7 เม.ย. 2020 เวลา 12:52 • บันเทิง
MovieTalk ภูมิใจเสนอ นิยายกำลังภายในเรื่องแรกของเพจ
“เงาวายุ” บทที่ 17(ตอนอวสาน)
ความเดิม
อี่ทงฮวงกับไช้ตื้อเซ้งได้ปะทะฝีมือกัน ต่างฝายต่างเท่าทันกัน แต่ในที่สุดอี่ทงฮวงก็พบว่า ไม่ว่าจะใช้ท่าไม้ตาย เข็มบินผกผัน หรือฝ่ามือประทับรอยก็ไม่สามารถทำอะไรไช้ตื้อเซ้งได้ มิหนำซ้ำทุกท่าไม้ตายที่ไช้ตื้อเซ้งพบเห็นแล้ว จะไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกเพราะไช้ตื้อเซ้งจะค้นพบวิธีทำลายท่าไม้ตายนั้นได้ในชั่วพริบตา
อี่ทงฮวงยิ่งเข้าตาจนเมื่อตนเองพลาดท่าถูกสกัดจุดเจ็ดก้าวดับสูญ และตอนนี้อี่ทงฮวงตระเตรียมสละชีวิตเพื่อเอาชนะไช้ตื้อเซ้งแล้ว
“เงาวายุ” บทที่ 17 พันธมิตร ไม่ได้ให้เสียงภาษาไทย
ไช้ตื้อเซ้งโคจรลมปราณรวบรวมไว้ที่ฝ่ามือ แต่มิได้ใช้พลังทั้งหมดด้วยเกรงจะสร้างความเสียหายให้แก่คลังมังกรและผลึกตะวันที่ซุกซ่อนอยู่ภายในนี้ อีกทั้งหัตถ์ดูดชีพโดยปกติเมื่อใช้ออกคือการดูดเข้ามา แต่ครั้งนี้เป็นการผลักออกไป พลังทำลายย่อมรุนแรงกว่า
นัยกลับ อี่ทงฮวงคิดแลกชีวิตกับไช้ตื้อเซ้ง ดังนั้นรวบรวมลมปราณถึงสิบส่วนหลอมรวมไว้ที่ฝ่ามือทั้งสอง ตระเตรียมใช้ฝ่ามือประสานร้อยวายุในครั้งเดียว
บรรยากาศรอบข้างตกอยู่ในความตึงเครียด กระแสพลังกดดันคุกคามจนงั่งเจงจ้องถอยหลัง คืบคลานออกมาชมดูด้านข้างประตูแล้ว
เสียงตวาดดังขึ้น พร้อมกับฝ่ามือทั้งสี่ถูกสะบัดออกไปเบื้องหน้า
กระแสพลังอันหนักหน่วงรุนแรงทะลักทะลายออกจากฝ่ามือทั้งสองของไช้ตื้อเซ้ง
ลมปราณอันกร้าวแกร่งกระจายออกจากปลายนิ้วทั้งสิบของอี่ทงฮวง เป็นสิบสายแผ่วพริ้วแผ่ออกก่อนจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว สาดพุ่งเข้าใส่ไช้ตื้อเซ้ง
เสียงกึกก้องกัมปนาทดังสนั่นทั่วคลังมังกร ดีว่าคลังมังกรสร้างขึ้นอย่างมั่นคงถาวร ดังนั้นผนังทุกด้าน เพดาน และพื้นล้วนเกิดเป็นรอยร้าวเท่านั้น
อี่ทงฮวงเซถอยหลังไปอีกสี่ก้าว กระอักโลหิตคำโต ยามนี้ร่างทรุดล้มลง
ไช้ตื้อเซ้ง
ไช้ตื้อเซ้งก็ถูกกระแทกจนถอยหลังไปแปดก้าว ปากกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่เช่นกัน นี่กลับเป็นที่เกินคาดหมายจริง ๆ
หนึ่งนั้นคือ อี่ทงฮวงไม่ตายในทันที แม้ว่าจะดูมีอาการบอบช้ำภายใน อาจเพราะไช้ตื้อเซ้งไม่ได้ใช้พลังเต็มสิบส่วน มิเช่นนั้นอี่ทงฮวงคงจบชีวิตไปแล้ว
สองคือ ไช้ตื้อเซ้งไม่คาดคิดว่าฝ่ามือของอี่ทงฮวงจะรุนแรงร้ายกาจจนทำร้ายตนเองได้เช่นกัน คาดไม่ถึงว่าอี่ทงฮวงจะยังมีวิชาลับอื่นอยู่อีก
ไช้ตื้อเซ้งกัดฟันกล่าวว่า
“คาดไม่ถึงจริง ๆ อี่เฮียยังมีลูกเล่นอื่นอีก”
อี่ทงฮวงรู้สึกสิ้นหวังแล้วจริง ๆ ฝ่ามือประสานร้อยวายุที่ตนเองหมายแลกด้วยชีวิต เพียงทำให้ไช้ตื้อเซ้งบาดเจ็บเท่านั้น ไม่สามารถโค่นล้มบุรุษไร้พ่ายคนนี้ได้เลย ยามนี้อี่ทงฮวงที่ไม่เคยหมดสิ้นความหวังได้แต่ถอนหายใจ
“ข้าพเจ้าก็ไม่คาดคิดเช่นกัน ไช้เฮียร้ายกาจปานนี้ ฝ่ามือประสานร้อยวายุยังไม่อาจทำให้ท่านปราชัยได้ นับว่าข้าพเจ้าสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงอย่างสูญเปล่าแล้ว”
“เช่นนั้นท่านตระเตรียมไปปรภพแล้ว?” ไช้ตื้อเซ้งยิ้มที่มุมปากก่อนย้อนถาม
อี่ทงฮวงไม่ตอบ เพราะยามนี้ตนเองแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้จะตอบคำ และต่อให้มีแรงพอก็ไม่สมควรตอบ
ไช้ตื้อเซ้งเกร็งลมปราณ ตระเตรียมใช้หัตถ์ดูดชีพอีกครั้ง คราวนี้เพิ่มพลังเป็นเก้าส่วน
“อี่เฮีย ท่านตายตาหลับเถอะ”
อี่ทงฮวงพริ้มตาลง ยามนี้ตระเตรียมตายแล้วจริง ๆ
เสียงกึกก้องกัมปนาทดังสะท้านขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
อี่ทงฮวงลืมตาขึ้น พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ เมื่อมองดูไช้ตื้อเซ้งกลับพบว่าตลอดทั่วทั้งร่างลุกเป็นไฟ
เงาคนผู้หนึ่งเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้าอี่ทงฮวง เมื่อเงยหน้ามอง อี่ทงฮวงถึงกับอุทานขึ้น
“ท่านอ๋อง...”
อ๋องเอี๊ย
เป็นอ๋องเอี๊ยนั่นเอง
อี่ทงฮวงกวาดสายตาดูพบเห็นที่ท่อนแขนข้างขวาของอ๋องเอี๊ยมีเกราะสวมอยู่ ลักษณะเกราะตรงปลายฝ่ามือเป็นหัวมังกร
เป็นมังกรที่ดวงตาเป็นผลึกสีเขียว
เป็นมังกรที่อยู่บนประตูคลังนั่นเอง
“พระองค์รู้สึกตัวแล้ว?” อี่ทงฮวงเอ่ยถามด้วยความดีใจ
“มิผิด หลังจากเรารู้สึกตัวก็พบเห็นพวกเจ้าทั้งสองคนประลองยุทธกัน แรงกดดันของพวกเจ้าทำให้สติเรากลับมา และคลายจุดที่ถูกสกัดไว้ได้ด้วยตนเอง เราเห็นเจ้ากำลังจะพลาดท่าเสียที จึงรีบใช้ผลึกตะวันช่วยเหลือเจ้าทันท่วงที”
เสียงร้องดังขึ้น ทำให้อ๋องเอี๊ยและอี่ทงฮวงต้องรีบกวาดตาไปยังต้นทางเสียง
ทั้งสองรู้สึกเหนือความคาดหมาย เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่บนร่างไช้ตื้อเซ้งในยามนี้ดับมอดลงแล้ว
ไช้ตื้อเซ้งยังไม่ตาย เพียงแต่สภาพไม่น่าดูนัก
เสื้อผ้าหลายส่วนถูกเผาไหม้ ผิวหนังบางส่วนไหม้เกรียม ใบหน้าที่งดงามยามนี้เต็มไปด้วยแผลไฟไหม้ จนแทบไม่เหลือเค้าหน้าเดิมอันสง่างาม
ไช้ตื้อเซ้งกัดฟัน
“อ๋องเอี๊ย ท่านร้ายกาจนัก แท้จริงแล้วผลึกตะวันไม่ได้อยู่ในคลัง แต่ติดอยู่บนประตูนี่เอง”
“เราเพียงซ่อนไว้ในที่ซึ่งทุกคนคาดไม่ถึง ท่านเองเพียงรับทราบว่ามีผลึกตะวันอยู่ในคลัง แต่กลับไม่ทราบว่าลักษณะแท้จริงของมัน ถือว่าท่านเลินเล่อเอง”
“แม้ช้าไปแต่เวลานี้เมื่อทราบแล้ว ผลึกตะวันต้องเป็นของเรา” ไช้ตื้อเซ้งกล่าว
จบคำร่างสาดพุ่งปราดทะยานเข้าจู่โจมอ๋องเอี๊ยะดุจสายฟ้าแล่บ
การจู่โจมครั้งนี้รวดเร็ว ฉับไว และเหนือการคาดคำนวณ แต่อี่ทงฮวงคล้ายดูออกแต่แรก ดังนั้นติดสินใจระดมกำลังภายในที่ยังเหลือทั้งหมด ใช้ออกด้วยฝ่ามือประสานร้อยวายุอีกครั้ง
กระแสพลังพวยพุ่งหลอมรวมเข้ากระแทกใส่ไช้ตื้อเซ้ง
ไช้ตื้อเซ้งไม่ทันคาดคิดล่วงหน้า ดังนั้นถูกลมปราณอี่ทงฮวงกระแทกใส่เต็มแรงโดยไม่ทันป้องกัน ยามนี้ต้องกระเด็นถอยหลังไปไกลหลายสิบก้าว
แต่เพราะลมปราณที่เหลืออยู่ของอี่ทงฮวงไม่มากนัก ดังนั้นไม่สามารถทำร้ายไช้ตื้อเซ้งถึงแก่ชีวิตได้
อ๋องเอี๊ยเมื่อรู้สึกตัวใช้โอกาสชั่วพริบตาปลดสลักที่เกราะท่อนแขนออก ก่อนจะกดไปบนข้อมือขวาของอี่ทงฮวงแทน
อ๋องเอี๊ยกดปุ่มกลไกอีกครั้ง ชุดเกราะที่หุ้มท่อนแขนของอี่ทงฮวง เพิ่มจำนวนขึ้นจนกลายเป็นเกราะครึ่งตัวบนร่างของอี่ทงฮวง
“ทงฮวง ใช้กระบวนท่าเมื่อครู่อีกครั้ง”
ขณะเดียวกันไช้ตื้อเซ้งที่ปักหลักได้ ทะยานสาดพุ่งเข้าจู่โจมทั้งสองอีกครั้งโดยไม่ต้องรั้งรอ
อี่ทงฮวง
อี่ทงฮวงวาดกระบวนท่าฝ่ามือประสานร้อยวายุอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ตนเองแทบไม่มีลมปราณเหลืออยู่แล้ว
แต่ที่ไม่คาดคิดคือ ดวงตาผลึกสีเขียวของมังกรเปล่งประกาย ที่ปากมังกร มีพลังพวยพุ่งออกมาเฉกเช่นพลังของฝ่ามือประสานร้อยวายุ จู่โจมเข้าใส่ไช้ตื้อเซ้ง
เสียงระเบิดดังกึกก้อง จนทำให้ผนังกำแพงคลังมังกรด้านหนึ่งถูกทำลายเป็นโพรงใหญ่ ร่างของไช้ตื้อเซ้งถูกพลังจากผลึกตะวันทำลายจนสูญสิ้นไปแล้ว
อี่ทงฮวงระบายลมหายใจ อย่างเหนื่อยล้า กำลังจะทรุดล้มลง อ๋องเอี๊ยก็เข้ามาประคองไว้ได้ทัน
“ขอบพระทัย” อี่ทงฮวงกล่าว
เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วคล้ายคนคลุ้มคลั่งดังขึ้น ทั้งสองรีบหันอีกครั้ง พบว่างั่งเจงที่ยามนี้คล้ายวิกลจริต ดวงตาแตกซ่าน ท่าทีคลุ้มคลั่ง
งั่งเจงเห็นพลังทำลายล้างของผลึกตะวันทำลายไช้ตื้อเซ้งจนสูญสลายไปต่อหน้าต่อตา หัวใจของนางแตกสลายตามไปด้วย กลายเป็นเสียสติ งั่งเจงกล่าวอย่างเลื่อนลอย
“พวกเจ้าฆ่าสามีเรา พวกเจ้าต้องตายตกพร้อมกันกับเรา”
งั่งเจง
จบคำนางหยิบกระบอกหนึ่งขึ้นมา สีดำสนิท มีปลายเชือกสอดร้อยจากด้านหนึ่งมาบรรจบปลายอีกด้านหนึ่ง
อี่ทงฮวงอุทานขึ้น “ระเบิดทลายฟ้า!”
อ๋องเอี๊ยถึงกับตื่นตระหนก ทุกคนในยุทธจักรล้วนรับทราบอานุภาพของระเบิดทลายฟ้าเป็นอย่างดี ฟังว่าเมื่อดึงเชือกจากด้านหนึ่งออกมาจดสุด ทันทีที่เชือกหลุดออกจากกระบอก จะเกิดการระเบิดขึ้น และทำลายทุกอย่างกินวงหนึ่งในแปดส่วนของหนึ่งลี้จะถูกทำลาย
“ท่านอ๋อง ทรงรีบเสด็จหนีไปเถอะ กระหม่อมถูกสักดจุดเจ็บก้าวดับดิ้น ไม่มีโอกาสรอดอยู่แล้ว...”
อ๋องเอี๊ยรับสั่ง “เข็มบินของเจ้าหนึ่งเล่ม” พลางแบมือออก
อี่ทงฮวงล้วงเข็มบินส่งให้ อ๋องเอี๊ยรับมาและจิ้มเข็มลงบนจุดสำคัญเจ็ดแห่งบนร่างของอี่ทงฮวง ท่วงท่าและฝีมือปักเข็มของอ๋องเอี๊ยทั้งหมดจดและสวยงาม
“เราคาดว่าเจ้าสามารถเดินก้าวที่แปดได้โดยไม่สิ้นชีพ”
อี่ทงฮวงเหลือบไปเห็นงั่งเจงคล้ายจะดึงขดเชือกในกระบอกดำจนหมด ต้องรีบคว้าร่างของอ๋องเอี๊ย สาดพุ่งทะยานออกไป พุ่งทะยานออกทางระเบียง
เสียงระเบิดดังขึ้นไล่หลัง
ร่างของอี่ทงฮวงและอ๋องเอี้ยร่วงหล่นจากชั้นแปดลงมา พร้อมกับเสียงระเบิดชั้นแปดและชั้นเจ็ดถูกทำลาย
ร่างของทั้งสองพุ่งลงสู่เบื้องล่างด้วยความเร็ว อ๋องเอี๊ยดึงสลักกลไกส่วนเกราะหัวไหล่ทั้งสองข้างของอี่ทงฮวง ปรากฏมีร่มชูชีพดีดออกมาจากด้านหลัง พร้อมกับแรงลมพ่นออกมาจากปากของมังกร
ร่างของอ๋องเอี๊ยและอี่ทงฮวงค่อย ๆ ลงสู่พื้นอย่างปลอดภัย
ทันทีที่ฝ่าเท้าแตะพื้น อี่ทงฮวงก็ล้มแล้ว ถึงกับนอนหงายลงตรงนั้น ทั้งเหนื่อยล้า ทั้งสิ้นเรี่ยวแรง แม้จะให้ขยับนิ้วยังยากเย็น
อ๋องเอี๊ยตรงเข้ามาประคองไว้ พลางรับสั่งถาม
“ทงฮวง เจ้าเป็นไรบ้าง?”
“กระหม่อมเหนื่อยล้าอย่างสุดแสน จนยามนี้กระหม่อมขอนอนตรงนี้...”
“เจ้าวางใจเร็วไปนัก เราจะฆ่าเจ้าในบัดนี้”
สิ้นคำประกาศตามด้วยเสียงหัวร่อเคี๊ยก ๆ พร้อมกับเงาร่างแคระสายหนึ่งสาดพุ่งเข้าใส่อี่ทงฮวง
ที่แท้เป็นยื่อต๊อที่ทั้งร่างบิดเบี้ยวผิดส่วน ชโลมไปด้วยโลหิตทั่วร่าง
แม้รูปร่างบิดเบี้ยว แต่กรงเล็บในมือของยื่อต๊อยังแหลมคม และเต็มไปด้วยอานุภาพคร่าชีวิตพุ่งเข้าใส่อี่ทงฮวง
ยื่อต๊อ
ประกายสีขาวพุ่งวาบขึ้นรัดรอบตัวของยื่อต๊อ ก่อนฉุดดึงกลับออกมา เป็นผ้าแพรสีขาวผืนยาว
ร่างแคระบิดเบี้ยวผิดรูปของยื่อต๊อถูกผ้าแพรขาวเหวี่ยงลอยขึ้นไปกลางอากาศ
เงาดอกธนูจำนวนนับร้อยพุ่งเข้าใส่ยื่อต๊อ ยามนี้สภาพของยื่อต๊อไม่ต่างจากเม่นยักษ์ตัวหนึ่ง ทั่งร่างของมันมีแต่ดอกธนูปักตรึงเต็มทั้งหมด เมื่อตกสู่พื้นก็คือร่างไร้ลมหายใจ ดวงตาแตกซ่านเบิกโพลงของยื่อต๊อยากจะบรรยาย
บรรดาเหล่าทหารองครักษ์ที่ยามนี้ไม่มีคนของเกียอุ้ยนึ้งควบคุมแล้ว สามารถทำหน้าที่ของตนเองได้อีกครั้ง อย่างพอดิบพอดี
อี่ทงฮวงและอ๋องเอี๊ยต่างก็ตกตะลึง ก่อนจะมองยังทิศทางของผ้าแพร
ที่ยืนด้วยท่าทีนุ่มนวล แฝงแววดื้อรั้นหลายส่วน งดงามอีกหลายส่วน
“มั้วเง็ก”
เป็นมั้วเง็กจริง ๆ น้อยคนที่จะล่วงรู้ว่ามั้วเง็กมีวิชาฝีมือติดตัวอยู่บ้าง ที่นางถนัดและชำนาญสุดคือ...แพรไหมตะข่ายฟ้า
มั้วเง็กรีบเข้ามาประคองอี่ทงฮวงอีกด้าน ทั้งสีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความห่วงใยจนยากบรรยาย
“อี่เฮียท่านเป็นไร? เมื่อครู่หวาดเสียวยิ่งนัก หากข้าพเจ้าลงมือช้าไปชั่วพริบตา ท่านคง...”
มั้วเง็กไม่ได้กล่าวต่อ เพราะเมื่อจินตนาการหากตาม นางก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว
อี่ทงฮวงแย้มยิ้ม เป็นยิ้มที่อบอุ่น เฉกเช่นเดียวกับที่เวลานี้แสงตะวันสาดส่องขึ้นมาแล้ว
อี่ทงฮวงกุมมือขวาอันอ่อนนุ่มของมั้วเง็กไว้ คล้ายปลอบใจ คล้ายขอบใจ คล้ายบอกว่า
"ข้าพเจ้าอยู่ตรงนี้แล้ว ข้าพเจ้าขอบคุณที่ท่านช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้"
แต่อี่ทงฮวงไม่ได้เอ่ยออกมา บางวาจาบางความรู้สึกอย่าได้แสดงออก อี่ทงฮวงเป็นคนประเภทนั้น
มั้วเง็กใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่ของนางกุมอยู่บนหลังฝ่ามือของอี่ทงฮวงอีกที
ความรู้สึกนี้คืออะไร?
มันทั้งอบอุ่น ทั้งห่วงหา ทั้งดื่มด่ำ ในใจของมั้วเง็กคล้ายได้ยินเสียงหัวใจของตนเองเต้นดังจนนางเกรงว่าอี่ทงฮวงจะได้ยิน
มั้วเง็กคล้ายสงสัย คล้ายต้องการหาคำตอบ
ความรู้สึกนี้คืออะไร?
มั้วเง็ก
อ๋องเอี๊ยชมดูอยู่ด้านข้าง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเล็ก ๆ คล้ายพบเห็นอะไรบางประการ พลางกล่าวขึ้น
“ทงฮวง เราให้เจ้าลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ จนกว่าเจ้าจะพร้อมกลับมาทำหน้าที่องครักษ์เงาวายุอีกครั้ง”
“ขอบพระทัย กระหม่อมหวังว่าคงไม่ต้องเผชิญหน้างานพิทักษ์ที่หนักหนาสาหัสเช่นนี้อีก” อี่ทงฮวงตอบ
ทั้งสามพลันหัวเราะขึ้น
หลังผ่านความตายมาหลายครั้งหลายครา อี่ทงฮวงอยากหลับตาพริ้มให้ยาวนานที่สุด
อี่ทงฮวงขอบคุณสวรรค์ที่ยังเมตตาให้ตนเองยังมีชีวิตอยู่จนถึงบัดนี้ ทั้ง ๆ ที่โอกาสรอดของตนเองแทบไม่มีเลยแม้แต่น้อย
“คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิตจริง ๆ”
อี่ทงฮวงเตรียมจะหลับตา แต่ไม่สามารถหลับได้
ที่หลับตาลงไม่ได้เพราะเนื่องจาก มีดวงตาสุกใสคู่หนึ่งจับจ้องตนอยู่
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ดวงตาที่เมื่อจ้องมองเข้าไป มีคำตอบของหัวใจอยู่ภายในนั้น
ดวงตาคู่นั้นเป็นของ...มั้วเง็ก
....
อวสาน “เงาวายุ”
ปิดท้าย “เงาวายุ” จากใจนักเขียน “มู่หยงมูฟ”
ในที่สุดนิยายกำลังภายใน “เงาวายุ” ก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายเสียที ผมยอมรับว่าเหนื่อยมาก ยิ่งช่วงระยะหลังที่ผมต้องแต่งนิยายเรื่องนี้ ไปพร้อม ๆ กับนิยาย “บางบอกดิก” นี่คือใช้พลังงาน และจินตนาการแบบอภิมหาเยอะเลย
นั่นเพราะผมต้องคิดภาพในหัวเป็นหนังกำลังภายในที่มีเฮียหลิวเตอะหัวในจินตนา บรรยากาศแบบหนังกำลังภายใน คิดคิวบู๊กระบวนท่าแบบหนังจอมยุทธ พอวันศุกร์ผมก็ต้องมานั่งคิดภาพในจินตนาการเป็นหนังไทย บรรยากาศแบบยุค 40-50 ปีก่อน ต้องสร้างแคแร็กเตอร์โดยอิงพื้นฐานมาจากนักเขียนแต่ละคน มันเหนื่อยมาก ๆ ครับ ที่ต้องแต่งนิยายสองเรื่องไปพร้อม ๆ กัน แม้ว่า “เงาวายุ” จะมีต้นฉบับดั้งเดิมที่ผมเขียนไว้เมื่อ 20 ปีก่อน แต่ผมก็ต้องมาปรับเปลี่ยนสำนวน วิธีคิด และคิวบู๊ใหม่ให้เป็นปัจจุบันกว่าเดิม
ปราชญ์เมฆา ซื่อหยุน
อันที่จริงผมเปิดตัวละคร “ปราชญ์เมฆา ซื่อหยุน” เอาไว้ ตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องของเขาต่อ ใครที่ตามอ่านตั้งแต่ตอนแรกจะรู้ว่าซื่อหยุนออกเรือเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อทำงานลับให้ฮ่องเต้ชิ้นหนึ่ง นั่นคือการผจญภัยของเขาซึ่งผมคิดไอเดียไว้ว่าจะนำเอาหนังสไตล์ Jason Bourne มาเป็นโครงเรื่องหลักแต่ดัดแปลงให้เป็นนิยายกำลังภายใน
และตั้งใจว่าพอจบจากนิยายเรื่อง “ปราชญ์เมฆา” ผมจะให้ทั้ง “ปราชญ์เมฆา เงาวายุ” มาผนึกกำลังกันต่อสู้กับภัยร้ายที่สุดที่ผมคิดไว้คือตัวร้ายที่ผมอิงแคแร็กเตอร์แบบทานอสมาไว้
มั้วเง็ก
แต่ผมคงต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อนครับ จนกว่านิยาย “บางบอกดิก” จะจบ และถ้าถึงตอนนั้นผมยังเขียน หรือยังมีคนอยากอ่านนิยายกำลังภายใน มันคงเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะผมยอมรับเลยว่ามีคนติดตามอ่านน้อยมากประมาณ 700 คน แต่ผมก็เขียนนะครับ ผมถือว่านักอ่านประจำทั้ง 700 ท่านคือคนที่รออ่าน ผมไม่ทอดทิ้งคนอ่านหรอก ก็เต็มที่และเขียนจบจบจริง ๆ ไม่ใช่ว่าผมมาตัดจบนะ เพราะต้นฉบับเดิมก็จบตรงนี้เหมือนกัน
อี่ทงฮวง
“เงาวายุ” เริ่มออนแอร์เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 และสิ้นสุดลงในวันนี้ 7 เมษายน 2563 รวมเวลาทั้งสิ้น 162 วัน หรือประมาณ 5 เดือนนิด ๆ
ผมจึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้ กราบขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามนิยาย “เงาวายุ” ทั้งอ่านประจำ และขาจร
ขอบคุณมากครับ
“มู่หยงมูฟ”
อวสาน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา