27 เม.ย. 2020 เวลา 04:04 • ประวัติศาสตร์
“ปัก จุง ฮี” นายพลจากรัฐประหารแห่งเกาหลีใต้ ผู้สร้างวัฒนธรรม “เผด็จการชุบตัวด้วยการเลือกตั้ง”
หลังจากที่ รี ซึงมัน ประธานาธิบดีที่นำพาให้ประเทศเกาหลีใต้เข้าสู่ความเป็นเผด็จการภายใต้รัฐบาลพลเรือนลี้ภัยไปแล้ว แต่เครือข่ายก็ยังไม่หายไป เกิดรัฐบาลใหม่ขึ้นมา ซึ่งด้วยสถานการณ์รอบโลกตอนนั้น ทั้งสงครามเย็น เศรษฐกิจแย่ ทำให้เกิดการรัฐประหารยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ โดยการนำของ นายพล ปัก จุงฮี (Park Chung hee) ซึ่งใช้เหตุผลว่ามีการคอรัปชั่นมากมายทำให้เกิดเศรษฐกิจตกต่ำ อีกทั้งยังประกาศว่าจะชูนโยบายรวมประเทศขึ้นมาเป็นอันดับแรก
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
1
สิ่งแรกที่คณะรัฐประหารทำหลังจากยึดอำนาจคือการยกเลิกสภาผู้แทนเดิมทิ้งไป และก็ตั้งสภาใหม่เรียกว่า “สภาสูงสุดเพื่อการฟื้นฟูชาติ” (Supreme Council for National Reconstruction หรือ SCNR) โดยเป็นสภาที่มีอำนาจสูงสุดและ ปัก จุงฮีก็ตั้งตัวเป็นประธานซะเอง ทำให้เกิดวัฒนธรรมใหม่อย่าง “ทหารนักการเมือง”
มีการการก่อตั้งสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติขึ้น โดยมี CIA เป็นต้นแบบและเรียกว่า KCIA เพื่อความมั่นคงของชาติต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ แต่โดยเป็นอันรู้กันว่าตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นแขนเป็นขาให้กับรัฐบาลทหารที่กำลังจะเล่นการเมือง ต่อมาสภาของคณะรัฐประหารก็ยังออกกฎหมายชำระสะสางทางการเมือง (Political Purification act) เพื่อตัดสิทธินักการเมืองทั้งหลายที่คณะรัฐประหารมองว่ามีความผิด เสร็จแล้วก็ทำประชามติผ่านรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ให้อำนาจสูงสุดกลับไปที่ประธานาธิบดีเหมือนเดิม
หลังจากนั้น ผอ.หน่วย KCIA “คิม จองพิล” ก็ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาชื่อพรรค DRP (Democratic Republican Party) โดยใช้เครือข่ายของสำนักข่าวกรองที่ตั้งขึ้นมาและเงินทุนที่ได้จากนักธุรกิจหน้าเดิมๆ ที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ตั้งแต่ยุค รี ซึงมัน
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว นายพล ปัก จุงฮี ก็เลยบอกว่าครบเวลาที่ขอไว้ไม่นานแล้ว จากที่เคยบอกว่าตัวเขาและคณะรัฐประหารจะไม่เล่นการเมือง จะไม่สืบทอดอำนาจ แต่พอถึงเวลาเลือกตั้ง นายพลปัก จุงฮี ก็ลาออกจากกองทัพและบังเอิญ เหมาะเจาะมากๆ ที่ดันเป็นแคนดิเดตปธน.ของ พรรค DRP หรือพรรคที่ตั้งมาใหม่แบบพอดิบพอดี
ในการเลือกตั้งครั้งต่อ ๆ มา ปัก จุงฮี ก็ชนะเลือกตั้งแบบฉิวเฉียดทั้งสองสมัยในปี 1963 และ 1967 ทศวรรษที่ 1960 เกาหลีใต้ภายใต้การปกครองของปัก จุงฮี เศรษฐกิจก็เริ่มขยายตัวพอดี เกาหลีเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสหกรรมไปรวดเร็วมาก จากการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและโดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำสงครามในเวียดนาม จึงซับพอร์ตเกาหลีใต้เต็มที่ด้วยเช่นกัน
ซึ่งหากมองเผินๆ เหมือนกับว่าเป็นเผด็จการเศรษฐกิจก็ดีได้เหมือนกันแต่ความเจริญที่เกิดขึ้นก็คือ ความเจริญก็ยังกระจุกตัวแค่ในเมืองใหญ่ ช่องว่างระหว่างคนเมืองกับต่างจังหวัดยังคงกว้างมาก รายได้ก็เป็นแบบ รวยกระจุก จนกระจาย และการขยายตัวทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการมีแรงงานราคาถูกให้ภาคอุตสาหกรรมใช้อย่างไม่จำกัด
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
เมื่อ ปัก จุงฮี อยู่ครบสองวาระในปี 1971 ก็มาถึงทางตัน เพราะรัฐธรรมนูญที่เขียนเองใช้เอง กำหนดให้อยู่ได้แค่สองวาระเท่านั้น ที่ผ่านมาก็ชนะพรรคของพลเรือนแบบเฉียดฉิวมาตลอด ถ้าเปลี่ยนตัวก็กลัวจะแพ้ ปัก จุงฮี เลยแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัวเองอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ แบบที่ รี ซึงมัน เคยทำมาแล้ว และการเลือกตั้งในครั้งที่ 3 นี้ ปัก จุงฮี ได้รับชัยชนะแต่เป็นชัยชนะที่ค้านสายตาประชาชน จึงทำให้เกิดแรงต่อต้านมาก แม้แต่ฐานเสียงในเมืองหลวงที่เคยเลือกพรรคทหารมาเสมอ ก็ยังหันไปเลือกฝ่ายพลเรือนแทน พอฝ่ายค้าน นักศึกษา แรงงาน จำนวนมากจับมือกันต่อต้านเขารุนแรงมากขึ้น หลังเลือกตั้งไม่นาน ปัก จุงฮี ก็ตัดสินใจประกาศสภาวะฉุกเฉิน งดใช้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา ยุบพรรคการเมือง เรียกสั้นๆ ว่า รัฐประหารตัวเอง
1
หลังจากกลับไปปกครองด้วยการประกาศสภาวะฉุกเฉินอยู่ราวหนึ่งปี ในปี 1972 รัฐบาลของ ปัก จุงฮี ก็ประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ที่เรียกว่า“รัฐธรรมนูญยูชิน” นอกจากตั้งตัวเองเป็นประธานาธิบดีแล้ว ก็ยังให้อำนาจปธน.แบบล้นเหลือ เป็นได้ไม่จำกัดวาระ แถมยังแต่งตั้งสมาชิกสภาได้ถึง 1 ใน 3 ให้พวกตัวเองยกมือให้ตัวเองเป็นปธน.ต่อมาอีกถึงสองสมัย มีหน่วยข่าวกรอง KCIA เป็นมือเป็นไม้ คอยขัดขวางการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล และจัดการกับฝ่ายค้าน คอยยุบพรรคการเมือง
3
ชีวิตภายใต้ระบอบยูชินสำหรับประชาชนก็ยากลำบาก ถึงเศรษฐกิจเกาหลีใต้ในยุค 1970 จะเริ่มก้าวหน้าเพราะประเทศเน้นหารายได้จากอุตสาหกรรมและการส่งออกได้แล้ว แต่ก็เป็นความเจริญสำหรับเฉพาะคนบางส่วน เพราะการส่งออกที่ว่า ก็คือการส่งออกที่เน้นทำกำไรจากการกดค่าแรงคนงานเพื่อลดต้นทุนให้ต่ำ จะได้สู้กับญี่ปุ่น จีนและไต้หวัน นักการเมืองและข้าราชการก็ร่ำรวยแบบผิดปกติจนเป็นปกติ เพราะได้รับประโยชน์จากการอนุมัติการลงทุนโครงการของรัฐต่างๆ ให้กับพวกนายทุนหน้าเดิมๆ ที่ได้กลายเป็นนายทุนผูกขาด คนเดียวมีหลายๆ กิจการ
การทำธุรกิจกับรัฐในช่วงนั้น ไม่ว่าจะโควต้าจัดซื้อจัดจ้าง การนำเข้าและส่งออก ก็ล้วนแต่ต้องผ่านทหาร แล้วทหารก็เอาเงินไปรักษาอำนาจ เอาไปให้แจกจ่ายสร้างบุญคุณให้ผู้ใต้อุปถัมภ์ จ่ายสินบน เอาไปใช้เล่นการเมืองแบบสกปรก เผด็จการกับพรรคพวกก็ดูดผลประโยชน์เต็มที่ ชนชั้นกลางกับชนชั้นแรงงาน ก็ทำงานเสียภาษีแบบไม่ได้อะไร ไม่มีทางลืมตาอ้าปาก นักศึกษามองไม่เห็นอนาคต ประชาชนก็เริ่มต่อต้านระบบยูชินมากขึ้นเรื่อยๆ
การต่อต้านเริ่มเข้มข้นตั้งแต่ปี 1974 รัฐบาล ปัก จุงฮี ใช้มาตรการฉุกเฉิน เพื่อใช้กำลังควบคุมประชาชนอีกครั้ง ช่วงปี1974 ถึงปี 1979 มีการใช้มาตรการฉุกเฉินถึง 9 ฉบับ บางคนก็เรียกว่าเป็นยุคแห่งมาตรการฉุกเฉิน เป็นยุคที่รัฐมองประชาชนผู้เสียภาษีเป็นศัตรูแบบออกหน้าออกตา ทั้งๆ ที่ศัตรูก็มีอยู่แล้วคือเกาหลีเหนือ
ช่วงสิงหาคม ค.ศ. 1979 ประชาชนก็ทนไม่ไหวจนได้ หลังจาก ปัก จุงฮีใช้การเลือกตั้งชุบตัวเป็นครั้งที่สอง และก็ใช้สภาหรือที่เรียกว่าสมัชชาแห่งชาติ ที่อยู่ใต้อำนาจของ ปัก จุงฮี โหวตขับไล่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านพรรค NDP คิมยังซัม (Kim Young-sam) ออกไปจากสภา ประชาชนก็โกรธแค้น รู้สึกหมดหนทางที่จะสู้ด้วยการเมือง (อีกรอบ) ออกมาชุมนุมใหญ่ทั่วทั้งประเทศ (อีกรอบ) ยิ่งถูกสลายการชุมนุม ยิ่งจับคนติดคุกประชาชนก็ยิ่งออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ รัฐบาลหมดความชอบธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในปี 1979 นายพลปัก จุงฮี ก็ถูกลอบสังหาร คาทำเนียบรัฐบาล โดยหัวหน้า KCIA หลังจากที่เคยมีการลอบสังหารมาหลายครั้งแต่สำเร็จ คราวนี้ ปัก จุงฮี กลับโดนลูกน้องคนสนิทจัดการซะเอง ด้วยเหตุจูงใจที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ชัดเจน บ้างก็ว่าเกิดจากโทสะเกิดการทะเลาะกันเอง บางก็ว่าเกิดจากความพยายามโค่นล้มแย่งอำนาจกัน บ้างก็ว่าซีไอเออยู่เบื้องหลังเพราะกลัวว่า ปัก จุงฮี จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
1
เป็นการปิดฉากการปกครองระบอบเผด็จการในคราบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแบบสกปรกที่ปกครองประเทศมากว่า 18 ปี แต่วงจรอุบาทว์ก็ยังไม่สิ้นสุด หลังจากนั้นเพียงไม่นานก็เกิดรัฐประหารอีกรอบ
แสงสว่างแห่งประชาธิปไตย สิ่งที่ทำให้เกาหลีใต้หลุดพ้นจากการครอบงำของเผด็จการ
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
โฆษณา