25 เม.ย. 2020 เวลา 10:31 • ธุรกิจ
สวัสดีวันเสาร์ที่ฝนตกจ้า วันนี้ดีใจจัง มีคนกด Like กดติดตาม “เพจแก๊ง 4 โมง - By เฮียใช้” ถึง 600 คนแล้ว (ตอนแรกคิดว่ามีคนอ่าน 10-20 คน เฮียก็ดีใจนอนไม่หลับแล้วครับ 😁😁)
วันนี้ไม่มีตลาดให้พวกเราลุ้นนะครับ แต่เฮียทนคิดถึงแฟนเพจไม่ไหวเลยขอเข้ามาโพสต์อะไรนิดหน่อย ❤️ ตอนนี้เพจ “แก๊ง 4 โมง - By เฮียใช้” ก็เปิดมาได้เดือนกว่าๆแล้วนะครับ สำหรับเซียนหุ้นที่เพิ่งเข้ามาติดตาม เฮียเปิดเพจนี้เพราะที่ทำงานโดนสั่งปิดชั่วคราวกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 😭😭😭 เฮียต้องต้อง Work From Home แล้วเวลามันเหลือไงครับ เลยคิดว่าจะทำอะไรฆ่าเวลาตอนที่อยู่บ้านไปเรื่อยๆ (เฮียดู Netflix จนจะพูดภาษาเกาหลีได้อยู่แล้วครับตอนนี้) สุดท้ายก็เลยมาลองเขียนเพจหุ้นดูเพราะยังไงๆเราก็เทรดเกือบทุกวันอยู่แล้ว น่าจะมีอะไรเขียนและแบ่งปันให้กับคนอื่นได้ แถมถ้าโชคดีอาจจะได้เจอคนที่ชอบเทรดเหมือนกัน เพจนี้จะได้เป็นพื้นที่ให้คนมาพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับตลาดหุ้น เป็นที่แสดงความดีใจ หรือเป็นที่ปลอบใจให้เพื่อนๆเวลาเจอตลาดมัน &%%$$^ เพจ “แก๊ง 4 โมง - By เฮียใช้ “ จะได้เป็นสื่อกลางให้กับเซียนหุ้นทุกท่านในการลงทุน
เรื่องที่เฮียอยากเขียนในวันนี้คือ การที่เราจะประสบความสำเร็จในการลงทุน เฮียคิดว่าเราต้องค้นหาตัวตนของเราให้เจอก่อนว่าเราเป็นนักลงทุกประเภทไหน เพราะพวกเราจะได้เลือกใช้กลยุทธ์ในการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเราที่สุด จากประสบการณ์ของเฮียนะครับ เฮียอยากแบ่งประเภทนักลงทุนออกเป็น 2 ประเภทหลักๆดังนี้ ❤️
1. นักเก็งกำไร 🤑 เฮียว่านักลงทุนส่วนใหญ่ที่เฮียเจอเป็นนักลงทุนกลุ่มนี้เลยนะครับ นักลงทุนกลุ่มนี้จะไม่ให้ความสำคัญกับพื้นฐานของหุ้นมากเท่ากับโอกาสในการทำกำไรระยะสั้น (เช่นแม้ว่าเรารู้ว่าหุ้นที่กำลังจะซื้อมันแพงแล้ว แต่แรงซื้อยังเข้ามาไม่ตก เราก็เลยโดดเข้าไปเล่นตามน้ำ อารมณ์ซื้อแพงเพื่อขายแพงกว่า 😁) นักลงทุนประเภทนี้ควรคิดไว ทำไว ใจถึง ไม่ลังเลที่จะได้และเสียนะครับ หากคนที่ทำใจ Cut Loss ไม่ได้ หรือไม่กล้าโดดเข้าหุ้นตอนที่ตลาดไล่ขึ้นไปแรงๆ เฮียว่านักลงทุนกลุ่มนี้ไม่ควรเล่นเก็งกำไรเกิน 30-50% ของเงินลงทุนที่มี ที่สำคัญที่สุดอีกเรื่องนึงคือ นักลงทุนกลุ่มนี้ควรมีความรู้ทาง Technical บ้าง (ไม่ว่าจะเก่งหรือไม่เก่งก็ตาม) แต่ต้องพอรู้เรื่องบ้าง เพราะระดับราคาหุ้นระยะสั้นๆหลายๆครั้งจะมีความสอดคล้องกับ Technical ประเภทต่างๆ
2. นักลงทุนตามพื้นฐาน หรือนักลงทุนที่เน้นหุ้นคุณค่า (Value Investor นั่นแหละครับ) เพื่อนๆเฮียส่วนใหญ่มักจะอ้างตัวว่าเป็น VI แต่การซื้อหุ้นที่มันขึ้นมาเต็มมูลค่าแล้ว (หรือมองมูลค่าในอนาคตที่ยังไม่แน่นอนแล้วบอกตัวเองว่า ฉันคือ VI) เฮียว่านักลงทุนกลุ่มนี้เข้าใจผิดนะครับ นักลงทุนประเภทนี้จะต้องแม่นยำในพื้นฐานของกลุ่มธุรกิจที่จะเข้าซื้อ และเข้าซื้อตอนที่ตลาดยังไม่ให้ไล่ราคาขึ้นไปอย่างรุนแรง นักลงทุนประเภทนี้ต้องพร้อมจะถือหุ้นไประยะยาว 3-5 ปีเป็นขั้นต่ำ และอดทนรอได้จนกว่าอนาคตที่คาดไว้จะเกิดขึ้นจริงๆ (เฮียไม่เห็นด้วยกับการซื้อหุ้นแถว 1,600 จุดแล้วอ้างว่าตัวเองเป็น VI พอหุ้นลงก็ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยได้เงินปันผลปีละ ...% ไปเรื่อยๆ ก็ได้ เขาเงินเย็น เขาถือหุ้นได้) นักลงทุนกลุ่มนี้จะถูกกับดักเงินปันผล และนักเคราะห์สร้างวิมานในอากาศให้เคลิ้ม สุดท้ายเมื่อรู้ตัวอีกทีก็จะขาดทุนไม่ต่ำกว่ 70-80% ของเงินลงทุนเรียบร้อยแล้ว เฮียเคยบอกให้เพื่อนเฮียซื้อหุ้น BGH ปัจจุบันคือ BDMS 14-16 บาท (เทียบพาร์ปัจจุบันคือ 1.4-1.6 บาท แต่ไม่มีใครซื้อตามเพราะบอกว่าโรงพยาบาลมันราคาไม่ขยับ แต่ปัจจุบันเพื่อนเฮียบางคนบอก BDMS ราคา 20++ บาท เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว อันนี้เฮียว่าไม่ใช่ Value Investor แล้วครับ)
ดังนั้นจากประเภทนักลงทุนที่เฮียเขียนข้างบน คำถามคือเราควรให้ความสำคัญทางเทคนิค (สาย Technical) หรือความสำคัญทางพื้นฐานหุ้น (สาย Fundamental) มากกว่ากัน คำตอบคงอยู่ที่เราเป็นนักลงทุนประเภทไหน ข้อ 1. หรือ ข้อ 2. นักเรียนเฮียเคยถามเฮียว่าถ้าเรารู้เทคนิคแล้ว ก็คือพร้อมเทรดหุ้นแล้วใช่ไหมครับ เฮียซึ่งไม่ใช่สายเทคนิคจ๋าเก็บอกว่า เฮียให้ความสำคัญกับพื้นฐานหุ้น 75% แล้วค่อยดูเทคนิคอีก 25% แต่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากๆบางท่านที่เฮียรู้จัก (เทรดตั้งแต่พอร์ต 7 หลักไปสู่พอร์ต 9 หลักปลายๆ เขาไม่ให้ความสำคัญกับพื้นฐานธุรกิจหุ้นเลย หลายๆครั้งเซียนหุ้นท่านนี้ซื้อหุ้นเสร็จแล้วโทรมาถามเฮียว่าตกลงหุ้นตัวนี้ทำธุรกิจอะไรกันแน่ ดีไหม 😁😁 แต่เซียนหุ้นท่านนี้กำไรทุกวัน กำไรจนเฮียอยากเทรดตาม แต่ก็ทำไม่ได้เพราะพื้นฐานเฮียไม่ได้เป็นนักเก็งกำไร และหุ้นที่นักลงทุนท่านนี้แนะนำให้เฮียซื้อ เฮียมักจะทำกำไรไม่ได้เพราะจังหวะการเทรดมันไม่ใช่ ลักษณะการเทรดหุ้นตัวนั้นเราไ่ม่ถนัดจริงๆ)
สมัยเฮียเริ่มเทรดหุ้นใหม่ใหม่ๆ หุ้นมันยัง Ceiling & Floor ที่ระดับ 10% เอง 😅 (พอเดาอายุเฮียได้นะ) การเทรดหุ้นก็ต้องขับรถไปห้องค้า ถ้าอยู่บ้านก็ไม่มีราคาให้ดูนอกจากแถบด้านล่างทีวีที่ 30 นาทีถึงจะเวียนมาถึงหุ้นที่เราซื้อไว้รอบนึง อีกอย่างรุ่นนั้นยังไม่มี Warrant, Futures, Options เลย ดังนั้นเวลาคนถามเฮียเรื่อง DW หรือการเปิด Long & Short เฮียมักจะออกตัวว่าเฮียไม่ถนัด เพราะเฮียว่ามันไม่ใช่ทางเฮีย ก็เลยไม่เข้าไปศึกษาแบบละเอียดมากๆ เฮียคิดว่าการลงทุนในหุ้นที่เฮียถนัดก็ทำกำไรให้เฮียมากพอแล้ว ในบางครั้งอาจจะมีการแบ่งเงินไปเล่นตลาด Futures บ้างแต่ก็ไม่ใช่เงินก้อนใหญ่อะไรเพราะรู้มาตลอดว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เราถนัด (แต่เฮียก็พยายามศึกษาเรื่อยๆนะครับ 😅)
เป็นไงครับ หลังอ่านเรื่องนี้มายาวๆแล้ว เซียนหุ้นเพจเฮียพอบอกตัวเองได้ไหมครับ ว่าตัวเองอยู่ในนักลงทุนประเภทไหน แล้วให้ลำดับความสำคัญระหว่างข้อมูลพื้นฐานหรือข้อมูลเทคนิคมากกว่ากัน หากเราพบทางที่เราถนัดแล้ว ก็เทรดในแนวทางนั้นเป็นหลัก เราจึงจะได้เปรียบเพราะเรากำลังลงทุนอยู่ในสิ่งที่เรารู้จริง หวังว่าบทความวันนี้จะไม่ยาวและน่าเบื่อเกินไปสำหรับเซียนหุ้นทุกคนนะครับ ❤️
เฮียใช้คนซื่อ คนเดิมเองครับ ✌️✌️😁😁😁

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา