27 เม.ย. 2020 เวลา 01:02 • บันเทิง
เรื่องสั้น : อย่าทอดทิ้ง
เรื่องย่อ : จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเขารู้ตัวเองว่า ในอนาคต เขาจะเป็นคนแรกของโลก ที่สามารถประดิษฐ์ไทม์แมชชีนสำเร็จ
โดราเอมอน บนไทม์แมชชีน เป็นของเล่นที่ผู้เขียนซื้อมาจากญี่ปุ่น และเป็นแรงบันดาลใจให้กับการเขียนเรื่องนี้ค่ะ
คืนนั้น วาที เมามากทีเดียว มันเป็นคืนวันแต่งงานของเขากับวิภา ความที่ได้ฤกษ์แต่งงานมาค่อนข้างแปลก คือ หลวงพ่อที่วัดให้ฤกษ์มาเป็นวันสงกรานต์พอดี 13 เมษายน พ.ศ.2561 ทำให้คนที่มาร่วมงาน ทั้งฉลองสงกรานต์ และฉลองแต่งงานกันเมาแประไปหมด เพื่อนฝูงต่างก็มาขอชนแก้วกับเจ้าบ่าวหมาดๆ วาทีมองเห็นอยู่เหมือนกันว่าเจ้าสาวทำสีหน้าไม่พอใจนักที่เขาดื่มหนัก แต่เอาเถอะ ขอแค่คืนเดียว หลังจากนี้ วาทีจะเป็นสามีที่ดีของวิภาให้ได้ตลอด
ดึกแล้ว ได้ฤกษ์ส่งตัวบ่าวสาวเข้าเรือนหอ ซึ่งก็เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่วาทีและวิภาช่วยกันเก็บหอมรอมริบมาตลอดเวลาที่คบหากันมา 10 ปี ตั้งแต่เรียนจบ เพื่อนฝูงยังคงแห่ตามกันมาถึงเรือนหอ และชนแก้วกับเจ้าบ่าวไม่เลิกลา กว่าจะส่งตัวเข้าห้องหอกันได้ วาทีก็แทบหมดสภาพ
ในชุดเจ้าบ่าวสีขาวที่ตอนนี้มีรอยเปรอะเป็นด่างดวง วาทีนั่งคอพับอยู่บนเตียง วิภาในชุดเจ้าสาวที่ยังขาวสะอาดมองมาอย่างระอา แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่า งานแต่งงานทั้งที เพื่อนฝูงเหล่าวิศวกร และนักฟิสิกส์ ของแฟนหนุ่มคงถือโอกาสเมากันเต็มที่ หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย
“ไหวไหม..ที” วิภาแตะบ่าเจ้าบ่าวเบาๆ อย่างเห็นห่วง แต่แค่แตะเบาๆ ก็ทำเอาสามีป้ายแดงหงายผลึ่งลงไปบนเตียง วิภาส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะพึมพำบอกเขาว่า ขอตัวไปอาบน้ำก่อน แต่ก็ไม่วายที่จะหันไปหยิบผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำ มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้วาทีสักหน่อยก่อนที่จะเดินลับตาเข้าห้องน้ำไป
1
“ผมขอโทษ ขอโทษนะกร้าบบบบบ” วาทีลากเสียงอ้อแอ้ “ขอโต๊ดที่ดื่มหนักไปโหน่ยยย เพื่อนมาเย้ออออ เลยยย” วาทีลากเสียง สำนึกสลัวรางบอกว่า หลังจากเช็ดหน้าให้พอสดชื่น เจ้าสาวก็หายเข้าไปในห้องน้ำเสียแล้ว
และตอนนั้นเอง เสียงดัง “ฟึ่บ” ก็เข้ามากระทบหูวาที เขาถึงกับผวากับเสียงแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในห้องนอน เลยยกหัวที่หนักอึ้งขึ้นมองดู
อย่างไม่น่าเชื่อ ตรงข้างเตียงนอนนั้น มีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ วาทีแทบหายเมาเป็นปลิดทิ้ง และยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ชายชราก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากออกมาก่อนอย่างลุกลี้ลุกลน
“อย่าตกใจ นี่ฉันเอง ฉันมีเวลาไม่มาก” ชายชราพูด วาทีดันตัวเองขึ้นมานั่ง ฉันเองอะไรวะ เขาไม่รู้จักคนแก่อย่างนี้ที่ไหนสักหน่อย แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ผู้ชายท่าทางแปลกคนนี้เข้ามาในห้องนอนของเขาได้ยังไง หรือจะเป็นผีบ้านผีเรือน พอนึกถึงตรงนี้ วาทีก็แทบหายเมาเป็นปลิดทิ้ง แต่ก็กล้าพอที่จะลุกขึ้นมายืนเผชิญหน้ากับชายชราที่จู่ๆ ก็โผล่มากลางอากาศ
“เออ นายอาจจะไม่เข้าใจ แต่นี่คือฉัน ฉันคือนาย เอ่อ จะให้พูดยังไงดี ฉันก็ตกใจเหมือนกันที่โผล่มาตรงนี้จนได้ ฉันตั้งเวลาเอาไว้เสมอ ให้ย้อนอดีตกลับมาคืนวันแต่งงานของฉัน..ก็..ของนายด้วยนั่นแหละ ฉันจำได้แม่น วันสงกรานต์ปี 61 แนวคิดด้านฟิสิกส์ของฉัน เออ ก็ของนายนั่นแหละ มันได้ผล ไอ้เรื่องแรงเหวี่ยงนั่น มันได้ผลจริงๆ” ชายชรายังพล่ามไม่หยุด
“เดี๋ยวนะ อีกทีซิ คุณบอกว่า คุณย้อนอดีตกลับมาอย่างนั้นเหรอ ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม” วาทีถามอย่างตื่นเต้น ก็เขาทำงานด้านฟิสิกส์วิศวกรรม และหนึ่งในความสนใจส่วนตัวของเขา ที่แอบหวังว่าสักวันจะทำได้ คือการสร้างเครื่องย้อนเวลา หรือไทม์แมชชีนนั่นแหละ มันก็เป็นความหวังที่เหมือนจอกศักดิ์สิทธิ์ของคนทำงานด้านนี้แทบทุกคน แล้วผู้ชายตรงหน้าที่ก็บอกว่า ย้อนเวลาได้ มันเรื่องจริงหรือเรื่องบ้าอะไรกันนี่ หรือเพื่อนคนไหนของเขาเข้ามาหลอกเล่นถึงในห้องหอ
1
“ใช่ ฉันพูดอย่างนั้นแหละ ฉันย้อนอดีตกลับมา และอย่างที่บอกแต่แรก ฉันก็คือนาย นายก็คือฉัน ฉันคืออนาคตของนายในอีกเกือบ 40 ปีข้างหน้า ตอนนี้ ฉันอายุ 70 แล้ว และฉันเพิ่งจะประสบความสำเร็จในการสร้างไทม์แมชชีนได้เป็นคนแรกของโลก” ชายชราพูดเร็วปรื๋อ
“ห่ะ จริงเหรอ คุณ..เอ่อ..คือ ผม ผมเป็นคนสร้างไทม์แมชชีนได้ในที่สุดเหรอ” วาทีตื่นเต้นจนแทบหัวใจกระตุก แต่ตั้งอายุ 70 ปีเลยหรือ มันคงจะนานไปหน่อย แล้วสมองของเขาก็คิดอย่างรวดเร็วว่า ก็ถ้าเขาสร้างไทม์แมชชีนได้ตอนอายุ 70 ปี แล้วกลับมาหาตัวเองได้ตอนอายุ 32 ปีในตอนนี้ ไอ้ตัวเขาคนที่อายุ 70 ก็น่าจะบอกวิธีการสร้างมันมาเลยซิ เขาจะได้เร่งเวลา สร้างไทม์แมชชีนให้ได้เลยในวันพรุ่งนี้นี่แหละ
“”ฉันรู้..ฉันรู้ ว่านายคิดอะไรอยู่ แต่ฉันมีเวลาไม่มาก เครื่องที่ฉันสร้างขึ้น น่าจะย้อนเวลาได้แค่ประมาณ 5-10 นาทีเท่านั้น ฉันมีเรื่องจะบอกนาย มันสำคัญกับชีวิตของเรามาก ฉันอยากบอกนายว่า...”
“วิธีสร้างไทม์แมชชีนใช่ไหม” วาทีรีบถามก่อนที่ชายชราจะพูดจบ
“ไม่ใช่ ไม่ใช่” สีหน้าของชายชราดูเต็มไปด้วยความกังวล “ฉันจะบอกนายว่า อย่าทอดทิ้ง อย่าทอดทิ้งงงง....” เพียงเท่านั้นเอง ร่างของชายชราก็กลายเป็นเงาจางๆ และเลือนหายไป เหมือนตอนที่โผล่มาไม่มีผิด จู่ๆ ก็มา แล้วจู่ๆ ก็หายไป วาทีกำหมัดแน่นด้วยความเคืองโกรธ ไอ้บ้าเอ๊ย...เออ แล้วนี่เขานึกด่าใครกันล่ะ ก็มันตัวเขาเองนี่นะ พอคิดทบทวนดู หน้าตาชายชราที่มาก็คล้ายเขานั่นแหละ แต่ดูเหี่ยวย่นไปหน่อย มันจริง ดูเป็นเรื่องจริงเสียยิ่งกว่าจริง แต่คำพูดที่ว่า “อย่าทอดทิ้ง” คืออะไรกัน หรือตัวเขาในอนาคตจะบอกว่า การสร้างไทม์แมชชีนมันเป็นเรื่องยาก และห้ามทอดทิ้งความคิดนี้เด็ดขาด มันคงจะเป็นอย่างนั้น แต่ถึงจะยากแค่ไหน ในที่สุด เขาก็สร้างไทม์แมชชีนได้แล้วนี่ แม้จะเป็นตอนแก่ไปหน่อย คือตอนอายุตั้ง 7 ทศวรรษ แต่ถ้าตัวเขาในอนาคตฉลาดพอ ก็ควรจะกลับมาอีก กลับมาเพื่อบอกวิธีการสร้างไทม์แมชชีนให้เขา ก็จะใครล่ะ ก็เขา คือตัวเองนั่นแหละ ตัวเขาตอนอายุ 70 ปี น่าจะเข้าใจว่า ถ้ารีบกลับมาบอกวิธีการกันหนอย ความสำเร็จนี้ก็จะเร็วขึ้น แต่นั่นแหละ “อย่าทอดทิ้ง” เขาทบทวนกับตัวเองอย่าแน่วแน่
1
วิภาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว ในชุดนอนบางๆ กับหน้าตาที่ล้างเครื่องสำอางออกหมดแล้ว เธอยังดูสวยสดใส เหมือนวันที่เขาพบเธอครั้งแรกในตอนเรียนมหาวิทยาลัย เขาเดินตรงรี่เข้าไปกอดเธอแน่นๆ
1
“อุ๊ย ไม่ได้ค่ะที เหม็นเหล้าออกจะตาย ทีรีบไปอาบน้ำก่อนนะ” เจ้าสาวของเขาบ่น อันที่จริง วาทีแค่อยากจะเล่าว่า ในที่สุด ในอนาคต อีกไม่นาน หากไม่ทอดทิ้งความตั้งใจเสียก่อน เขานี่แหละ จะเป็นคนสำคัญของโลก ผู้สร้างไทม์แมชชีน เอ ตัวเขาตอนอายุ 70 ปี จะได้รางวัลโนเบลหรือเปล่านะ วาทีคิดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เขาควรจะบอกวิภา หรือเก็บเป็นความลับดีล่ะ ว่าแล้ว ความเมาก็กลับมาครอบงำมโนสำนึกของเขาอีกครั้ง วาทีรีบเข้าไปเอาน้ำราดหัว น้ำเย็นๆ ทำให้เขายิ่งเข้าใจตัวเอง ตัวเองจากอนาคต ที่บอกว่า อย่าทอดทิ้ง แม้จะต้องใช้เวลานาน เขาก็จะไม่มีวันทอดทิ้งความฝันที่จะเป็นผู้สร้างไทม์แมชชีน
เช้าแล้ว เช้าวันแรกของการเป็นสามี-ภรรยาอย่างสมบูรณ์ วาทีตื่นขึ้นมามองไม่เห็นวิภาเสียแล้ว เขาหยิบมือถือมาดูเวลา อ้าว นี่มันไม่ใช่ตอนเช้า แต่บ่ายกว่าๆ แล้วต่างหาก เขานอนไปรวดเดียวยาวนานกว่าสิบชั่วโมง แล้วตอนนี้ ควรจะทำอะไรต่อ ประสาข้าวใหม่ปลามัน แต่สมองของเขาติดอยู่กับคำว่า “อย่าทอดทิ้ง” หากเขาอยากจะเป็นคนแรกของโลกที่สร้างไทม์แมชชีนได้ เขาก็ต้องรีบ เขาไม่อยากรอจนอายุ 70
พออาบน้ำเสร็จ เดินออกมาจากห้องนอน วาทีเห็นวิภานั่งดูโทรทัศน์อยู่ แต่บนโต๊ะอาหาร ก็ดูเหมือนจะถูกเตรียมอาหารเอาไว้หลายอย่าง เธอหันมามอง และยิ้มให้เขา
“ตื่นจนได้นะคะเจ้าบ่าว วันแรกก็เมาแประเลย วันหลังไม่เอาอย่างนี้แล้วนะ ภาไม่อยากให้ทีเมามากขนาดนี้”
เขาเดินเข้าไปกอดเธอไว้หลวมๆ ก่อนจะหอมแก้มเบาๆ
“ผมขอโทษจริงๆ นะ พอดีเมื่อคืนเพื่อนๆ มาเยอะมาก เลยดื่มเยอะไปหน่อย แต่สัญญา ต่อไปจะไม่ดื่มแล้ว” วาทีบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน อย่างที่ทำให้วิภาหลงรักเขามาเสมอ เธอลุกขึ้น ดึงสามีหมาดๆ ไปที่โต๊ะอาหาร
“ภาว่า มีเรื่องที่เราต้องจัดการในบ้านเยอะเลยค่ะ ภาเห็นหนูวิ่งแว๊บไป แว๊บมา ในห้องนอนเราตั้งหลายตัว แต่พอจะตามหา ก็หาไม่เจอ ภาว่า น่าจะมีรังหนูอยู่ในบ้านเรานี่แหละ เดี๋ยวต้องให้ทีจัดการซะหน่อย แต่ตอนนี้ ภาเตรียมทำของชอบของทีไว้เยอะเลย มาทานข้าวกันเถอะ ตั้งเกือบบ่ายสองแล้ว ทีน่าจะหิวแย่” พอได้ยินอย่างนี้ เขายิ่งรู้สึกผิด ที่ทำให้เจ้าสาวต้องมารอทานอาหาร เขารีบทานอย่างเร่งรีบจนวิภานึกประหลาดใจว่าทำไมสามีถึงได้ทำอะไรดูเร็วๆ ลวกๆ ขนาดนี้ แต่หลังทานอาหารแล้ว ก็ได้คำตอบ
“ภา ผมรู้ว่า เราเพิ่งแต่งงาน แล้วเราก็ลาพักร้อนไว้แล้ว แต่ผมมีงานด่วนที่ต้องรีบกลับไปเคลียร์ที่แล็ป ผมขอตัวก่อนนะ แล้วจะพยายามรีบกลับ” วาทีชิงเอ่ยปาก “อ้อ แล้วเรื่องหนูในห้องนอน เดี๋ยวว่างๆ ผมจะดูให้” วาทีตะโกนมาจากรถ
เขาพอจะมองเห็นแววไม่พอใจในสายตาภรรยา แต่ก็นั่นแหละ หากไม่ทอดทิ้งความฝัน และรีบลงมือ ความสำเร็จจะต้องมาเยี่ยมเขาก่อนอายุ 70 ปีเป็นแน่ ก็ตัวเขาเองในอนาคตบอกใบ้ไว้แล้วนี่ ว่าแนวคิดของเขาถูกต้อง เขาคิดว่า ถ้าสร้างเครื่องที่มีแกนตรงกลาง เอาคน หรือสัตว์ไว้ในที่นั่ง แล้วให้แกนกลางเหวี่ยงอย่างเร็ว เร็วจนเข้าใกล้ความเร็วแสง การเดินทางย้อนเวลาก็น่าจะทำได้ แต่การจะสร้างแรงเหวี่ยงให้เร็วได้ขนาดนั้น เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง เลยต้องใช้ความคิดให้หนัก
2
หลังแต่งงาน วาทีคร่ำเคร่งอยู่กับแนวคิดที่ว่า อย่าทอดทิ้งความฝัน และศึกษาเรื่องโลหะที่ควรใช้ในการสร้างเครื่องเหวี่ยง และศึกษาถึงพลังงานที่สามารถให้ความเร็วสูงในการเหวี่ยงอย่างเต็มที่ มันควรจะเป็นพลังงานปรมาณู เขาคิด แล้วก็คิด แต่ก็ยังไม่สามารถพัฒนาการเหวี่ยงอย่างรวดเร็วให้ได้ผล แต่ก็ได้ทดลองสร้างเครื่องเหวี่ยงขนาดเล็กที่พอใส่หนูทดลองเข้าไปได้
วาทีมีเวลาให้วิภาน้อยมาก แต่ถึงกระนั้น เธอก็ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอดูเขาทุกอย่างด้วยดี ทั้งอาหารการกิน เสื้อผ้า ที่หลับที่นอน ทุกอย่างทำให้เขาไม่ต้องกังวลกับเรื่องทางบ้าน เขาใช้เวลาที่แล็ปวันละกว่าสิบห้าชั่วโมง จนกระทั่งวิภาบอกเขาว่า เธอตั้งท้อง ลูกของเขา ลูกเป็นคำที่วาทีรู้สึกถึงความอิ่มเอิบในหัวใจ เขาเปลี่ยนไป วาทีทำงานน้อยลง กลับบ้านเร็วขึ้น ให้เวลากับภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์เต็มที่ จนกระทั่งลูกคลอด เขาได้ลูกสาว “น้องฟ้า” ลูกสาวคนสวยผิวพรรณผ่องใสเป็นหัวแก้วหัวแหวนของเขา วาทีรู้สึกว่า ชีวิตช่างลงตัว เขามีภรรยาที่ดี มีลูกที่น่ารัก ชีวิตครอบครัวสุขสันต์สมบูรณ์แบบ พ่อแม่ลูกหัวเราะร่าอยู่ด้วยกันที่บ้าน หรือวันว่างก็ขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน เป็นความสุขที่เขาเกือบจะไม่มีเสียแล้ว หากมัวทำงานอยู่ และไม่มีลูกสาวมาดึงให้กลับมาสู่การเป็นครอบครัว
1
จนน้องฟ้าอายุได้ 3 ขวบ ในวันสงกรานต์ปีนั้น ลูกสาวของเขาพูดขึ้นมาว่า อยากไปเที่ยวสงกรานต์ นั่นเองที่ทำให้วาทีคิดได้ถึงคืนวันแต่งงาน “อย่าทอดทิ้ง” ตัวเขาเองในอนาคตเคยบอกเอาไว้ อย่างนี้นี่เอง เมื่อเขาติดใจในความสุขประสาผู้ชายที่มีครอบครัวสมบูรณ์พร้อม เขาก็ทอดทิ้งความฝัน
1
วาทีอยากตบหัวตัวเองแรงๆ เขาทอดทิ้งความฝันมาหลายปี เสียเวลาไปจนทำให้โครงการสร้างไทม์แมชชีนไม่เดินหน้า วาทีเริ่มกลับไปเฝ้าห้องแล็ป คิดค้นหาทางสร้างแรงเหวี่ยง มันคงไม่เป็นไรหรอก มีวิภาอยู่ดูแลน้องฟ้าอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา แต่เขาอดไม่ได้ที่จะนึกโกรธ “ตัวเอง” ในอนาคต นี่ไอ้คนอา
ยุ 70 ปี มันไม่คิดจะกลับมาแนะนำอะไรเลยจริงๆ หรือนี่ ปัดโธ๋เอ๊ย แค่กลับมาบอกกันนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นอะไรไป
“ไอ้ทุเรศ 70” วาทีบ่นกับตัวเอง ก่อนจะเดินหน้าคิดหาสูตรที่เหมาะสมในการสร้างแรงเหวี่ยงต่อไป แล้วมันก็ได้ผล เขาสามารถพัฒนาพลังงานที่สร้างแรงเหวี่ยงความเร็วสูงจนเข้าใกล้ความเร็วแสงได้ เขาใส่หนูเข้าไปในเครื่อง ตั้งเวลาให้ย้อนกลับไปวันสงกรานต์ปี 2561 เสมอ วันแต่งงานของเขา วันที่ไอ้ทุเรศ 70 กลับมาหาเขา เมื่อแรงเหวี่ยงถึงจุดที่เหมาะสม ก็จะมีเสียงดับ “ฟึ่บ” หนูหายไปจากเครื่อง เขาพอจะนึกออก ที่วิภาเคยบอกว่า ในคืนวันแต่งงาน มีหนูอยู่ในห้องนอน มันต้องเป็นหนูทดลองของเขานี่แหละ แต่เจ้าหนูทดลองหายไปจากเครื่องได้ไม่นาน ประมาณ 5-10 นาที มันจะกลับมาทุกครั้ง แล้วก็...ตาย...
ปัญหา นี่แหละ ปัญหาใหญ่ เขาพอจะเข้าใจว่า ทำไมมันตาย สิ่งมีชีวิตไม่ว่าหนูหรือคน คงทนแรงเหวี่ยงขนาดนี้ไม่ไหว และเมื่อเขาผ่าศพพวกมันออกมาดู ก็ยิ่งเห็นคำตอบชัดเจนว่า อวัยวะภายในของพวกหนูทดลองแทบแหลกเหลว แต่ถึงกระนั้น มันย้อนเวลาได้แน่ๆ เขามั่นใจ เพียงแต่จะทำยังไงให้ย้อนเวลาได้นาน และทนแรงเหวี่ยงได้ หากย้อนเวลาสำเร็จ แต่กลับมาตาย มันก็ไม่อาจจะเรียกว่าสำเร็จ
เขาเข้าใกล้ความสำเร็จนั้นไปทุกที วาทีแทบจะไม่ได้กลับบ้าน เขาไม่อาจทอดทิ้งความฝัน ยิ่งมันเกือบจะสำเร็จอยู่แล้วขนาดนี้ เขายิ่งลุ่มหลงไทม์แมชชีนหนักขึ้น หันมามองอีกที ปีนี้ น้องฟ้าอายุ 12 แล้ว กำลังจะเข้า ม.1
“ทีคะ วันนี้ ลูกเข้า ม.1 วันแรก ทีจะไปส่งลูกด้วยกันไหม” วิภาถามด้วยน้ำเสียงเนือยๆ อันที่จริง เขาแต่งตัวเสร็จ เตรียมออกไปห้องแล็ปแล้ว แต่พอเธอทัก เขาก็หันมามอง วิภาดูทรุดโทรมลงไปมาก นานหลายปีแล้ว ที่เขาไม่ค่อยได้พูดอะไรกับเธอมากนัก งานอันเป็นความฝันสูงสุดของเขากำลังคืบหน้า เขาไม่อยากทอดทิ้ง ในขณะที่น้องฟ้า เติบโต และสวยขึ้นทุกวัน เขาดึงลูกเข้ามากอด
1
“ดีใจด้วยนะลูก ขึ้นมัธยมแล้ว ให้แม่ไปส่งนะ พ่อต้องรีบไปทำงาน” วาทีบอกลูกสาวเบาๆ เขารู้ หากเขารีบทำงานให้เสร็จ เมื่อไหร่ที่สร้างไทม์แมชชีนได้ เงินทอง ชื่อเสียง ทุกอย่างจะหลั่งไหลมาหาเขา และเขาจะตอบแทนวันเวลาให้ภรรยาและลูกทีหลัง
แต่ดูเหมือนวิภาจะไม่เข้าใจ ตอนดึก เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน บ้านที่ปิดไฟมืดต่างกับทุกวัน เขาเจอจดหมายที่วิภาทิ้งเอาไว้ บอกว่า เธอไม่สามารถทนอยู่กับคนบ้างานอย่างเขา เธอตัดสินใจพาลูกสาวย้ายโรงเรียนไปอยู่กับคุณตาคุณยายที่เชียงใหม่
นี่มันเป็นบ้าอะไรกันไปหมด วาทีนึกรำคาญใจ เขาก็แค่อยากทำงานให้เสร็จ งานที่เขาไม่สามารถทอดทิ้งได้ แล้วลูกกับเมีย ก็เป็นฝ่ายทิ้งเขาไปอย่างนั้นหรือ เอาเถอะ เขาไม่มีเวลาพอที่จะมาต่อล้อต่อเถียง เท่าที่เขาทดลอง เขาเชื่อว่า อีกไม่นาน เขาจะแก้ปัญหาไทม์แมชชีนเครื่องแรกของโลกได้
1
เมื่อไม่มีวิภา และน้องฟ้าอยู่ที่บ้าน วาทีก็แทบไม่กลับ เขากินนอนอยู่ที่แล็ป ทุ่มเททุกสรรพกำลังเพื่อไทม์แมชชีนของเขา ยิ่งมันสำเร็จเร็วเท่าไหร่ เขาก็จะได้ไปหาวิภา อยากบอกเธอว่า เขาไม่เคยหมดรักเธอ แต่เขาก็ไม่อยากรอจนความสำเร็จมาถึงในวัย 70
แต่จวบจนใกล้อายุ 60 ความสำเร็จก็ยังมาไม่ถึง น้องฟ้าเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว เขาไปร่วมงานรับปริญญาของลูก แต่วิภาไม่พูดกับเขาสักคำ ทำเอาเขาอดเคืองไม่ได้ เธอทิ้งเขา ทิ้งบ้านที่ซื้อไว้เป็นเรือนหอ แล้วหนีมาปักหลักอยู่เชียงใหม่ ในขณะที่เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำ แล้วเธอยังมีหน้ามาโกรธเขาอีกหรือ
อีก 5 ปีต่อมา การทดลองยังแทบจะหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม หนูทดลองยังหายไปในอดีตได้เพียง 5-10 นาที แล้วกลับมาตายทั้งหมด ในขณะที่น้องฟ้าโทรมาหาเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“พ่อคะ แม่ตายแล้ว” แค่คำพูดสั้นๆ วาทีก็ชาไปหมดทั้งตัว วิภาตายแล้วหรือ เธอจะตายไปก่อนที่จะได้เห็นความสำเร็จของเขาได้ยังไง วาทีรีบขึ้นไปเชียงใหม่ บรรดาญาติๆ ของวิภาล้วนมองเขาอย่างไม่เป็นมิตร และในสายตาที่ไม่เป็นมิตรนั้น เขามองเห็นมันอยู่ในสายตาน้องฟ้าด้วย
“พ่อเสียใจนะลูก ที่แม่มาด่วนจากไปก่อน ทั้งๆ ที่พ่อมีอะไรอยากบอกแม่อีกเยอะ” วาทีเอ่ยกับน้องฟ้า
1
“แม่ก็คงมีอะไรอยากพูดกับพ่อเยอะเหมือนกันค่ะ แต่พ่อแทบไม่เคย เอาเป็นว่า ไม่เคยเลยดีกว่า พ่อไม่เคยมีเวลาให้แม่ ให้ฟ้า หรือให้ใครทั้งนั้น แต่เอาแต่ทำงาน แล้วทิ้งหนูกับแม่” น้องฟ้าตอบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทำเอาวาทีตกใจ
“อะไรกันลูก พ่อไม่ได้ทิ้งลูกกับแม่สักหน่อย แม่ต่างหาก ที่พาลูกหนีมาอยู่ที่นี่ แม่เป็นฝ่ายทิ้งพ่อ หอบผ้าหอบผ่อน หอบลูก ทิ้งพ่อไว้คนเดียว”
“พ่อคิดอย่างนั้นจริงเหรอคะ ฟ้าว่า พ่อน่าจะทบทวนดู ว่าใครกันแน่ที่ทิ้งใคร พ่อเอาแต่ทำงาน ทอดทิ้งเราสองแม่ลูก เราไม่เคยอยู่ด้วยกัน พ่อไม่เคยร่วมเป่าเค้กวันเกิดฟ้า พ่อไม่เคยไปโรงเรียนฟ้าตอนวันพ่อ พ่อไม่เคยฉลองวันครบรอบแต่งงานกับแม่ พ่อทอดทิ้งเราเพื่องานเสมอ บ้านไม่เคยเป็นบ้าน ฟ้าพูดแค่นี้ หวังว่าพ่อจะได้คิด แต่แม่ตายแล้ว มันก็สายไปแล้วค่ะพ่อ พ่อทอดทิ้งเรา ทิ้งแม่ให้ตายอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีสามีที่ดีมาดูแลยามป่วยไข้” ฟ้าร้องไห้หนัก แล้ววาทีก็ได้คิด ใช่สิ เขาเอง เขาที่เป็นคนทอดทิ้งลูก ทิ้งเมียไว้ที่บ้าน ใช้ชีวิตที่ไม่ประสบความสำเร็จอยู่ในห้องแล็ป
1
นี่เขาพลาดอะไรไปบ้างนะ พลาดวันเกิดลูกไปกี่หน พลาดวันครบรองแต่งงานไปกี่ครั้ง ถึงตอนนี้เอง เขาถึงได้เข้าใจความหมายของไอ้ทุเรศ 70 ที่มาบอกเขาว่า “อย่าทอดทิ้ง” ใช่สิ ถ้าเขาทำได้ เขาจะเข้าไปในไทม์แมชชีน กลับไปที่วันแต่งงาน 13 เมษายน 2561 เพื่อบอกกับตัวเองว่า พยายามยังไง เขาก็สร้างไทม์แมชชีนที่สมบูรณ์ไม่สำเร็จ ดังนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทอดทิ้งครอบครัวอันเป็นที่รักของเขา
“อย่าทอดทิ้ง” นี่คือสิ่งที่ไอ้ทุเรศ 70 บอกเขา ว่าอย่าทอดทิ้งครอบครัว
น้ำตาของผู้ชายวัย 65 ปีไหลริน เขาแก้ไขอะไรไม่ได้ วิภาตายไปแล้ว แต่เขาจะไม่หมดหวัง วาทีกลับไปห้องแล็ป สร้างเครื่องเหวี่ยวขนาดใหญ่ที่ใส่คนเข้าไปได้ ต่อไปนี้ สิ่งที่เดินทางจะไม่ใช่หนูทดลอง แต่เป็นตัวเขา ตัวเขาเองที่จะต้องกลับไปบอกวาทีในวัยหนุ่ม และคราวนี้ ต้องบอกให้ชัดเจน บอกไปเลยว่า “อย่าคิดสร้างไทม์แมชชีน” เพราะมันไม่มีทางสมบูรณ์ ไม่ว่าหนูทดลอง หรือมนุษย์ ไม่สามารถทนแรงเหวี่ยงระดับนี้ได้ แต่เขาต้องทำ ต้องกลับไปเพื่อเปลี่ยนประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ครอบครัวของเขา
วาทีนึกถึงช่วง 3 ปีแรกที่มีน้องฟ้า เขามีควมสุขเหลือเกิน หากเขาไม่ทอดทิ้งครอบครัวมามัวสร้างไทม์แมชชีน ครอบครัวของเขาก็จะมีความสุข และผู้หญิงที่เขารัก จะไม่ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างนี้
ด้วยเครื่องที่ขนาดใหญ่ขึ้น มันยากขึ้นที่จะใช้พลังงานสร้างแรงเหวี่ยงได้ตามที่ต้องการ เขาใช้เวลาอีกนาน จน 5 ปีผ่านไป เครื่องไทม์แมชชีนขนาดใหญ่ของเขาถึงสร้างแรงเหวี่ยงความเร็วสูงใกล้ความเร็วแรงได้ และเขานี่แหละ ที่จะเข้าไปในเครื่อง กลับไปคืนวันแต่งงาน เขารู้ว่า มีเวลาไม่กี่นาที และตอนนั้น เขาบอกไม่ละเอียด คราวนี้ เขาจะบอกให้ชัด
13 เมษายน พ.ศ.2561 คืนวันแต่งงานของวาที กับวิภา
ในชุดเจ้าบ่าวสีขาวที่ตอนนี้มีรอยเปรอะเป็นด่างดวง วาทีนั่งคอพับอยู่บนเตียง วิภาในชุดเจ้าสาวที่ยังขาวสะอาดมองมาอย่างระอา
“ไหวไหม..ที” วิภาแตะบ่าเจ้าบ่าวเบาๆ ทำเอาสามีป้ายแดงหงายผลึ่งลงไปบนเตียง วิภาส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะพึมพำบอกเขาว่า ขอตัวไปอาบน้ำก่อน แต่ก็ไม่วายที่จะหันไปหยิบผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำ มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้วาทีสักหน่อยก่อนที่จะเดินลับตาเข้าห้องน้ำไป
1
“ผมขอโทษ ขอโทษนะกร้าบบบบบ” วาทีลากเสียงอ้อแอ้ “ขอโต๊ดที่ดื่มหนักไปโหน่ยยย เพื่อนมาเย้ออออ เลยยย” วาทีลากเสียง และตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดัง “ฟึ่บ”
ตรงข้างเตียงนอนนั้น มีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ และเอ่ยปากออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน
“อย่าตกใจ นี่ฉันเอง ฉันมีเวลาไม่มาก” ชายชราพูด วาทีดันตัวเองขึ้นมานั่ง ก่อนจะลุกขึ้นมายืนเผชิญหน้ากับชายชราที่จู่ๆ ก็โผล่มากลางอากาศ
“เออ นายอาจจะไม่เข้าใจ แต่นี่คือฉัน ฉันคือนาย เอ่อ จะให้พูดยังไงดี ฉันก็ตกใจเหมือนกันที่โผล่มาตรงนี้จนได้ ฉันตั้งเวลาเอาไว้เสมอ ให้ย้อนอดีตกลับมาคืนวันแต่งงานของฉัน..ก็..ของนายด้วยนั่นแหละ ฉันจำได้แม่น วันสงกรานต์ปี 61 แนวคิดด้านฟิสิกส์ของฉัน เออ ก็ของนายนั่นแหละ มันได้ผล ไอ้เรื่องแรงเหวี่ยงนั่น มันได้ผลจริงๆ” ชายชรายังพล่ามไม่หยุด
“เดี๋ยวนะ อีกทีซิ คุณบอกว่า คุณย้อนอดีตกลับมาอย่างนั้นเหรอ ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม” วาทีวัยหนุ่มถาม
“ใช่ ฉันพูดอย่างนั้นแหละ ฉันย้อนอดีตกลับมา และอย่างที่บอกแต่แรก ฉันก็คือนาย นายก็คือฉัน ฉันคืออนาคตของนายในอีกเกือบ 40 ปีข้างหน้า ตอนนี้ ฉันอายุ 70 แล้ว และฉันเพิ่งจะประสบความสำเร็จในการสร้างไทม์แมชชีนได้เป็นคนแรกของโลก” ชายชราพูดเร็วปรื๋อ
“ห่ะ จริงเหรอ คุณ..เอ่อ..คือ ผม ผมเป็นคนสร้างไทม์แมชชีนได้ในที่สุดเหรอ” วาทีตื่นเต้นจนแทบหัวใจกระตุก แต่ตั้งอายุ 70 ปีเลยหรือ มันคงจะนานไปหน่อย แล้วสมองของเขาก็คิดอย่างรวดเร็วว่า ก็ถ้าเขาสร้างไทม์แมชชีนได้ตอนอายุ 70 ปี แล้วกลับมาหาตัวเองได้ตอนอายุ 32 ปีในตอนนี้ ไอ้ตัวเขาคนที่อายุ 70 ก็น่าจะบอกวิธีการสร้างมันมาเลยซิ เขาจะได้เร่งเวลา สร้างไทม์แมชชีนให้ได้เลยในวันพรุ่งนี้นี่แหละ
”ฉันรู้..ฉันรู้ ว่านายคิดอะไรอยู่ แต่ฉันมีเวลาไม่มาก เครื่องที่ฉันสร้างขึ้น น่าจะย้อนเวลาได้แค่ประมาณ 5-10 นาทีเท่านั้น” ว่าแล้ว วาทีวัยชราก็ตรงเข้ามาล็อคคอปิดปากวาทีวัยหนุ่มไว้ เขาปล่อยให้ไอ้หนุ่มนี่พูดมากจนเสียเวลาไม่ได้
“ฉันมีเรื่องจะบอกนาย มันสำคัญกับชีวิตของเรามาก ฉันอยากบอกนายว่า อย่า อย่าสร้างไทม์แมชชีนเด็ดขาด มันไม่คุ้มหรอก จำไว้ อย่าสร้างไทม์แมชชีน....” วาทีในวัยชราชิงพูดเร็วรวดเดียว เพราะรู้ว่า ตัวเองมีเวลาไม่นานนัก เพียงเท่านั้นเอง ร่างของชายชราก็กลายเป็นเงาจางๆ และเลือนหายไป เหมือนตอนที่โผล่มาไม่มีผิด
วาทีในวัย 70 ปีรู้สึกเหมือนโดนดูดด้วยแรงมหาศาล กลับมาสู่เวลาของเขา ในขณะที่แรงเหวี่ยงกำลังสูงเล่นงานเขาอย่างที่คิดเอาไว้ เส้นเลือดในตัวเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างกายของเขากำลังจะระเบิด ชายชราจะกลับไปยังเวลาที่จากมา ความเจ็บปวดทั่วทั้งอณูของชีวิตที่ใกล้แตกสลายทำให้เขาเจ็บปวดอย่างหนัก เป็นความเจ็บปวดมหาศาลอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจะทรมานได้ขนาดนี้ แต่ท่ามกลางความรวดร้าวอย่างหาที่สุดไม่ได้นี้ วาทียังสุขใจ เขาเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้แน่ๆ ก็เขาบอกไอ้วัยหนุ่มแล้วว่า อย่าสร้างไทม์แมชชีน วาทีวัย 70 ปี ยิ้มให้ตัวเองอย่างเปี่ยมสุข เมื่อเขาจากมา และตายคาเครื่องที่เขาสร้างขึ้น ชีวิตในอดีตของเขาจะเปลี่ยนไป ครอบครัวจะยังเป็นครอบครัว เขาจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ยอดเยี่ยมให้น้องฟ้า รอยยิ้มยังติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขา ในตอนที่ร่างไร้ลมหายใจกลับมาสู่เวลาเดิม
13 เมษายน พ.ศ.2561 คืนวันแต่งงานของวาที กับวิภา
1
วิภาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว วาทีเดินตรงรี่เข้าไปกอดเธอแน่นๆ
“อุ๊ย ไม่ได้ค่ะที เหม็นเหล้าออกจะตาย ทีรีบไปอาบน้ำก่อนนะ” เจ้าสาวของเขาบ่น อันที่จริง วาทีแค่อยากจะเล่าว่าเพิ่งเกิดเรื่องประหลาดขึ้นในห้องนอน แต่ความเมาก็กลับมาครอบงำมโนสำนึกของเขาอีกครั้ง วาทีรีบเข้าไปเอาน้ำราดหัว น้ำเย็นๆ ทำให้เขาพยายามนึกว่า ตัวเองจากอนาคตบอกอะไร “อย่าสร้างไทม์แมชชีน” งั้นเหรอ
1
“ไอ้บ้า ในที่สุด ฉันในอนาคต ก็เป็นคนแรกของโลกที่สร้างไทม์แมชชีนได้ แล้วทำไม ฉันจะต้องไม่สร้างล่ะ ทฤษฎีแรงเหวี่ยงของฉันทำได้จริง แล้วตั้งแต่พรุ่งนี้ ฉันจะรีบเข้าห้องแล็ปไปสร้างไทม์แมชชีนให้เสร็จเร็วๆ ถ้ารู้แล้วว่าทฤษฎีของฉันคือคำตอบ อีกไม่กี่ปี มันต้องสำเร็จแน่ ไอ้ตัวฉันที่อายุ 70 มันบ้าไปแล้ว ถ้าทำได้ ใครล่ะ จะไม่อยากสร้างไทม์แมชชีน” วาทีพึมพำกับตัวเอง ว่าแล้วก็เหลือบไปเห็นอะไรสักอย่างวิ่งผ่านหางตาไป พอจ้องอีกทีก็แน่ใจว่าเป็นหนูแน่ๆ นี่มีหนูอยู่ในเรือนหอของเขาด้วยหรือนี่ เห็นทีต้องให้วิภาซื้อกับดักหนูมาสักหน่อย
แต่ที่แน่กว่านั้นก็คือ ในวันรุ่งขึ้น และวันต่อๆ ไป ชีวิตของวาที ก็จมอยู่กับการสร้างไทม์แมชชีนอยู่เสมอ
ก็เขาจะเป็นคนแรกของโลกที่ทำสำเร็จนี่นะ แล้วจะเลิกคิดไปกลางคันได้ยังไงกันล่ะ จริงไหม?

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา