Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
พูดคนเดียวกับฉัน
•
ติดตาม
8 เม.ย. 2020 เวลา 13:01 • ไลฟ์สไตล์
บันทึกการพูดคนเดียวของฉันครั้งที่ 4
หลังจากที่โดนแฟนทิ้ง เพราะว่าแฟนนอกใจไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น ซึ่งผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนไกล เป็นเพื่อน ที่คุยกันอยู่ทุกวันเจอหน้ากันเกือบทุกวัน ปรึกษาเราทุกเรื่องเราไว้ใจเขามาก ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจากนั้นชีวิตเราก็เปลี่ยนไป มันเป็นความรู้สึกเสียใจ และก็รู้สึกดีใจไปในตัว เพราะเราไม่สามารถจินตนาการว่าจะมีเค้า(แฟนเก่า) คนนี้อยู่ในอนาคตได้เลย ในเรื่องแย่มันก็มีเรื่องดีอยู่นะ ที่ทำให้เราหลุดพ้นจากคนไม่ดีออกไปได้น่ะ เราจะให้นามสมมุติคนนี้ คือ k แล้วกัน K เป็นคนที่รักเพื่อนมาก แล้วก็ติดเพื่อนมาก ไม่ค่อยสนใจแฟนแล้วก็ไม่ค่อยสนใจอนาคตของตัวเองใช้ชีวิตไปวันๆแบบไม่มีอนาคต ถึงตอนนั้นเราก็รักเขาแหละ แต่ไม่รู้จะทำยังไงให้หลุดพ้นไปจากตรงนี้
ขอขอบคุณผู้หญิงคนนั้นนะที่ช่วยให้เรา หลุดพ้น จาก สิ่งที่แย่ๆ ต้องขอขอบคุณที่เขาพูดความจริง ซึ่งเราก็ไม่โกรธเขาหรอกนะ เราให้อภัย อโหสิกรรม ก็เขาเป็นคนที่ทำให้เราพ้นทุกข์จากตรงนั้น จากนั้นชีวิตของเราก็เปลี่ยนไป เรามีความคิดที่ว่า ต่อไปนี้เราจะไม่มีแฟนอีกแล้ว เราก็เลยเที่ยวเล่นปาร์ตี้ ทุกสัปดาห์ เชื่อว่าความรักมันไม่มีจริงมีแต่ความหลอกลวง ไม่มีความจริงใจ เราก็อยาก พิสูจน์ว่า การที่มีอะไรกับคนอื่นแบบ ไม่มีความรักมีแต่ความสนุกมันเป็นยังไง ซึ่งเราก็ได้ลองทำมันแล้ว เรียกว่า one night stand มันก็รู้สึกแบบ อธิบายไม่ถูก สับสน ไม่ชอบ เพราะเจอคนหลายรูปแบบ มีแต่คนแปลกๆเต็มไปหมด แต่ตอนนั้นเราก็มัวแต่ลุ่มหลงกับสิ่งที่ไม่ดี
เป็นแบบนั้นมาเรื่อย ๆ ประมาณ 2 ปี ใช้ชีวิตแบบทำงานไปวันๆได้เงินมาไปเที่ยวไปปาร์ตี้เมา กลับห้อง นอน ใช้ชีวิตอย่างไรจุดหมาย ซึ่งวันไหนที่เราไม่ได้ไป มันจะทำให้เรารู้สึกเหงามาก ที่เราชอบออกเที่ยวกลางคืน เพราะว่าเราไม่อยากรู้สึกเหงาโดดเดี่ยว แต่มันกลับยิ่งแย่ขึ้นเรื่อยๆ เจอเพื่อนจากการเที่ยวกลางคืนเยอะก็จริงนะ มันก็มีข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือพวกผู้หญิงที่เที่ยวกลางคืนเนี่ยจะเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองแล้วก็เขาจะมีความสามารถเยอะ การทำงานแต่ละคนก็ไม่ใช่ว่าธรรมดา เป็นคนที่มีฐานะมั่นคงและก็อาชีพการงานที่ดี ซึ่งก็จะเป็นออกแนวผู้หญิงมั่นๆผู้หญิงเที่ยวกลางคืนไม่ได้แย่เสมอไปแต่มันก็ไม่ได้ดีเสมอไป มันไม่ดีในเรื่อง สุขภาพ ภาพลักษณ์ที่คนอื่นมอง แต่เราเห็นหลายคน ที่ชอบปาร์ตี้ เขาจะเป็นผู้หญิงที่เก่ง ในเวลาที่เขาทำงานเขาก็จะเต็มที่ เมื่อปาร์ตี้ก็เต็มที่เช่นกัน
แล้วเราก็จะซึมซับนิสัยของเขามา คือความมั่นใจ ในรูปร่างหน้าตาตัวเองแล้วก็ความเก่งของตัวเอง เพราะคนพวกนี้ จะไม่พูดด้านลบเลย เราคิดว่ารู้จักกันแค่ ตอนเที่ยว ไม่ได้สนิทกันในชีวิตจริง มันก็ดีนะ ไม่ต้องมาสนิทกันมาก พอสนิทกันมากมันจะมีสิ่งที่แย่ๆตามมาเยอะ เช่นนิสัยของเขาเข้ากับเราไม่ได้หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ เราก็เลิกเที่ยวแล้ว ไม่ใช่เพราะว่า โควิด 19 นะ แต่เพราะว่าในเรื่องของสุขภาพ แล้วก็การทำงานที่หนักขึ้นที่ต้องใช้สมองมากขึ้นและมีปัญหาทางด้านการนอนหลับ ทำให้เราตื่นไปทำงานสายทุกวัน ที่เราต้องเลิกเที่ยวเนี่ยเพราะว่าเราสังเกตตัวเองว่าวันไหนที่เราดื่มแล้วเราแฮงค์โอเวอร์ ในวันถัดไป ร่างกายของเราจะรู้สึกเครียด ซึมเศร้า แล้วก็นอนไม่หลับ ใจเต้นแรง เหมือนกับว่ากำลังจะตาย มันเป็นอะไรที่แย่มาก เลยตัดสินใจหยุดการเที่ยว และเพื่อนก็หายไปหมดเพราะว่าเพื่อนพวกนั้นก็มาจากการเที่ยว ถ้าเราเลิกเที่ยวก็ไม่มีเพื่อน แต่เราก็ไม่อะไรหรอกนะ เรารู้อยู่แล้ว
เราเป็นคนที่ตัดความสัมพันธ์กับคนอื่นๆง่ายมาก เราไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เลือกคบหรือเลิกคุย.เหมือนทุกอย่างมันด้านชาไปหมด มีพบก็ต้องมีจาก ทำให้เราตัดสินใจได้เร็วขึ้นแล้วก็ไม่ได้นั่งเสียใจเหมือนเมื่อก่อน โทษตัวเองเหมือนเมื่อก่อน พอเราหยุดปาร์ตี้ไปสักพักอาการแบบนั้นมันก็กลับมาเราก็อยากจะรู้สาเหตุเหมือนกันว่ามันเพราะอะไร อาการของเรา คือการนอนไม่หลับ พอเคลิ้มหลับ กล้ามเนื้อหดเกร็งและเครียด มันจะทำให้ร่างกายกระตุกขึ้นมาให้ตื่น มีเสียงในสมองมันพูดออกมาว่า แกห้ามหลับนะ ถ้าแกหลับ แกต้องหลับไหลตายไปแน่ๆ เรารู้มันบ้ามาก แต่มันได้เกิดขึ้นจริงๆ สุดท้าย มันไม่ได้เกิดแค่ครั้งหรือสองครั้ง มันเกิดขึ้นหลายครั้ง จนบางครั้งกว่าเราจะได้นอน ตี 3:00 น มันทำให้เรามีปัญหา ในการทำงานมากๆ เพราะว่างานของเราเนี่ยไม่สามารถไปทำงานสายได้ เพราะต้องหน้าเป็นตาของโรงเรียน แล้วก็ต้องดูแลเด็กๆ
สุดท้าย แล้วก็โดนผู้บริหาร เรียกไปคุย เกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นทำให้เราเครียดยิ่งกว่าเดิมอีก เราก็ไม่กล้าบอกเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้นเราก็เลยเงียบไว้ ไม่กล้าบอกใคร บอกแค่คนเดียวคือแม่ เราร้องไห้ อย่างทรมานมากในทุกๆคืนที่เรานอนไม่หลับ มันแย่มากจริงๆ เราก็เพิ่งมาสังเกตตัวเองว่า ในตอนที่เราทำงานนั้น การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นปกติว่าแย่แล้ว แต่มันแย่มากกว่าเดิม ใช้เวลาอยู่แต่กับในห้องเรียน สั่งอาหารมากินแล้วให้เขาขึ้นมาส่งเราไม่ออกไปนอกห้องหรือไปคุยกับใครถ้าไม่จำเป็น เราเอาแต่สอน แล้วก็คุยกับนักเรียน ทำงานเอกสารต่างๆ เสร็จตามเป้าหมาย แต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคุณครู ท่านอื่น ทุกคนเห็นความผิดปกติในตัวเราคิดว่าเรานิสัยไม่ดี เพราะด้วยความแปลก จากนั้นก็เริ่มเห็นสายตาแปลกๆจากเพื่อนร่วมงาน คิดว่าเขามองมาที่เรา เรารู้สึกไม่ชอบมันเลย เราไม่ชอบให้ใครมองหน้า เราไม่ชอบ ให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว ความคิดลบๆมันเต็มไปหมด
อารมณ์ของเรามันเปลี่ยนไปมากปกติเราเป็นคนที่ไม่ค่อยโกรธใครง่ายๆ หรือว่ารำคาญใคร แต่มาถึงตอนนี้ตอนที่เรานอนน้อยนอนไม่หลับแล้วก็มีอาการเครียด อารมณ์หงุดหงิดของเรารุนแรงมากบางครั้งก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่มีเหตุผลการร้องไห้ของเรา ก็คิดอยู่ในใจว่าเราเกลียดเกลียดตัวเองที่ไม่ดีพอ เกลียดตัวเองที่แย่ เราไม่ได้โทษคนอื่นหรอกนะที่พวกเขามองเราในสายตาที่แย่ พอเราเริ่มทนไม่ไหว ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เราก็ไปหาหมอบ่อยมาก เพราะกลัวว่าเราจะเป็นโรคอะไรหรือเปล่า สุดท้ายเราก็ไปตรวจทุกอย่าง ร่างกายของเรานั้นปกติดี แม่ก็เลยแนะนำให้ไปหาหมอจิตแพทย์ซึ่งเราก็เห็นด้วยนะมันไม่ผิดหรอกถ้าจะต้องไปพบจิตแพทย์ ถ้าใครรู้ตัวว่ามีอะไรปกติก็ควรจะไปพบนะไม่ต้องกลัว ไม่ได้มีเราคนเดียวที่เป็น
และแล้วเราก็ไปพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งคนเยอะมาก เราได้คิวนอกเวลา นั่งรอหมออยู่สักพัก ก็มีพนักงาน เข้ามาสอบถามเบื้องต้น วัดน้ําหนักส่วนสูง แบบปกติเหมือนโรงพยาบาลทั่วไปและสอบถามความรู้สึกของเราเบื้องต้น ทีนี้ก็ไปนั่งรอ ไม่นานหมอก็เรียกไปคุย หมอก็บอกอาการต่างๆ สรุปแล้วว่าเราเป็นโรคแพนิคแล้วก็เป็นโรคซึมเศร้า แต่ไม่ได้ซึมเศร้าขณะที่จะอยากฆ่าตัวตายนะเป็นซึมเศร้าเบื้องต้น แต่เราคิดว่าตอนนี้เราก็ดีขึ้นแล้วล่ะ เพราะว่าเราได้ทานยามาทั้งหมด 3 เดือน มันมี ผลข้างเคียงของยาเยอะมากมาย แล้วเราก็ได้เปลี่ยนยาทั้งหมด 2 ตัว ทานยาไปได้สัก 1 อาทิตย์แรก มีผลข้างเคียง เช่น ใจสั่น หายใจไม่ออกเหมือนจะเป็นลมแล้วอาการนี้ก็ไปเกิดที่โรงเรียนที่นี้คุณครูทั้งโรงเรียนก็ได้รับรู้ว่าเราเป็นอะไรบางคนก็เข้าใจบางคนก็หาว่าเราคิดมากไปเองซึ่งเราเกลียดมากเลยคำว่าคิดมากไปเอง เพราะว่าตัวเราก็เคยคิดว่าเราคิดมากไปเองหรือเปล่าวะ แต่จริงๆแล้ว มันไม่ใช่ เวลามีความคิดแบบแย่ๆ มันทรมานมากนะ มันไม่ได้ทรมานแค่จิตใจอย่างเดียว มันทรมานไปถึงร่างกาย ร่างกายของเราอ่อนเพลียไม่มีแรง แล้วเป็นกรดไหลย้อน เป็นโรคกระเพาะ มีปัญหาของการหายใจ หายใจติดขัด หายใจไม่เต็มปอด แต่เราไปตรวจอาการทุกอย่างแล้ว หมอบอกว่าร่างกายทุกอย่างปกติดี เราไปโรงพยาบาลหลายครั้ง แต่ก็ได้คำตอบเดิมๆว่าเราร่างกายปกติ
เราสันนิษฐานว่า การที่เราเป็นแบบนี้ ก็เพราะว่า เรามีความเครียดอยู่ในใจ ไม่ปล่อยให้มันไปตามธรรมชาติ เราไปกินแอลกอฮอล์ไปปาร์ตี้เพื่อกดความเครียดเอาไว้สุดท้าย สมองมันก็ยังทนไม่ได้ มันก็เลยสั่งการแบบแปลกๆ ในร่างกายของเราให้ตื่นตัวมากกว่าปกติ นี่แหละคือข้อเสีย แอลกอฮอล์±เครียด ทำลายทุกอย่าง ทำลายสมอง ทำลายหัวใจ การที่เป็นแบบนี้มันก็โชคดีเหมือนกันนะ ที่มันทำให้เรา ได้หยุด ลุ่มหลง สิ่งมึนเมา แล้วก็ใช้ชีวิตแบบปกติ รักสุขภาพตัวเองมากยิ่งขึ้น ฝึกมองโลกในแง่ดี แล้วเวลาเครียด ก็ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ นั่งสมาธิ ฟังเพลง หรือ เล่าให้ใครฟังสักคนนึงเหมือนที่เราเขียน บันทึกตอนนี้ เพราะว่า เราไม่อยากเล่าให้ใครฟัง ปกติเราเป็นคนที่ไม่ชอบพูดอยู่แล้ว ก็เลยเขียนไว้ดีกว่า แต่ในระหว่าง ที่เราเป็นสาวปาร์ตี้นะ เราก็ได้เจอผู้ชายคนนึง เขาเป็นคนต่างชาติ เป็นคนประเทศเยอรมัน เขาทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปเลยแหละ แต่เปลี่ยนไปทางที่ดีหรือแย่ เดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะ แค่นี้ก่อน ขอบคุณนะคะ ที่อ่านจนจบ 🙏🏼😊💗 ถ้าชอบก็ตอมเม้นติดตามกันไปเรื่อยๆนะคะ
1 บันทึก
6
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
พูดคนเดียวกับฉัน
1
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย