13 เม.ย. 2020 เวลา 07:30
4 จตุรอาชาแห่งวันสิ้นโลก
ตั้งแต่ในอดีตกาลจนถึงปัจจุบัน มนุษยชาติมักจะมีความเชื่อในเรื่องของวันสิ้นโลกมาโดยตลอด เช่น ตำนานเรือยักษ์โนอาห์ ที่ปัจจุบันนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาให้นักวิจัยถกเถียงกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดหรืออย่างปี 2012 ที่ผู้คนพากันแตกตื่นตกใจว่ามันจะสิ้นโลกตามคำทำนายของปฏิทินมายัน แต่เหตุการณ์ที่ว่าก็ผ่านไปอย่างเงียบกริบชนิดที่เรียกได้ว่ามีมุขตลกของพวกชาวต่างชาติเอามาแซวว่า “หากในอนาคตคุณมีลูกก็ให้เปิดภาพยนตร์เรื่อง 2012 ให้ดูแล้วบอกพวกเขาว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และ หากลูกคุณถูกคนอื่นมองว่าเป็นเรื่องเหลวไหลก็ให้บอกพวกเขาไปเสียว่าคนเหล่านั้นโดนล้างสมองจากเอเลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว”
แต่ดูเหมือนว่าอีกตำนานหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานมาโดยตลอดในพระคัมภีร์ศาสนาคริสต์ ที่ยังไม่มีใครสามารถถอดความของมันได้นั่นคือการคงอยู่ของเหล่า ‘คนม้าทั้งสี่’ หรือ 4 Horsemen of the Apocalypse ที่เราจะมากล่าวถึงกัน
.
โดยในตำนานได้ระบุเอาไว้ว่า พระเจ้าจะทรงเปิดผนึกออกมาทีละดวงเพื่อนำเอา 4 จตุอาชาออกมาใช้ในยามที่โลกถึงวันพิพากษา (Judgement Day) โดย 4 จตุรอาชานี่แหละครับที่จะนำมนุษย์ไปสู่วันสิ้นโลกอย่างแท้จริง เรามาทำความรู้จักกับพวกเขากันดีกว่าว่า 4 อาชาที่ว่ามีใครกันบ้าง
โรคระบาด (Pestilence หรือ Plague)
ในพระคำภีร์ระบุเอาไว้ว่า “ข้าพเจ้าได้ยินหนึ่งในสิ่งมีชีวิตทั้งสี่กล่าวขึ้นมาด้วยเสียงเหมือนฟ้าร้องว่า “มาเถิด” ข้าพเจ้ามองไปเห็นม้าข้าวตนหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า ผู้ขี่ม้านี้ถือธนู เขาได้รับมงกุฏแล้วควบม้าไปอย่างผู้พิชิตที่ตั้งใจออกไปพิชิตศึก”
.
จตุรอาชาคนแรกก็คือ โรคระบาด (Pestilence) ที่จะเกิดขึ้นและนำความทุกข์อย่างยิ่งยวดมาสู่มนุษยชาติจากการแพร่กระจายของเชื้อร้าย จนในที่สุดเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทนได้ผนึกดวงที่ 2 ก็จะทำงานทันทีและ จตุรอาชาคนที่สองก็จะออกมาโลดแล่นอยู่ในดินแดนแห่งคนเป็นนั่นก็คือ
สงคราม (War)
ในพระคำภีระบุถึงการมาของเขาเอาไว้ว่า “เมื่อพระเมษทรงโปรดแกะดวงตราที่สอง ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สองกล่าวออกมาว่า “มาเถิด” แล้วม้าอีกตนที่มีสีแดงเพลิงก็ปรากฏออกมา ผู้ขี่ม้านี้ได้รับอำนาจที่จะนำสันติภาพไปจากโลกและทำให้มนุษย์เข่นฆ่ากัน”
.
จากตำนานดังกล่าวนั้นผู้ที่ได้ชื่อว่า สงคราม (War) ก็คือผู้ที่นำสงครามมายังโลกมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการเข่นฆ่ากันเพื่อชิงดินแดน การรักษาอาณาเขตต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจาก War ทั้งสิ้น เมื่อสงครามเกิดขึ้นแล้วแน่นอนที่สุดว่าย่อมต้องมีการนำเอางบประมาณไปใช้ สิ่งที่จะต้องตามมาอย่างเห็นได้ชัดก็คือความอดอยากที่จะนำมาซึ่ง 4 จตุรอาชาคนที่สาม
ความอดอยาก (Famine)
1
ในคำภีร์กล่าวเอาไว้ว่า “เมื่อพระเมษทรงโปรดแกะดวงตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตคนที่สามกล่าวขึ้นมาว่า “มาเถิด” ข้าพเจ้ามองเห็นม้าสีดำตัวหนึ่งอยู่ข้างหน้า ผู้ขี่ม้านี้ชูตราขึ้นมาแล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากสิ่งมีชีวิตนี้ว่า ข้าวสาลี ลิตรละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบาร์เลย์สามลิตรหนึ่งเดนาริอัน แต่อย่าทำให้น้ำมันและเหล้าองุ่นเสียหาย”
.
ผู้ขี่ม้านี้เป็นตัวแทนของความอดอยากดังจะเห็นได้ว่าพอปรากฏตัวออกมาก็ขายของก่อนเลย (ขี้งกนะเนี่ย) เป็นผลพวงที่เกิดจากการทำสงครามระหว่างมนุษยชาติด้วยกันเองจนทรัพยากรที่มีต้องหายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งในช่วงเวลาที่มนุษย์ไม่มีอันจะกิน 4 จตุรอาชาคนสุดท้ายจะปรากฏตัวออกมา นั้นก็คือ
ความตาย (Death)
จตุรอาชาคนสุดท้ายที่ทรงพลังมากที่สุดในบรรดาผู้ขี่มาทั้ง 4 ตน โดยในพระคำภีร์ไบเบิ้ลได้กล่าวถึงเขาเอาไว้ว่า “เมื่อพระองค์ทรงแกะดวงตราที่สี่ ข้าพเจ้าได้ยินเสียง “มาเถิด” ข้าพเจ้าเห็นม้าสีเขียวหม่นตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า ผู้ขี่ม้านี้ชื่อว่าความตาย”
.
จะเห็นได้ว่าผู้ขี่ม้าตนนี้เป็นหนึ่งในอาชาที่น่ากลัวที่สุด น่ากลัวมากกว่าพี่น้องทั้ง 3 ของตนและทรงพลังยิ่งกว่าผู้ใด เพราะจตุรอาชาคนนี้จะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อ ทั้ง 3 พี่น้องออกมาอาละวาดในโลกมนุษย์เรียบร้อยแล้ว และจะเป็นผู้ที่นำพาความตายมาสู่โลกมนุษย์ในที่สุดเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจในการล้างโลก
อย่างไรก็ตามเรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงความเชื่อเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นเพราะหากมองถึงในแง่แห่งความเป็นจริงแล้วละก็มนุษย์ชาติอาจจะกำลังได้เผชิญหน้ากับเหล่า 4 จตุรอาชาอยู่จริง ๆ ก็ได้เพราะในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย การแก่งแย่งชิงดีกันระหว่างประเทศจนเกิดเป็นสงคราม ความอดอยากที่เกิดขึ้นในบริเวณประเทศโลกที่ 3 หรือแม้กระทั่งความตายในปัจจุบันที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในสังคมก็อาจจะเป็นสิ่งที่ตีความได้ว่า 4 จตุรอาชายังคงไม่ได้ไปไหนไกล ๆ จากชาวโลกเลยแม้แต่น้อย คำถามที่สำคัญก็คือแล้วเราจะหยุดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้อย่างไร แน่นอนครับความตายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครยับยั้งได้ แต่คุณสามารถ ยุติสงคราม โรคระบาด และความอดอยากได้ เพียงแค่คุณหันมาใส่ใจคนรอบข้างให้มากขึ้นเท่านั้น
ลิงก์ที่มา: https://bit.ly/2Xy33Vx

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา