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งที่อุดมได้วยคุณค่าทางโภชนาที่สูงเหมือนกันนะ ในตะไคร่น้ำหรือสาหร่ายเนี่ยมีทั้งโปรตีน และไขมันที่ร่างกายของคนเราต้องการ นอกเหนือจากนี้แล้วสาหร่ายบางชนิดยังมีโอเมก้า 3 ที่ช่วยเรื่องของระบบไหลเวียนโลหิต ระบบประสาท ความจำ และ ช่วยในการมองเห็นอีกด้วย เห็นไหมล่ะไอ้เจ้าตะไคร่น้ำเล็กๆ เนี่ยมีประโยชน์มากมายขนาดไหน ทีนี้ก็อย่ามองข้ามมันไปเป็นอันขาด ตอนนั้นเราอาจจะไม่ง้อ แต่อีกหน่อยล่ะก็ไม่แน่ ในอีก 30 ปีข้างหน้า ตะไคร่น้ำจะกลายมาเป็นอาหารหลักที่เราต้องกินหรือไม่ รอดูกันไปยาวๆ
1
6ทุกอย่างที่เป็นGMO
1
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยได้ยินกับมาบ้างแล้วสำหรับพืช และสัตว์ GMO บางคนก็รู้จักความหมายของมันดี แต่บางคนก็ยังคงสงสัยว่าไอ้ GMO ตัวนี้นี่มันคืออะไรกันแน่ ก่อนอื่นขออธิบายง่ายๆ ก่อนก็แล้วกันว่า GOM ในที่นี้ย่อมาจาก Genetically Modified Organisms หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมนั่นเอง และพืช GMO ที่พบเห็นกันได้อยู่บ่อยๆ ก็จะมีพวกข้าวโพด ถั่วเหลือ น้ำตาล มันฝรั่ง เป็นต้น ซึ่งการตัดต่อพันธุกรรมพืชถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพอย่างหนึ่งที่น่าจับตามอง แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังคงมีกระแสต่อต้านปรากฏขึ้นมาควบคู่กันไปด้วยจากกลุ่มคนที่มองว่าการบริโภคพืช GMO นั้นอาจมีผลกระทบบางอย่างต่อร่างกาย บางคนถึงกับคิดว่าการบริโภคพวกพืช GMO เข้าไปอาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในร่างกายซึ่งได้รับการยืนยันออกมาแล้วว่าเป็นเรื่องที่ไม่จริง ดังนั้นอนาคตหากมีหารเผยแพร่องค์ความรู้ในด้านนี้ให้กว้างขวางออกไปมากขึ้น ไม่แน่ว่าในอีก 30 ปีข้างหน้าเราอาจจะกินทุกอย่างที่เป็น GMO กันได้อย่างปกติ ไม่มีใครมาตั้งคำถามอีกแล้วก็ได้ว่าปลอดภัยจริงหรือไม่ปลอดภัย
7 3D printed food
คุณคงจะกำลังงงล่ะสิว่าไอ้ 3D Printed Food นี่มันคืออะไรกันแน่... เฉลยก็คือมันเป็นนวัตกรรมการผลิตอาหารแบบใหม่ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นเพื่อประหยัดเวลาในการปรุงอาหาร 3D Printed Food ได้รับความสนใจในการศึกษาค้นคว้าจากนาซ่าเพื่อพัฒนาให้เป็นอุปกรณ์ในการผลิตอาหารแก่นักบินอวกาศ การทำงานของมันก็จะเหมือนของเครื่อง Printer ทั่วๆ ไป แตกต่างตรงที่ว่ามันจะไม่พิมพ์หมึกลงบนแผ่นกระดาษ แต่มันจะพิมพ์อาหารออกมาให้กับคุณแทน เป็นยังไงกันบ้างล่ะคราวนี้ ไฮเทคเป็นบ้าเลยใช่ไหมล่ะ ลองนึกภาพอาหารที่ถูกทำออกมาจากเครื่อง Printer แห่งโลกอนาคตดูสิว่าจะน่าลิ้มลองขนาดนี้ แบบนี้คงจะต้องตั้งตารอดูว่าในอีก 30 ปีข้างหน้า นวัตกรรมอาหารแบบ 3D Printed Food จะมีความแพร่หลายมากขึ้นไหม แล้วพวกเราจะมีโอกาสได้ใช้มันในชีวิตประจำวันจริงๆ รึเปล่า ก็คงจะต้องมาคอยลุ้นกันอีกที
เป็นยังไงกันบ้างกับ 7 อาหารล้ำๆ แห่งโลกอนาคตที่อาจจะฟังดูแปลกๆ ในตอนนี้แต่จะต้องมาแน่ๆ ในอีก 30 ปีข้างหน้า แค่ได้ยินชื่อก็ตื่นเต้นกันน่าดูแล้วใช่ไหมล่ะ เป็นธรรมดาที่โลกของเราจะหมุนไปข้างหน้าเรื่อยๆ และมนุษย์ก็จะต้องพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ ของตัวเองให้มากขึ้นรวมถึงต้องมีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในโลกที่ไม่เคยหยุดหมุนนี้ คุณก็อย่าลืมที่จะก้าวตามมันให้ทันล่ะ เพราะไม่อย่างนั้น คุณอาจจะกลายเป็นคนหลงยุคได้ในอนาคต...
8 บันทึก
52
27
7
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สิ่งที่จะเปลี่ยนไปในอนาคต
8
52
27
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย