30 มี.ค. 2020 เวลา 12:03 • ความคิดเห็น
"สุขกับทุกข์" มิใช่ผลของกรรมเก่า
หลายท่านอาจจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า
“ให้รีบทำบุญทำทานสะสมไว้เยอะๆ ชาติหน้าจะได้สบาย”
หรือ
“ที่เรามีอยู่มีกินอย่างไม่ลำบากได้เป็นเพราะบุญเก่าที่เคยทำไว้”
ถือเป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมานาน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดหากว่าจะเชื่อแบบนั้น
แต่หากพิจารณาคำพูดเหล่านี้ดูดีๆ จะพบว่ามันค่อนข้างขัดกับหลักคำสอนของพุทธศาสนาอย่างมาก เพราะแก่นแท้ของหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสสอนไว้ก็คือ
“จงมีสติอยู่กับปัจจุบัน”
“สุขกับทุกข์ มิใช่ผลของกรรมเก่า”
อยากให้เข้าใจไว้ว่าสุขกับทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเรา เป็นผลมาจากกกรรมปัจจุบัน(การกระทำ) ไม่ได้มาจากกรรมเก่า เช่น
การทำบุญด้วยการให้ที่เปี่ยมไปด้วยจิตใจที่เมตตาจริงๆ ความสุขก็เกิดขึ้นขณะที่เราได้ให้นั้นเลย ทั้งความสุขที่เกิดขึ้นจากการได้เป็นผู้ให้และความสุขส่งผ่านสายตาออกมาจากผู้รับ ความสุขนี้เกิดขึ้นทันทีโดยไม่ต้องรอรับผลบุญชาติหน้า
หรือ
ในทางตรงกันข้าม หากเราเป็นผู้ที่กระทำความผิดมา ความทุกข์ก็จะเกิดขึ้นขณะนั้นจากการระแวง วิตกกังวล และกระวนกระวายกลัวโดนจับได้ จะเกิดความวิตกจริตขึ้น นั่นเป็นผลกรรมที่เกิดขึ้นทันตาเห็น ไม่ต้องรอชดใช้กรรมชาติหน้า
การที่เราจะทำสิ่งดีๆ นั้นควรทำด้วยจิตใจที่เมตตาจริงๆ อย่าหวังผลตอบแทน หรืออย่าคาดหวังถึงผลบุญที่จะได้ในอนาคต
เพราะนั่นเป็นการทำดีที่มีความโลภปนอยู่ ไม่ใช่การทำด้วยใจจริงๆ ความสุขจะไม่บังเกิด
"การมีสติอยู่กับปัจจุบันจะเป็นกุญแจสู่ความสุขในการทำดี" นึกถึงสิ่งดีๆ ที่กำลังจะทำให้ผู้อื่น
เมื่อผู้ที่ได้รับรู้สึกได้ถึงการให้อย่างจริงใจ สิ่งที่ได้ตอบแทนมาคือความปิติยินดี
นั่นแหละคือ"ผลบุญที่แท้จริง"
ฉะนั้นพึงระลึกอยู่เสมอว่า “สุขกับทุกข์ มิใช่ผลของกรรมเก่า”
ควรมีสติอยู่กับปัจจุบันและควรพิจารณาถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่เสมอ มันจะทำให้เราสามารถรับรู้ได้ถึงผลที่มันจะตามมาได้
และเมื่อรับรู้ได้ถึงผลที่จะตามมา มันจะทำให้เราระมัดระวังการกระทำที่อาจนำทุกข์มาสู่เราได้ในที่สุด
#บทความเพื่อชีวิต

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา