8 เม.ย. 2020 เวลา 08:17 • กีฬา
#McManaman
Steve McManaman
👊 Steve McManaman (สตีฟ เเม็คมานามาน) เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1972 เล่นตำเเหน่ง ปีกขวา เเม็คก้าอยู่กับลิเวอร์พูลตั้งเเต่ปี 1988 - 1990 เยาวชน เเละ 1900 - 1999 ก่อนที่จะย้ายไปร่มทีมรีลมาดริด เเละ เเมนเชสเตอร์ซิตี้ ตามลำดับ
.
เขาเติบโตขึ้นมาในฐานะเเฟนบอลเอฟเวอร์ตัน แต่เมื่อเอฟเวอร์ตันเสนอสัญญาหนึ่งปี พ่อของ เเม็คมานามาน ปฏิเสธ เขาจึงเข้าร่วมกับทีมลิเวอร์พูลในชุดเยาวชนในปี 1988 - 1990 เเม็คมานามาน อยู่ภายใต้การให้คำปรึกษาของ จอห์น บาร์นส์ เขาคอยขัดรองเท้าให้รุ่นพี่โดยไม่อิดออม เขาเเค่ต้องการเรียนรู้ชีวิตของสุดยอดนักเตะต้นเเบบของเขา เมื่อ สตีฟ แม็คมานามาน ที่ถูกมองข้ามโดยทีมขวัญใจในวัยเด็ก อย่างเอฟเวอร์ตัน เป็นกำลังสำคัญของลิเวอร์พูล ตลอดช่วงปี 1990 - 1999
.
แม็คมานามาน เป็นผู้เล่นปีกที่โชว์ฟอร์มอย่างโดดเด่นในระดับเดียวกับ ไรอัน กิ๊กส์ คู่รักคู่แค้นอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด และได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในนักเตะอังกฤษ ที่มีทักษะการเล่นที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ แม็คมานามานถือกำเนิดในย่านบูเทิ่ลของเมอร์ซี่ไซด์ ถูกค้นพบโดย จิม เเอสพินัลล์ แมวมองผู้ล่วงลับของลิเวอร์พูล โดย แอสพินัลล์ เป็นผู้พบดาวรุ่งของทีมหงส์แดง อย่าง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ไมเคิ่ล โอเว่น และสตีเว่น เจอร์ราร์ดด้วย
.
"ผมเห็นสตีฟเล่นครั้งแรกตอนที่เขาอายุแค่ 11 ปี ตอนนั้น เขาเล่นให้ทีมโรงเรียนที่กูดิสัน พาร์ค ในเกมชิงชนะเลิศบอลถ้วยรายการหนึ่ง"
แอสพินัล กล่าว "ตอนที่ผมเห็นเขาเล่น ผมแทบจะอดใจรอคอยพบพ่อของเขาไม่ได้ ผมใจร้อนอยากให้สตีฟเซ็นสัญญากับเราโดยเร็วที่สุด"
.
แต่แอสพินัลล์ต้องรออีก 3 ปี กว่าจะได้ลายเซ็นต์ของแม็คมานามาน ในสัญญากับทีมหงส์แดง โดยแม็คก้าเซ็นสัญญาพร้อมกับฟาวเลอร์ ที่กลายเป็นขุนพลสำคัญของเร้ด แมชชีน ในทศวรรษ 90 และเพื่อนสนิทของเขาในเวลาต่อมา
.
ในช่วง 3 ปีก่อนหน้านั้น มีข่าวลือว่า แม็คมานามาน ไปทดสอบฝีเท้ากับ เอฟเวอร์ตัน ทีมคู่ปรับร่วมเมืองลิเวอร์พูล และเป็นทีมที่แม็คก้าเชียร์ในวัยเด็ก แต่สตาฟฟ์โค้ชของ เอฟเวอร์ตัน มองว่า แม็คมานามาน มีรูปร่างเล็กและบอบบางเกินไป จนไม่น่าจะทนแรงเสียดทานการเล่นฟุตบอลที่หนักหน่วงในสไตล์อังกฤษได้
.
สายตาการมองนักเตะที่ผิดพลาดของพลพรรคทอฟฟี่เมน ส่งผลให้แม็คมานามาน เป็นส่วนหนึ่งของหงส์แดง โดยแม็คมานามาน ซึ่งรับหน้าที่ขัดรองเท้าให้กับ จอห์น บาร์น ในฐานะนักเตะฝึกหัด ทำผลงานได้โดดเด่นในทีมสำรอง ของหงส์แดงจนทำให้ เคนนี่ ดักกลิช ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลในเวลานั้น ตัดสินใจให้โอกาสแม็คก้าฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ก่อนที่ดักกลิชจะยื่นสัญญานักเตะอาชีพ ให้กับแม็คมานามานเมื่อวันเกิดครบรอบ 18 ปี ของเขาในเดือนกุมภาพันธ์ 1990
.
แม็คมานามานได้โอกาสประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูล ครั้งแรกในฤดูกาล 1990-91 ในศึกดิวิชั่น 1 (เดิม) ที่ ลิเวอร์พูลเปิดบ้าน พิชิต เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-0 เมื่อเดือนธันวาคม 1990 โดยแม็คมานามาน ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแทน ปีเตอร์ เบิร์ดลี่ย์ กองหน้าตัวเก๋า
ในฤดูกาลต่อมา 1991-92 เป็นปีที่แม็คมานามานแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว โดย แกรม ซูเนสส์ กุนซือคนใหม่ของหงส์แดงให้โอกาสบรรดานักเตะดาวรุ่งอย่าง แม็คก้า ,เจมี่ เร้ดแน็ปป์ , ร็อบ โจนส์ หรือ ไมค์ มาร์ช ลงแทนกลุ่มนักเตะตัวเก๋า ที่มีปัญหาบาดเจ็บ ซึ่งแต่ละคนก็ทำผลงานได้ดีแตกต่างกันไป
.
สตีฟ แม็คมานามานลงเล่นในฐานะตัวจริง ตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล 1991-1992 และเขาก็ช่วยให้ลิเวอร์พูลเฉือนชนะโอลด์แฮม 2-1 โดยที่ปีกดาวรุ่งโชว์ฟอร์มลากเลื้อยทำเกมรุกทางริมเส้นได้อย่างโดดเด่น และสร้างปัญหาให้กับฟูลแบ็คฝ่ายตรงข้ามของทุกทีมที่ต้องเผชิญหน้ากับหงส์แดง
.
ปีกดาวรุ่งจบฤดูกาลแรกของตัวเองในการเล่นฟุตบอลอาชีพด้วยการช่วยให้ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ด้วยการพิชิต ซันเดอร์แลนด์ 2-0 ซึ่งเขาโยนบอลให้ ไมเคิ่ล โทมัส วอลเล่ย์ทำประตูที่ 2 อย่างสวยงามด้วย และจากผลงานยอดเยี่ยมของเขาทำให้ เอียน รัช ตำนานของทีมหงส์แดง บอกว่า แม็คมานามานคือนักเตะดาวรุ่ง หน้าใหม่ของลิวอร์พูลที่มีความสามารถสูงที่สุด
.
แม็คมานามานยังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในช่วง 2-3 ปีต่อมา แต่น่าเสียดายที่ทีมหงส์แดงอยู่ในช่วงขาลงอย่างแท้จริง จากปัญหานักเตะ ประสบการณ์สูงอย่าง รัช,บาร์น,รอนนี่ วีแลนด์หรือสตีฟ นิโคล มีอาการบาดเจ็บ จนลิเวอร์พูลมีผลงานตกต่ำน่าใจหาย ทั้งการพ่ายต่อทีมรองบ่อนอย่าง บริสตอน โรเวอร์ส หรือโบลตัน ตกรอบฟุตบอลถ้วย แม้ว่า แม็คมานามาน จะทำผลงานส่วนตัว ได้โดดเด่น แต่ผลงานโดยรวมของลิเวอร์พูลถือว่าเลวร้ายอย่างมาก แถมในเดือนกันยายน 1993 แม็คมานามานตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ เมื่อชกต่อยกับ บรูซ กร็อบเบลล่าร์ ผู้รักษาประตูตัวเก๋าของทีมระหว่างแมทช์ที่หงส์แดงออกไปพ่ายเอฟเวอร์ตันหมดรูป 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก
.
ในเดือนกุมภาพันธ์ 1994 แม็คก้าได้รับเกียรติทำหน้าที่กัปตันทีมชาติอังกฤษ ชุดยู-21 เป็นครั้งแรก ในเกมที่ทีมสิงโตคำรามรุ่นกระทง ถล่ม ซาน มารีโน ขาดลอย 6-0 โดยแม็คก้าทำประตูสุดท้ายด้วย
.
ในฤดูกาล 1994-95 ลิเวอร์พูลรุ่นใหม่ภายใต้การคุมบังเหียนของ รอย เอฟแวนส์ อดีตสตาฟฟ์โค้ชจากบูท รูม ของหงส์แดง เริ่มทำผลงานเด่นเป็นที่จับตามองของทุกทีมในพรีเมียร์ลีก โดยนักเตะสายเลือดใหม่อย่าง แม็คมานามาน เร้ดแน็ปป์ และร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เป็นกำลังสำคัญของทีม ช่วงนั้นแม็คมานามานได้รับบทบาทปีกขวา และแม้ว่า จะทำผลงานได้ดี แต่เอฟแวนส์ กุนซือ ก็ยังตำหนิแม็คก้า ว่า ทำประตูได้น้อยเกินไป และมักจะเลี้ยงบอลมากเกินไปจนเสียจังหวะการเล่นของทีม
.
แม็คก้าตอบสนองคำเตือนของเอฟแวนส์ ด้วยการทำแฮตทริกแรก ในชีวิตการเล่นในนัดที่ลิเวอร์พูล ถล่ม เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 4-1 ในเดือนตุลาคม 1994 ซึ่งเป็นเกมที่ 100 ของแม็คมานามานในพรีเมียร์ ลีก ด้วย ซึ่งจากผลงานยอดเยี่ยมครั้งนี้ ทำให้ปีกหัวหยิกได้รับการต่อสัญญา จากลิเวอร์พูลอีก 4 ปี ค่าเหนื่อย 1 ล้านปอนด์
.
ในเดือนพฤศจิกายน 1994 แม็คมานามานก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษ ครั้งแรก ในเกมที่พบกับไนจีเรีย โดย เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ กุนซือทีมสิงโตคำรามในเวลานั้น ส่งแม็คก้าลงสนาม ในช่วง 25 นาทีสุดท้าย แทนโรเบิร์ต ลี ที่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่แม็คมานามาน จะประเดิมให้อังกฤษ ในฐานะตัวจริงครั้งแรก ในเกมกับ โคลัมเบีย ในเดือนกันยายน 1995 ซึ่ง 3 ขุนพล ของลิเวอร์พูล อย่างแม็คก้า เร้ดแน็ปป์ และฟาวเลอร์ ได้ลงสนามพร้อมหน้าพร้อมตากัน
.
ลิเวอร์พูลยังเดินหน้าทำผลงานดีต่อเนื่องในฤดูกาล 94-95 และอีกหนึ่งเกมแห่งความทรงจำ จากฤดูกาลนั้นคือ เกมที่พวกเขาเอาชนะคู่ปรับตัวฉกาจอย่าง แมนฯยูไนเต็ด 2-0 ที่แอนฟิลด์ โดยที่แม็คมานามานซัดบอลไปกระเด้ง สตีฟ บรูซ กองหลังทีมปีศาจแดง เข้าไปตุงตาข่ายเป็นประตูที่ 2 ของเกม และในนัดสุดท้ายก่อนจบซีซั่น แม็คก้า ก็ช่วยให้ลิเวอร์พูล เฉือนชนะแบล็คเบิร์น 2-1 แม้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสช่วย เคนนี่ ดักกลิช อดีตตำนานของพวกเขาที่คุมทีมแบล็คเบิร์น ด้วยการปล่อยให้ทีมเยือนบุกมาชนะได้ เพื่อการคว้าแชมป์อย่างเด็ดขาด แต่แมนฯยูไนเต็ด กลับทำได้แค่เสมอกับเวสต์แฮมในนัดสุดท้าย ทำให้แบล็คเบิร์นได้แชมป์ไปครอง ขณะที่ลิเวอร์พูลจบซีซั่นด้วย การรั้งอันดับ 4 ของตาราง ซึ่งเป็นอันดับดีที่สุดในรอบ 4 ปี ของสโมสร
.
แม็คมานามาน ทำผลงานโดดเด่นในเกมแห่งความทรงจำของเขา ด้วยการทำ 2 ประตูสุดสวย ช่วยให้ลิเวอร์พูล เฉือนชนะโบลตัน 2-1 คว้าแชมป์ โคคา โคลา ลีกคัพ ไปครอง โดยที่แม็คก้าได้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมทซ์ ด้วย และปีกดาวรุ่งก็แจ้งเกิดเป็นซุปเปอร์สตาร์อีกคน ของวงการลูกหนังพรีเมียร์ลีกอังกฤษ อย่างเต็มภาคภูมิ
.
เอฟแวนส์ พูดถึงฟอร์มการเล่นของแม็คก้า ในศึกลีกคัพ นัดชิงฯว่า "แม็คก้าเลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นของโบลตัน คนแล้วคนเล่า ดูเหมือนจะไม่มีใคร หยุดเขาได้เลย แม้แต่เซอร์ สแตนลีย์ แม็ทธิวส์ ซึ่งเป็นผู้เล่นปีกระดับซุปเปอร์สตาร์ในอดีต ยังยกย่องฟอร์มของแม็คก้า ผมยอมรับว่า เราชนะนัดนี้เพราะเขาจริงๆ"
ฤดูกาล 1995-96 เป็นปีที่อีฟแวนส์ ตั้งเป้าที่จะนำลิเวอร์พูลลุ้นแชมป์อย่างจริงจัง หลังจากขุนพลหงส์แดงรุ่นใหม่ มีพัฒนาการที่ดีขึ้นต่อเนื่องโดยที่แฟนบอลเดอะค็อปเอง ก็หวังว่าทีมโปรดจะก้าวขึ้นไปท้าทายบัลลังก์ของคู่ปรับอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด ได้เช่นกัน
.
ลิเวอร์พูลภายใต้การคุมบังเหียนของเอฟแวนส์ เน้นการเล่นที่สวยงาม ด้่วยการส่งบอลไปทั่วสนาม และโจมตีคู่แข่่งอย่างรวดเร็ว โดยที่แม็คมานามานเป็นกำลังสำคัญในการทำเกมรุก และเดอะเร้ด แมชชีน ชุดนั้นถูกยกย่องว่า เป็นทีมลิเวอร์พูลที่เล่นได้ร้อนแรงที่สุดตั้งแต่ยุคของ เดอะ บีทเทิ่ลส์ เลยทีเดียว
ปี 95-96 เป็นปีที่แม็คมานามานโชว์ฟอร์มโดดเด่นและเป็นสง่า และถูกเสนอชื่อเป็นหนึ่งในผู้ชิงรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีด้วย ซึ่งฟาวเลอร์เพื่อนร่วมทีมหงส์แดงเป็นผู้คว้ารางวัลนี้ไปแทน แต่ก็ต้องถือว่า แม็คก้ามีส่วนร่วมในรางวัลนี้เยอะมาก
.
"ผมยอมรับว่า ผมมีความมั่นใจสูงมากในฤดูกาลนั้น" แม็คมานามาน กล่าว "ผลงานของทีมเราโดยรวมถือว่า ยอดเยี่ยม ส่วนตัวผมก็เล่นเข้าขากับเพื่อนร่วมทีมเป็นอย่างดี ผมสนุกกับการเล่นในปีนั้นมาก แม้แต่ในนาทีที่ 90 ผมยังกระตือรือร้นที่จะวิ่ง และอยากลงเล่นเกมต่อไปทันที"
.
การมาร่วมทีมของ เจสัน แม็คเคเทียร์ จากทีมโบลตัน ในเดือนกันยายน 1995 ทำให้แม็คมานามานถูกโยกไปรับบทมิดฟิลด์ตัวกลางในแผนการเล่นใหม่ 3-5-2 ของเอฟแวนส์ และแม็คก้า ยังรับบทบาทปีกซ้าย รวมทั้งมิดฟิลด์ตัวรุกตรงกลาง ก่อนที่เขาจะรับบทบาทใหม่ นั่นคือ ตัวฟรี ซึ่งมีอิสระในการทำเกมทั่วสนาม ซึ่งยิ่งทำให้แม็คมานามาน เป็นนักเตะที่อันตรายยิ่งขึ้น
.
หลายคนเริ่มวิพากย์วิจารณ์ เอฟแวนส์ ที่สร้างทีมลิเวอร์พูลโดยเน้นแม็คมานามานมากเกินไป หน้าที่หลักของแม็คก้า คือการเลี้ยงบอลทำเกมรุกทางริมเส้น จี้เข้าหากองหลังคู่แข่ง เพื่อเปิดทางให้คู่กองหน้าอย่างฟาวเลอร์ และ สแตน คอลลี่มอร์ มีพื้นที่วางเพื่อทำประตู แต่กลับกลายเป็นว่า แผนการเล่นนี้ทำให้กุนซือคู่แข่งจับทางได้ว่า ถ้าหากประกบแม็คมานามานได้ เกมรุกของลิเวอร์พูลก็จะหมดประสิทธิภาพไปโดยปริยาย
.
อย่างไรก็ตามลิเวอร์พูล ก็ยังเดินหน้าทำผลงานเด่นในฤดูกาล 95-96 และคว้าอันดับที่ 3 เมื่อจบฤดูกาล พร้อมกับทะลุเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ กับทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนฯ เชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วย แต่น่าเสียดายที่หงส์แดงพ่ายไป 0-1 อย่างเจ็บปวด
.
ในเกมนั้นผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ค้นพบวิธีการหยุดยั้งลิเวอร์พูล ด้วยการส่ง รอย คีน ตามประกบแม็คมานามาน จนลากเลื้อยไม่ออก และเกมรุกของลิเวอร์พูล ก็เป็นอัมพาต ทำให้คำวิจารณ์ในช่วงต้นฤดูกาลที่ว่า ลิเวอร์พูล พึ่งแม็คมานามานมากเกินไปเป็นความจริง
.
แม็คมานามานยังเป็นกำลังหลักของลิเวอร์พูล ในฤดูกาลต่อมา 1996-97 ที่หงส์แดงมีลุ้นแชมป์ตลอดฤดูกาล แต่ความไม่คงเส้นคงวา และเกมรับที่มีข้อผิดพลาด ส่งผลให้ลิเวอร์พูลได้เพียงอันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีก ทั้งๆที่พวกเขานำจ่าฝูงของตารางตลอดครึ่งฤดูกาลแรก
.
ในช่วงนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญในวงการฟุตบอลอังกฤษ เริ่มวิพากย์วิจารย์ขุนพลนักเตะลิเวอร์พูลว่า ขาดความทุ่มเทและแรงกระหายชัยชนะ ซึ่งทำให้พวกเขาประสบความล้มเหลว ในการลุ้นแชมป์ โดยนักวิจารณ์เหล่านี้ยกกรณีที่ขุนพลหงส์แดงสวมสูทอาร์มานี่สีครีม ในพิธีก่อนเกมชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ 1996 กับแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่นักเตะทีมลุ้นแชมป์ไม่สวมชุดวอร์มนักเตะ และแม็คมานามาน,ฟาวเลอร์,เร้ดแน็ปป์,เดวิด เจมส์,แม็คเคเทียร์ และคอลลี่มอร์ หันไปทุ่มเทกับงานนอกสนามอย่างเช่น การเดินแบบให้ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า ชื่อดังอย่าง อาร์มานี่ ท็อปแมน และฮูโก้ บอสส์ จนขุนพลหงส์แดงชุดนี้ ถูกตั้งชื่อว่าเป็นพวก "สไปซ์บอย"
.
ในปี 1997 แม็คมานามานได้รับการยกย่อง เป็น 1 ใน 10 ผู้เล่นมิดฟิลด์ระดับแถวหน้าของโลก และเริ่มตกเป็นข่าวกับ 2 ยักษ์ใหญ่ยุโรปอย่าง บาร์เซโลน่า และยูเวนตุส โดยเฉพาะบาร์ซ่า ยักษ์ใหญ่สเปน ที่ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ และ แม็คก้าก็เดินทางไปเจรจาสัญญาส่วนตัวกับบาร์เซโลน่า แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้โดยที่ผู้บริหารของบาร์ซ่าให็เหตุผลว่า แม็คมานามานเรียกร้องค่าเหนื่อยสูงเกินไป
.
แม้ว่า ลิเวอร์พูลในยุค 1990 จะเป็นทีมที่มีนักเตะพรสวรรค์สูง แต่แม็คมานามาน และพลพรรคหงส์แดง ก็ไม่อาจเบียดแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก มาจากแมนฯยูไนเต็ดได้เลย ซึ่งความล้มเหลวนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในถิ่นแอนฟิลด์ โดยในเดือนธันวาคม 1998 เชราห์ อุลลิเย่ร์ ผู้อำนวยการเทคนิคของทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 ก็ก้าวขึ้นคุมบังเหียนทีมหงส์แดง เพียงคนเดียวหลังจากรับบทกุนซือคู่กับ เอฟแวนส์ มาตั้งแต่ต้นฤดูกาล 1998-99 ซึ่งเป็นปีที่ลิเวอร์พูลมีผลงานตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย
.
ขณะที่แม็คมานามาน ก็ยอมรับว่า ต้องการย้ายไปค้าแข้งในต่างประเทศ และขอคำแนะนำจาก คริส ว้อดเดิ้ล ,พอล อินซ์ และ พอล แกสคอยน์ 3 นักเตะรุ่นพี่ ที่เคยไปเล่นฟุตบอลในฝรั่งเศส และอิตาลี โดยแม็คมานามานให้เหตุผลว่า ต้องการความท้าทายใหม่ในชีวิตการเล่น
.
อย่างไรก็ตามแฟนๆลิเวอร์พูลจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า แม็คมานามานจงใจย้ายออกจากทีมหงส์แดง ตามกฎบอสแมน และตัดสินใจรับข้อเสนอของรีล มาดริด ยักษ์ใหญ่ลาลีกา สเปน ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูล ไม่ได้เงินค่าตัวแม้แต่ปอนด์เดียว เนื่องจากไม่พอใจที่ลิเวอร์พูลรับข้อเสนอขายเขาให้กับบาร์เซโลน่า เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านั้น
.
และแฟนๆเดอะค็อปจำนวนมาก มองว่า แม็คมานามาน เริ่มทำตัวหยิ่ง และให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่าสโมสร จนเชราห์ อุลลิเย่ร์ ประกาศชัดเจนในช่วงก่อนที่ แม็คมานามาน จะหมดสัญญากับลิเวอร์พูล เพียง 12 เดือนว่า สโมสรจะไม่ต่อสัญญาให้กับแม็คก้าด้วยเหตุผลที่ว่า "เราไม่ต้องการนักเตะแบบนี้"
.
สตีฟ แม็คมานามานก็เป็นกำลังสำคัญของลิเวอร์พูล ตลอดทศวรรษที่ 90 แม้จะร้างลาความสำเร็จ แต่เขาก็ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในนักเตะพรสวรรค์สูงสุดคนหนึ่งเท่าที่วงการฟุตบอลอังกฤษ เคยมีมา ในวันที่ 5 กันยายน 2006 แม็คมานามานได้รับเลือกเป็นนักเตะอันดับ 22 จาก 100 คนที่ "สร้างความหฤหรรษ์ให้เดอะค็อปมากที่สุด"
.
สตีฟ เเม็คมานามาน ลงเล่นให้กับลิเวอร์พูลทั้งหมด 272 นัด ทำประตุ 46 ประตู
โปรดเสพข่าวอย่างมีสติ​ ขอบคุณ​ทุกท่านที่ให้การสนับสนุน​
แอดมินเพจลิเวอร์พูล​ เเละ​ กลุ่ม​ This​ is​ Anfield....
.
.
🤷‍♂️ ร่วมเเสดงความคิดเห็นในคอมเม้นต์ด้านล่างครับ โปรดเเสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ ไม่สร้างความเเตกเเยก
" เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน " You'll never walk alone " 🤷‍♂️
.
💢✍️ #นักเลียนคีย์บอร์ด ®️ 💢 #ลิเวอร์พูลเเฟนคลับ
เเละ 💢 กลุ่มThis is Anfield
.
💢🅰️EY พูดคุยข่าวสารทีมลิเวอร์พูล อัพเดตตรงจากอังกฤษ.
.
.
โฆษณา