27 เม.ย. 2020 เวลา 06:20 • สุขภาพ
ความคืบหน้าการสร้างยารักษาโควิด-19 โดยตรง
การสร้างยาตัวใหม่ในการรักษาโรค ปกติจะใช้เวลาราว 5-10 ปี
โดยมีกระบวนการ 2 ขั้นตอนใหญ่ คือ
1.การทดลองใช้ยาที่พัฒนาขึ้นมากับคนป่วยกลุ่มเล็กๆ และขยายกลุ่มใหญ่ขึ้น เพื่อดูประสิทธิภาพของยาในการรักษาโรค และดูผลกระทบข้างเคียง(side effect)
2.การพิจารณาอนุญาตให้ใช้ยานั้นในการรักษาโรคได้ จากหน่วยงานสาธารณสุขของทางการ
ดังนั้น การรักษาผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ จึงใช้ยารักษาโรคอื่นที่มีอยู่แล้วในท้องตลาดเป็นหลัก เพราะผ่านการอนุมัติจากทางการแล้ว ยาที่โดดเด่น คือ Favipiravir หรือชื่อการค้าว่า Avigan ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ พัฒนาโดยบริษัทในเครือฟูจิฟิล์มของญี่ปุ่น
ยาต้านไวรัสโควิดโดยตรง
ถ้าสามารถพัฒนายาต้านไวรัสโควิดโดยตรงออกมาใช้ได้ ย่อมได้ผลในการรักษาดีที่สุด
Samsung Biologics and Vir Biotechnology
บริษัท Samsung Builogics ประยุกต์ใช้ know how ในการออกแบบห้อง clean room จากโรงงานผลิตชิปของบริษัทซัมซุง
ขณะนี้ บริษัท Vir Biotechnology ซึ่งเป็นบริษัท startup ทางด้านยารักษาโรคติดต่อ ซึ่งได้เงินลงทุนมาจากมูลนิธิของบิลเกตส์และกองทุนของ Softbank Group ได้คิดค้นยารักษาไวรัสโควิด – 19 โดยตรงได้แล้ว และได้ทำสัญญาจ้างบริษัท Samsung Biologics ของเกาหลีใต้ผลิตยาตัวนี้ เป็นเงิน 360 ล้านดอลลาร์ (ราว 11,5000 ล้านบาท) โดยมีเป้าหมายผลิตยาออกมาทดลองในคนภายในปีนี้ และผลิตแบบ mass production ใช้รักษาคนป่วยทั่วโลกในปีหน้า จาก orders เกี่ยวกับยาที่เข้ามาจำนวนมาก ทำให้ราคาหุ้นของบริษัท Samsung Biologics ขึ้นสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทฯ มีมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Cap.) แซงบริษัทรถยนต์ฮุนได ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของเกาหลีใต้
บริษัท Samsung Biologics มีศักยภาพการผลิตยาชีวภาพเป็นอันดับ 1 ของโลก
ยารักษาโควิดที่บริษัท Vir Biotechnology พัฒนาขึ้นมานี้ กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอนุมัติขององค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา แต่สัญญาว่าจ้างให้บริษัท Samsung Biologics ผลิตนี้มีลักษณะพิเศษมากคือ มีระบุว่าแม้ในกรณีที่ FDA ไม่อนุมัติ ทางบริษัท Vir Biotechnology ก็จะจ่ายเงินตามสัญญาแก่บริษัท Samsung Biologics เต็มจำนวนโดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อเร่งกระบวนการพัฒนาและผลิตยาให้เร็วที่สุด เข้าสู่กระบวนการผลิตเลย โดยไม่รอการอนุมัติของ FDA ก่อน
โครงสร้างอุตสาหกรรมยาของโลก
การพัฒนาและผลิตยาตัวใหม่ๆ แต่ละตัวในปัจจุบันใช้งบลงทุนจำนวนมาก บริษัทยายักษ์ใหญ่ของโลก จึงมีแนวโน้มโฟกัสที่การวิจัยและพัฒนายาใหม่ แต่ไม่ผลิตเอง จะไปจ้างบริษัทในจีน เกาหลีใต้ อินเดีย ผลิต คล้ายบริษัท apple ที่ออกแบบพัฒนาโทรศัพท์มือถือ iPhone แต่จ้างบริษัท Foxconn เป็นผู้ผลิตให้
ประเทศไทยเรามีศักยภาพเป็นฐานในการผลิตยาเหล่านี้ได้ หากได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นระบบจากทางรัฐบาล และจะทำให้การวิจัยและพัฒนายา วัคซีน อุปกรณ์ทางการแพทย์ของไทยก้าวหน้าไปอีกมาก ถึงคราวเกิดเหตุฉุกเฉินคล้ายการระบาดของไวรัสโควิดครั้งนี้ เราจะมีความพร้อมในการรับมือ
สไตล์การบริหารของญี่ปุ่นและอเมริกา
ในขณะที่รอยารักษาไวรัสโควิดโดยตรง ประเทศต่างๆ ก็จำเป็นต้องใช้ยารักษาโรคอื่น มาประยุกต์ใช้ไปพลางก่อน ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น แต่แม้ยาที่มีใช้ในท้องตลาดแล้วอย่าง Avican เมื่อนำมาใช้รักษาโควิด ก็ต้องผ่านกระบวนการทดลองและขออนุญาตใช้รักษาไวรัส โควิด -19ใหม่อีกครั้ง เพราะในการรักษาโควิด ต้องใช้ปริมาณยามากกว่าการรักษาไข้หวัดใหญ่ 3 เท่า จึงต้องมีกระบวนการทดลองเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของยาและผลข้างเคียงใหม่ เอกสารจากการทดลองที่ต้องยื่นทางการเพื่อขออนุญาตนั้นมีความหนาเป็นแสนหน้า
 
ในญี่ปุ่นการทดลองผลการรักษาและตรวจสอบผลข้างเคียง จะเสร็จราวปลายเดือนมิถุนายน และกระบวนการพิจารณาอนุญาตของทางการปกติจะใช้เวลาราว 1 ปี แต่ในกรณีเร่งด่วนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาราว 6 เดือน ในระหว่างที่ยังไม่ได้อนุญาตอย่างเป็นทางการ การใช้ยา Avican รักษาคนป่วยต้องเลี่ยงเป็นลักษณะใช้เพื่อการทดลอง ซึ่งโรงพยาบาลต้องนำเสนอการใช้แต่ละกรณีให้คณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาอนุมัติซึ่งยุ่งยากในการบริหารจัดการและล่าช้ามาก
โดยสรุปคือ สไตล์ญี่ปุ่นเป็นแบบสุขุมรอบคอบรัดกุมยึดคติ “ช้าๆได้พร้าเล่มงาม” ในขณะที่อเมริกากระบวนการพิจารณาอนุมัติให้ใช้ยาใหม่ปกติใช้เวลาราว 6 เดือน แต่ในกรณียาต้านไวรัสโควิด – 19 คาดว่าจะเร่งรัดให้ใช้เวลาเพียง 1 เดือน ยิ่งการพิจารณาอนุมัติให้ใช้ชุดตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา FDA ใช้เวลาพิจารณาอนุมัติเพียง 24 ชั่วโมง เพราะอเมริกามีกระบวนการอนุมัติแบบพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อเตรียมใช้รับมือกับการก่อการร้ายด้วยอาวุธเชื้อโรค ซึ่งต้องการความรวดเร็วในการรับมือแก้ไขสถานการณ์
โดยสรุป อเมริกา มีสไตล์การตัดสินใจแบบกล้าได้กล้าเสีย เพราะเกรงว่าถ้าตัดสินใจช้าไป “กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้”
ก็ต้องดูกันต่อไปว่า ในภาวะที่ผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ในญี่ปุ่นเกินหมื่นคนแล้ว เสียงเรียกร้องกดดันให้รัฐบาลตัดสินใจแก้ปัญหาแต่ละอย่างให้เร็วขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆจะมีผลเปลี่ยนแปลงสไตล์การบริหารแบบญี่ปุ่นได้มากเพียงใด
ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองรักษาประเทศไทยและชาวโลกทั้งปวง
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา