25 เม.ย. 2020 เวลา 13:00 • ประวัติศาสตร์
เฮสเทีย: เทพีผู้ดูแลเตาไฟ
เมื่อกล่าวถึงตำนานเทพเจ้ากรีกละก็แทบทุกที่มักจะต้องเริ่มต้นเรื่องราวความเป็นมาของพวกเขาจากมหาเทพซุสผู้เป็นใหญ่บนสวรรค์ก่อนเสมอ จนบางครั้งเราอาจหลงลืมไปว่าเขานี่แหละคือน้องเล็กสุดในบรรดาบุตรและธิดาแห่งโอลิมเปียนซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาโดยมีโครนอสเป็นเทพบิดา
.
ด้วยเหตุนี้เองผมจึงอยากจะนำเอาตำนานของเทพีเฮสเตียมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นการเปิดฉากตำนานเทพเจ้าทั้ง 12 องค์ก่อนเนื่องจากนางถือเป็นลูกสาวคนโตสุดของโครนอสและมีประวัติที่น่าสนใจมิใช่น้อย
คุณป้าใจดีผู้ขอครองความโสดชั่วนิรันดร์
เฮสเทียคือเทพีองค์โตในบรรดาบุตรและธิดาทั้ง 6 องค์ของเทพโครนอสโดยนางถูกผู้เป็นพ่อกลืนเข้าไปเป็นองค์แรกก่อนจะขย้อนออกเป็นองค์สุดท้าย นั่นเลยทำให้ในสายตาของซุสและบรรดาพี่น้องทั้งหมดมองนางเป็นน้องอยู่เสมอ
.
ทั้งนี้เทพีเฮสเทียไม่ค่อยปราถนาจะมีชีวิตคู่เท่าไหร่นักซึ่งถ้าหากเราวิเคราะห์เอาจากเหตุการณ์ที่นางเคยเจอก็พอจะเข้าใจได้อยู่ครับ ยกตัวอย่างเช่น ตอนซุสคว้าชัยชนะจากเหล่าไททันส์มาหมาดๆ มหาเทพผู้นี้ก็ตัดสินใจสมรสกับเทพีเมธิส (เทพีแห่งปัญญาและการวางแผนชีวิต) ทันทีเพื่อบรรเทาความบาดหมางระหว่างเทพยุคใหม่กับพวกไททันส์ แต่พอซุสรู้เขาว่าเทพีเมธิสท้องลูกซึ่งอาจโค่นล้มผู้เป็นพ่อได้ในอนาคตเขาก็รีบกลืนนางลงท้องไปทันที
.
พอสิ้นเมธิสไปซุสก็จัดงานแต่งครั้งใหม่กับเทพีทีทิสผู้เป็นป้าของตัวเองซึ่งผลสรุปก็คือมันออกมาไม่เวิร์คอีกตามเคย ด้วยเหตุนี้เองพอ โพไซดอน และ อพอลโล เดินทางไปขอเฮสเทียจากซุสมาเป็นภรรยาบ้าง นางจึงได้วิงวอนต่อมหาเทพว่าขอให้นางคงความโสดไปชั่วนิรันดร์
.
ซึ่งมหาเทพซุสก็ยินยอมแต่โดยดีและตั้งให้นางเป็นเทพีผู้ดูแลเตาไฟบนภูเขาโอลิมปัสไปตลอดกาล ทั้งนี้เชื่อกันว่านางไม่สนใจบรรลังค์สวรรค์เลยแม้แต่น้อยเพราะเทพีเฮสเทียได้ยกเก้าอี้ของตัวเองให้กับเทพหนุ่มไดโอนิซุสแทน
เกือบถูกจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติข่มขืน
เฮสเทียนั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเทพีที่ครองตัวได้ดีมากๆ เลยละครับในเรื่องของความโสด แต่กระนั้นมันก็มีเรื่องเกิดขึ้นเมื่อนางเกิดเมาในงานเลี้ยงของเทพก่อนจะหลบออกมานอนนอกเขาโอลิมปัสโดยมีลาตัวหนึ่งอยู่เป็นเพื่อน
.
ประเด็นคือมันดันมีจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติซึ่งเป็นเทพชั้นต่ำมาเห็นนางเขาแล้วเกิดอารมณ์อยากได้นางเป็นภรรยาขึ้นมาเลยตรงเข้าไปหมายจะปลุกปล้ำ เคราะห์ดีที่เทพีเฮสเทียรู้ตัวก่อนเลยร้องให้เทพองค์อื่นมาช่วยและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติบางตนก็ไม่เป็นที่ต้อนรับบนโอลิมปัสอีกเลย
กองไฟศักสิทธิ์
ทั้งนี้นอกจากหน้าที่ดูแลเตาไฟแล้วตำนานบางส่วนยังกล่าวอีกด้วยว่าในตอนที่ โพรมิธีอุส นำไฟจากสวรรค์ลงมามอบให้พวกมนุษย์นั้นนางก็มีส่วนรู้เห็นด้วย (เพราะเฮสเทียมักจะนั่งอยู่ข้างเตาเสมอ) แต่กระนั้นซุสกลับเลือกลงโทษโพรมิธีอุสแต่เพียงผู้เดียว โดยจับไททันส์องค์นี้ไปแขวนเอาไว้กับก้อนหินก่อนจะให้เหยี่ยวบินลงมาจิกตับกินทุกวันก่อนอวัยวะดังกล่าวจะงอกใหม่ในวันรุ่งขึ้นวนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
.
ซึ่งผลจากการที่ โพรมิธีอุส ขโมยไฟแห่งทวยเทพลงไปให้กับมนุษย์นั้นมันก็ทำให้ขอบเขตงานของเทพีเฮสเทียขย้ายกว้างมากขึ้นเพราะนอกจากกองไฟของเหล่าทวยเทพแล้ว นางยังต้องดูแลเตาของมนุษย์โลกอีกต่างหาก
.
เหตุนี้เองชาวกรีกโบราณและชนชาติโรมันบางส่วนจึงเชื่อว่าเตาไฟคือสถานที่ศักสิทธิ์สำหรับพวกเขาเนื่องจากบริเวณนั้นมีเทพีเฮสเตียเป็นผู้ดูแล เพราะฉะนั้นจึงไม่ค่อยมีใครกล้าหาเรื่องกันแถวๆ เตาไฟเท่าไหร่เพื่อป้องกันการโดนสาปแช่งจากเหล่าเทพเจ้าและนิยมบูชาเทพีองค์นี้อยู่เสมอนั่นเอง
1
ลิงก์: https://bit.ly/3589IaL

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา