9 เม.ย. 2020 เวลา 05:26 • สุขภาพ
ในวิกฤตมีโอกาส
อาตมภาพเพิ่งกลับจากไปปฏิบัติศาสนกิจที่ต่างประเทศ จึงมาปลีกวิเวกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สงบสงัด
ชีวิตสมณะดำรงอยู่ได้ด้วยอาหารบิณฑบาตและการอุปถัมภ์บำรุงของญาติโยม
เมื่อถึงคราวเกิดวิกฤตร้ายแรง ญาติโยมลำบากเดือดร้อน สังคมชาติบ้านเมืองคับขัน สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นธรรมะ ความรู้ คำแนะนำ กำลังใจ ก็ควรให้แบ่งปันกัน เพื่อให้เราสามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็วที่สุดและอย่างดีที่สุด จึงได้แบ่งเวลาจากการสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำความสะอาดเสนาสนะ เขียนบทความต่างๆ เหล่านี้ขึ้น
ในเวลาปกติ คนส่วนใหญ่มักจะหลงเพลินไปกับสิ่งล่อตาล่อใจภายนอก มุ่งหวังอยากได้บ้าน รถยนต์ สินค้าแบรนด์เนม ความคาดหวังกับความเจริญก้าวหน้าในธุรกิจการงาน เงินเดือนรายได้ บ้างก็หมกมุ่นกับการกิน ดื่ม อบายมุข เที่ยวเตร่
วิกฤตโควิดครั้งนี้ ในแง่มุมหนึ่ง เหมือนเป็นการกระตุกผู้คนในสังคมครั้งใหญ่ ให้หยุดคิดถึงคุณค่าและความหมายที่แท้จริงของชีวิต วิถีชีวิตที่เคยดำเนินมานั้นมันใช่หรือไม่
ภาพชาวจีนที่ต้องถูกกักตัวอยู่ในบ้านเป็นเดือนๆ มีญาติพี่น้องติดเชื้อ แล้วเอาเงินเก็บในตู้เซฟโปรยลงจากตึกคอนโดที่พัก เหมือนเศษกระดาษ ลอยว่อนเต็มท้องฟ้า ภาพชาวจีนที่ติดเชื้อล้มบนฟุตบาท ช่วงเริ่มต้นที่สถานการณ์ในอู่ฮั่นยังวิกฤตแล้วไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย ต้องนอนบนถนนรอรถพยาบาล แล้วเอาเงินที่พกมาโปรยทิ้งไปรอบตัว เพราะตระหนักแล้วว่าในยามคับขันเป็นตาย เงินทองที่ทุ่มเทและพยายามสั่งสมมาหลายสิบปีมันช่วยชีวิตเขาไม่ได้เลย
ชาวจีนโปรยเงินเหมือนเศษกระดาษ ลอยว่อนเต็มท้องฟ้า
ในยามนี้ หากเราได้หยุดคิดตรึกตรอง จะเข้าใจว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งความรู้ ทรัพย์สิน ยศศักดิ์ ชื่อเสียงเกียรติยศ แล้วทำไมพระองค์จึงทรงสละสิ่งเหล่านี้ออกบวช
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
“ท่านทั้งหลาย จงมาดูโลกนี้อันตระการ ดุจราชรถอันประดับแล้ว อันคนเขลาหมกอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องอยู่ไม่”
ขอให้เรามาปรับเข็มทิศการดำเนินชีวิตของเราอีกครั้ง บนแนวทาง 3 ประการ
1.ให้ความสำคัญกับครอบครัว ให้เวลา ให้ความอบอุ่น ในยามวิกฤตเราจะพบว่า ผู้ที่จะอยู่เคียงข้างเราอย่างแท้จริงก็คือ สมาชิกในครอบครัวเรานั่นเอง และมีน้ำใจกับทุกคน อะไรที่เราพอจะช่วยเหลือกันได้ ไม่ว่าจะเป็นกำลังกาย กำลังใจ กำลังความรู้ ความคิดสติปัญญา ช่วยเหลือและแบ่งปันกันเถิด พลังน้ำใจซึ่งกันและกันนี้แหละ จะช่วยเราประคับประคองกันผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือ ความหมายของ “การให้ทาน”
2.สำรวจรายจ่ายของเราอย่างละเอียดอีกครั้ง รายจ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าบุหรี่ เหล้าเบียร์ อบายมุขทุกชนิดต้องทิ้งหมด ไม่ทำอะไรที่เดือดร้อนคนอื่นเดือดร้อนตัวเอง ซึ่งคือความหมายของ “ศีล” เราต้องใช้เงินทองทุกบาททุกสตางค์ให้คุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุด
ต้องคิดถึงคนในครอบครัวมากๆ อย่าทำตามใจตัวเอง เอาเวลาที่มีเหลือเพิ่มขึ้นมาใช้ในการทำความสะอาดบ้าน ซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทรุดโทรม และหาทางเพิ่มรายได้ หาช่องทางใหม่ๆ ในการทำงาน ทั้งด้านงานออนไลน์และอื่นๆ อะไรที่ยังไม่รู้ก็ต้องตั้งใจศึกษาเรียนรู้จริงๆ ให้ทำได้ แล้วพอทำไปสักพักก็จะคล่องเก่งขึ้น ถ้าบ้านเราพอมีที่อยู่บ้าง แม้ไม่มาก ปลูกพืชผักสวนครัว เพียง 2 สัปดาห์ก็กินได้ กล้วยใช้เวลาราว 9 เดือน สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดรายจ่าย
3.ชวนสมาชิกในครอบครัวสวดมนต์ นั่งสมาธิกันทุกวันด้วย ในภาวะวิกฤติ หลายคนกังวลจะตกงานไหม บ้างก็ตกงานแล้ว ตนจะอยู่จะกินอย่างไร ธุรกิจที่ทำอยู่จะรอดไหม หนี้สินจะทำอย่างไร ถ้าติดเชื้อมาจะทำอย่างไร ฯลฯ มีเรื่องให้กังวลสารพัด ซึ่งกังวลมากไปก็ไม่มีประโยชน์ รังแต่บั่นทอนกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญาของตนเอง ให้ถือหลักว่า
“คิดอะไรไม่ออก ให้ออกจากความคิด
ทำจิตให้สงบ แล้วจะพบทางออก”
การสวดมนต์นั่งสมาธิ ที่ดูเผินๆ เหมือนไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรนี่แหละ จะช่วยเราให้แก้ปัญหาได้อย่างดีที่สุด
เมื่อใจสงบ ดวงปัญญาจะเกิด พอใจนิ่ง จะมองเห็นช่องทางในการแก้ปัญหาผุดขึ้นมาชัดเลย แล้วแก้ปัญหาได้ดีกว่าเดิม นอกจากนี้การทำสมาธิยังเป็นทางมาแห่งบุญที่เรียกว่า “ภาวนามัย” เมื่อมีบุญหนุนส่ง การแก้ปัญหาก็จะง่ายขึ้น ได้ผลสำเร็จเป็นอัศจรรย์
เคยมีญาติโยมที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ เมื่อคราววิกฤตลดค่าเงินบาท เดือดร้อนมากเพราะไปกู้เงินนอกมาจำนวนมาก พอเงินบาทลดค่า ธุรกิจขาดทุนหมด คำนวณแล้วหุ้น บ้าน รถ ที่ดิน ทรัพย์สินที่มีทุกอย่างยังไม่พอใช้หนี้ พูดง่ายๆ คือหมดตัวแล้ว แต่เมื่อหลวงพ่อแนะนำให้แก้ปัญหาโดยทำสมาธิ เคารพท่าน เชื่อฟังท่าน จึงทำตาม สุดท้ายพอใจนิ่ง ก็เกิดความคิดสว่างโพลงขึ้นมาในใจ แก้ปัญหาได้หมด ธุรกิจกำไรมากกว่าก่อนเกิดวิกฤตถึง 5 เท่า
ขอให้พวกเราทุกคนมั่นใจเถิดว่า ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา คุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองรักษาทุกคนอยู่ ขอให้ปฏิบัติตามหลัก ทาน ศีล ภาวนา ตามที่กล่าวข้างต้น เราจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน อย่างรวดเร็ว และดีที่สุดด้วย และสังคมไทยจะยกระดับการพัฒนาสูงขึ้น เศรษฐกิจกับจิตใจจะเติบโตพัฒนาไปคู่กัน ประเทศไทยจะเป็นปิ่นนานาประเทศ เป็นแบบอย่างแก่สังคมโลก
ขอให้บุญรักษาทุกๆ คน
พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา