10 เม.ย. 2020 เวลา 08:54 • สุขภาพ
คุมโควิดอยู่ โดยไม่ต้องเคอร์ฟิว
เกาหลีใต้ทำได้อย่างไร
ท่ามกลางการระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโควิด-19 สถานการณ์บังคับให้ประเทศมหาอำนาจของโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี สเปน ต้องมีคำสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน ธุรกิจ โรงงานปิดเป็นทิวแถว แต่ก็ยังคุมการระบาดไม่ค่อยจะอยู่ ได้แต่ชะลอความเร็วในการระบาดลงบ้าง และการเคอร์ฟิวถ้าทำนานก็ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจมาก จะยกเลิกก็ยังไม่ได้ เพราะยังคุมเชื้อไม่อยู่
มีประเทศหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมา สื่อมวลชนในตะวันตกยกย่องชื่นชมและเรียกร้องให้รัฐบาลเอาเป็นแบบอย่าง คือ ....
เกาหลีใต้
เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ในเกาหลีใต้เกิดกรณี super spreader จากคุณป้าคนหนึ่งที่ติดเชื้อแล้วไม่ยอมบอก ไปร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมายคล้ายกรณีสนามมวยในประเทศไทย ทำให้จำนวนคนติดเชื้อในเกาหลีใต้พุ่งสูงขึ้น จนมากเป็นอันดับสองของโลก รองจากประเทศจีน
แต่เกาหลีเอาอยู่โดยไม่ต้องเคอร์ฟิว ธุรกิจโรงงานยังเปิดทำการได้ ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวัน น้อยกว่าผู้ป่วยที่หายออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน ผู้ที่ยังติดเชื้ออยู่จริง(active case) ในเกาหลีใต้จึงลดลงเรื่อยๆ ในวันที่ 10 เมษายน 2563 มีผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 27 คน ผู้ติดเชื้อสะสม 10,450 คน รักษาหายแล้ว 7,117 คน เหลือที่ยังรักษาอยู่ 3,125 คน โมเดลเกาหลีนี้จึงน่าสนใจมาก ที่ไทยเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้
วิธีควบคุมการระบาดของเกาหลีใต้
1.วิสาหกิจเอกชนได้ใช้ AI ช่วยการพัฒนาชุดตรวจไวรัสออกมาได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว และทางรัฐบาลได้ตรวจสอบให้การรับรองอย่างรวดเร็วภายในเพียง 1 สัปดาห์ ทั้งที่ปกติจะใช้เวลาในการตรวจสอบรับรองราว 1 ปี
2.รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนว่า ต้องการตรวจสอบหาผู้ติดเชื้อให้ได้ครอบคลุมที่สุด เพื่อจะได้ควบคุมการระบาดให้อยู่ให้ได้ โดยไม่ห่วงหน้าพะวงหลังว่า ถ้าตรวจมากจะเจอผู้ติดเชื้อมาก จะเสียภาพลักษณ์ในสายตาชาวโลก สังคมจะตกใจ
จนถึงวันที่ 10 เม.ย. เกาหลีใต้ตรวจหาเชื้อไปแล้ว 503,051 คน พบผู้ติดเชื้อ 10,450 คน คิดเป็น 2% ของผู้ที่ตรวจ และเสียชีวิต 208 คน คิดเป็น 2% ของผู้ที่ติดเชื้อ
จะเห็นได้ว่าอัตราการตรวจพบผู้ติดเชื้อของเกาหลีต่ำมากเพราะตรวจเยอะ เจอใครมีโอกาสติดเชื้อ จะตรวจคนรอบข้างที่มีส่วนสัมผัสด้วยหมด ตรวจให้ครอบคลุมที่สุด ทำให้ผู้ติดเชื้อทั้งที่อาการหนัก อาการเบา จนถึงไม่มีอาการ ถูกตรวจพบและควบคุมโรคได้เกือบหมด
อัตราการเสียชีวิตของเกาหลีใต้จึงต่ำมาก เพียง 208 คน เท่ากับราว 2% ของจำนวนผู้ติดเชื้อเท่านั้น
ในขณะที่ประเทศอื่นๆ อย่างสหรัฐอเมริกา อิตาลี อังกฤษ อัตราการตรวจพบผู้ติดเชื้อราว 20% ของจำนวนผู้ที่ตรวจ ในฝรั่งเศสยิ่งแล้วใหญ่ ตัวเลขอัตราการตรวจพบผู้ติดเชื้อสูงถึง 50% เพราะตรวจได้ไม่ครอบคลุมเพียงพอ ทำให้อัตราการเสียชีวิตในอิตาลี อังกฤษ ฝรั่งเศสสูงกว่า 10% ในอเมริกาตัวเลขผู้เสียชีวิตก็สูงขึ้นถึง 16,697 คนแล้ว เพราะคนที่ตรวจพบเชื้อส่วนใหญ่เป็นคนที่อาการหนักแล้ว
3.รัฐบาลวางแผนไว้ดี เมื่อเป้าหมายต้องการตรวจหาผู้ติดเชื้อให้เจอให้หมด และนำมาดูแลรักษาจนกว่าจะหาย รัฐบาลก็เตรียมการรับผู้ป่วยจำนวนมาก โดยให้ผู้ติดเชื้อที่อาการน้อย ไปพักรักษาตัวที่โรงแรมหรือหอพักที่ทางรัฐบาลประสานจัดเตรียมไว้ให้ โดยจัดชุดหมอพยาบาลดูแล และรัฐบาลรับผิดชอบค่าตรวจเชื้อและค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด
ในอเมริกา แม้ภายหลังมีนโยบายให้ตรวจฟรี แต่ถ้าพบว่าป่วย ค่ารักษาก็ต้องจ่ายเป็นล้านบาท คนจึงไปตรวจน้อย การควบคุมโรคจึงไม่ได้ผลดีเหมือนเกาหลีใต้ เพราะนโยบายที่ไม่ได้คิดให้ตลอดสาย
4.ใช้ application เปิดเผยเส้นทางการเดินทางในช่วงที่ผ่านมาของผู้ติดเชื้อทั้งหมดสู่สาธารณะ และให้ผู้ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ติดเชื้อตรวจหาเชื้อ แม้ผลออกมาเป็นลบ ก็ให้กักตัวอยู่ที่บ้าน 14 วัน เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนจากการตรวจหาเชื้อ
5. รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลการทำงานอย่างโปร่งใส ทั้งความคืบหน้าของการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ การตรวจหาเชื้อ การเตรียมการป้องกันแก้ปัญหา มาตรการที่จะประกาศใช้ ทำให้ประชาชนเกิดความไว้วางใจเชื่อถือในรัฐบาลสูง เมื่อทางรัฐบาลประกาศขอความร่วมมือเรื่องอะไร จึงได้รับความร่วมมือสูง ไม่มีกรณีการแย่งกันซื้อกักตุนอาหารข้าวของ
6. เมื่อนโยบายชัดเจนและวางแผนดี ทำให้ควบคุมการระบาดได้อยู่ เกาหลีใต้จึงไม่ต้องมีการประกาศปิดเมือง หรือการห้ามออกจากบ้าน
นอกจากนี้ทางรัฐบาลยังสนับสนุนการทำงานจากที่บ้าน (work from home) โดยธุรกิจ SME ที่ลงทุนสร้างระบบเน็ตเวอร์ค และระบบการรักษาความปลอดภัยทาง IT เพื่อรองรับการทำงานจากบ้าน ทางรัฐบาลจะออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าการคุมการระบาดของไวรัสอาจต้องใช้เวลานาน กว่าสถานการณ์ทั่วโลกจะสงบ กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการสื่อสารของเกาหลีใต้ จึงสนับสนุนการวิจัยการใช้เทคโนโลยี 5G เทคโนโลยี VR/AR และโฮโลแกรม เพื่อให้การทำงานทางไกลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เมื่อ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 มีเพียง 3% ของธุรกิจเอกชนในเกาหลีใต้ที่มีระบบทำงานทางไกล แต่การระบาดของไวรัสครั้งนี้ บังคับให้ธุรกิจต่างๆ ต้องพัฒนาระบบทำงานทางไกลอย่างจริงจัง และคาดว่าจะทำให้สังคมเกาหลีใต้มีการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลครั้งใหญ่ ทั้งการทำงาน การเรียน การค้าออนไลน์ ภายใต้การสนับสนุนอย่างจริงจังของรัฐบาล
ประเทศไทยจะไปทางไหน
ประเทศไทยดูเหมือนกำลังพยายามเดินตามแนวทางเกาหลีใต้ ระบบการแพทย์และสาธารณสุขของไทยก็ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง สมกับที่ได้รับยกย่องว่าดีที่สุดในเอเชียและเป็นอันดับ 6 ของโลก ทำให้เราควบคุมการระบาดได้ดีในระดับหนึ่ง จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ เริ่มลดลงคุมอยู่ในระดับเพิ่มขึ้นวันละ 2-3% ซึ่งถ้าคุมอัตราการเพิ่มของผู้ติดเชื้อใหม่ให้ต่ำกว่า 2% ได้ ผู้ป่วยที่หายออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน จะมากกว่าผู้ติดเชื้อใหม่ ยอดผู้ที่ยังติดเชื้ออยู่(active case) จะลดลงเรื่อยๆ จนเชื้อนี้หมดไปจากประเทศไทยได้
แต่เราต้องไม่ประมาท สิ่งที่รัฐบาลควรทำอย่างยิ่งตอนนี้ คือ การประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เป็นเวลา 1 เดือน เป็นมาตรการที่ง่าย ชัดเจน และได้ผลมาก ประเทศอื่นเขาเพียงปิดบาร์ ผับ ร้านอาหาร คนก็ไม่มั่วสุมดื่มเหล้า แต่วัฒนธรรมของไทยไม่เหมือนคนอื่น คนไทยจำนวนมากชอบตั้งวงสังสรรค์ที่บ้าน ซึ่งจะเป็นแหล่งเพาะการระบาดของโรคที่น่ากลัวมาก
ขณะนี้มี 10 กว่าจังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานคร ที่ประกาศห้ามขายเครื่องดื่มมึนเมา ทำไมรัฐบาลไม่ประกาศเป็นนโยบายทั้งประเทศ ซึ่งจะได้ผลชัดเจนครอบคลุมกว่า ประชาชนลำบากเดือดร้อนแสนสาหัสกันทั่วประเทศแล้ว รัฐบาลต้องไม่มามัวลูบหน้าปะจมูก เกรงใจใครแล้ว อย่าให้พลาดเหมือนกรณีสนามมวย และผับ เราจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีก อย่าให้คนส่วนน้อยที่ไม่รับผิดชอบ ทำให้คนส่วนใหญ่ในสังคมต้องเดือดร้อนยิ่งไปกว่านี้ ร้านค้าธุรกิจต่างๆในห้าง ในตลาด รัฐบาลยังสั่งปิดหมด ยกเว้นอาหาร แล้วทำไมไม่ห้ามขายเหล้า ซึ่งเป็นสาเหตุการแพร่ระบาดได้มาก
#หยุดขายเหล้า หยุดเชื้อ เพื่อชาติ
เกาหลีใต้ใช้เวลา 20 วัน ในการควบคุมการระบาดของโรคจนอยู่ ดังนั้นประเทศไทยเรา ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือช่วยกันจริงๆ เรามีโอกาสหยุดไวรัสโควิดได้ภายในเดือนเมษายนนี้
ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยปกปักรักษาประเทศไทยและชาวโลก
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา