Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าคนเข้าป่า
•
ติดตาม
29 เม.ย. 2020 เวลา 12:13 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องเล่าคนเข้าป่า : "หลงป่า"
สวัสดีครับกลับมาแล้ว ตอนแรกบอกว่าเจอกันเดือนหน้า
กลายเป็นว่า งานเสร็จไว เลยได้กลับก่อน
กลับมาก็พักผ่อนนอนหลับ ชาร์จพลังงานก่อนที่สัปดาห์หน้าลุยงานต่อ
วันนี้ผมจะมารีวิวการทำงานและเหตุการณ์จริงกับการ
"หลงป่า"(หลงเล็ก ๆ ) เรื่องราวจะยังไงมารับชมพร้อมกันครับ
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านั้นว่าผมได้เข้าป่าไปปฎิบัติภารกิจติดตั้งกล้องเพื่อ ถ่ายภาพเสือ จุดปฎิบัติงานของผมของนี้อยู่ที่จังหวัดที่มีคำขวัญว่า.....
"เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน"
โดยระยะเวลาครั้งนี้ แผนคือเราจะเข้าป่าวางกล้อง
แล้วออกเลยไม่ค้างคืนในป่า แต่ออกมาแคมป์ข้างนอกที่ขอบป่าแทน
เมื่อวางแผนอะไรเสร็จเราก็เดินทางไปตั้งแคมป์ที่ขอบป่า
พรุ่งนี้เช้าก็จะออกเดินทาง
ตื่นเช้ามาก็จัดของเก็บของจัดกระเป๋าหยิบของอะไรเรียบร้อย จากนั้นก็
.
.
.
ขึ้นรถ!!!
ยังไม่เดินครับ เราต้องให้รถพาเราไปไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้เพื่อลด
ระยะทางในการเดินให้ได้มากที่สุด เซฟแรงด้วย
เมื่อมาได้ไกลที่สุด ต่อไปก็ถึงเวลาย่ำเท้าเข้าป่าเพื่อไปตั้งกล้องตามจุดหมายที่เราต้องการ เราออกเดินเวลา 10.10 น.
ในภาพนี้มีคนอยู่หรือไม่
จุดหมายที่เราต้องการคือการหาสิ่งที่เรียกว่า
"ด่านสัตว์"
ด่านสัตว์ ถ้าเเปลง่าย ๆ ก็คือทางสัตว์เดิน ในธรรมชาติของป่า ต้นไม้ หญ้า ย่อมแข่งขันการโตขึ้นเสียดฟ้าไปหาแสงแดด ต้นไม้ที่แย่งกันโตก็ทำให้ป่า
เกิดความรก ยากต่อการเดินของสัตว์เล็ก ๆ แต่ไม่ใช่กับสัตว์ใหญ่ ๆ
ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ เดินทีต้นไม้รอบ ๆ ก็ล้มเกิดเป็นทางยาวตลอดการ
เดินของมัน จากป่าที่เคยรก มีช่องว่างแทรกขึ้นมาสัตว์ ชนิดเล็ก ๆ ลงมาก็สามารถใช้ประโยชน์จากเส้นทางนี้ได้
ทายสิ! เป็นรอยเท้าของสัตว์ชนิดใดบ้าง ?
แต่บางทีอาจไม่ใช่สัตว์ใหญ่เสมอไป สัตว์อะไรก็ตามเดินผ่านทางนั้นบ่อย ๆ
หากินทางเดิมบ่อย ๆ เราก็เรียกว่าด่านสัตว์ได้หมือนกัน เช่น หมีใช้เส้นทางนี้บ่อยก็เรียกว่า ด่านหมี ด่านช้าง
พวกเราเดิน ไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดกำหนดไว้บนแผนที่ตอนแรก ที่คิดว่าน่าจะเป็นด่านสัตว์
เมื่อว่าถึงจุดมาร์ค
เราจะสำรวจบริเวณโดยรอบเป็นวงกลมเพื่อดูว่ามีร่องรอยสัตว์ และมีพื้นที่เหมาะสมในการวางกล้องหรือไม่ ถ้าเหมาะสมก็เราจะตั้งกล้องตรงนั้นเลย ถ้าไม่เหมาะก็ย้ายที่
การวางกล้องผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหา เราติดครบทุกจุดตามที่ตั้งใจไว้ ไม่ต้องเปลี่ยนที่ใหม่
ระยะทางการเดินทั้งหมดประมาณ 15 โล ถือว่าไวมาก ทุกคนดีใจและผมเองก็ดีใจเช่นกัน เราปิดภารกิจตอน 13.30
จนมีพี่คนหนึ่งทักขึ้นมาว่า "งานนี้กินหมู" ในใจผมก็คิดว่ากินหมูเหมือนกัน
เสร็จไว กลับเร็ว ชอบบ!!! ใช้เวลา 3 ชั่วโมงกว่า ๆ เอง
จากนั้นก็เฮฮากันสนุกสนาน เดินกลับกันชิว ๆ กล้องในเป้ก็เอาออกไปแล้ว เสบียงอาหารก็ลดลง เหลือแต่น้ำ กระเป๋าเลยเบาสบาย เดินง่ายไม่ปวดหลัง
ระหว่างทางก็พบงูเขียวกาบหมาก เป็นงูกลุ่มทางมะพร้าว ที่ส่วนใหญ่อาศัย
อยู่บนต้นไม้ ไม่ค่อยพบเจอตัวง่าย ๆ
เซลฟี่ซะหน่อยย
ครั้งนี้รู้สึกเหมือนอะไรเป็นใจไปหมด เราปิดงานได้ไว เจอสัตว์ที่ไม่คิดว่าจะเจอ อีกทั้งช่วงระหว่างเดินไม่ค่อยมีแดด ทำให้ง่ายต่อการเดิน อากาศไม่ร้อน
ตามแผนคือเมื่อตั้งเสร็จแล้ว ให้ออกอีกทางและไปเจอกันที่จุดกำหนดเพื่อรับกลับ
เราเดินกันไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พักกินน้ำแล้วก็เดินต่อ
จนกระทั่งพี่คนที่ถือ GPS ทักขึ้นมาว่า....
เดี๋ยว ๆ !!
ทุกคนหยุดด้วยความงง ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาว่า มันไม่ใช่ทางนี้แล้ว เรากำลังเดินไปกลับหาจุดที่ตั้งกล้อง ผมเปิด GPS กับแผนที่ดูเพื่อ
ความแน่ใจ ปรากฎว่าเราห่างจุดที่เราไปตั้งกล้องเพียง 300 เมตร
สรุปคือพวกเรากำลังเดินเป็นวงกลม ด้วยความที่ทางมันขดเขี้ยว อ้อมไปอ้อมมา ไม่สามารถเดินตรง ๆ ได้ รู้ตัวอีกทีก็กำลังวนกลับไปจุดเดิม มองไปทางไหนก็เหมือนกันจนแยกไม่ออก
ขณะนั้นเจ้าหน้าที่หนึ่งคนในทีมได้เดินรุดหน้าไปก่อนแล้ว ทำให้เราพลัดหลงกัน จึงต้องทำการหยุดเดิน และตั้งเป็น 2 ชุด ชุดแรกวางแผน อีกชุดหนึ่งออกไปตามอีกคนกลับมา
เราก็มานั่งคิดกันว่าเราจะออกทางไหน
1. เดินย้อนกลับไปที่จุดตั้งกล้องแล้วเดินย้อนกลับไปทางที่เข้ามาซึ่งขามาก็ประมาณ 15 โล ถ้ากลับทางเดิมก็ 30+
2. เปิดทางใหม่ตัดลงเขา ไปลงข้างถนนแล้วโทรเรียกให้ชุดข้างนอกมารับ
3.กลับไปตั้งหลักใหม่ที่จุดกล้อง แล้วไปเส้นทางเดินตามที่นัดไว้ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะวนกลับไปทางอีกเดิม เพราะเราวนมาแล้วรอบหนึ่ง
ความแตกต่างของตัวเลือกคือ ทางแรกเดินง่าย แต่นาน ทางสองเดินยาก แต่ไวประมาณ 5 กิโล ทางสามกลับไปที่กล้องแล้วเดินใหม่ไปจุดที่นัด 3 กิโลน่าจะถึง
คุณเลือกทางไหนครับ
.
.
.
.
ผมเลือกทาง 2 ครับ
เพราะกลับทางเดิมมันไกล สู้เหนื่อยหน่อยแต่ไวดีกว่า และก็ไม่รู้ว่าถ้ากลับไปทางเดิมจะหลงอีกมั้ย
พอวางแผนเสร็จแล้ว ทีนี้ทุกคนเดินกันด้วยความรวดเร็ว
เพราะใกล้จะมืดแล้ว ยิ่งมืดยิ่งอันตราย บวกกับไม่มีเสบียงสำหรับค้างคืน ยิ่งต้องรีบออกให้ไวที่สุด
ลงเขาแบบชัดมาก ไต่หน้าผาลงมาเรื่อย ๆ ต้องใช้กำลังขาในการเกร็ง เพื่อไม่ให้ตัวเองลื่นตกลงไป
ทริค : หากใครเดินแล้วกลัวลื่น ผมมีวิธีเดินให้ไม่ลื่นมาบอก
เก็บคอ งอเข่าแล้วกลิ้งลงไปเรื่อยครับ ไวดี!!!
ไม่ใช่ครับ หากเราเดินลงจากที่สูงและราบให้พยายามเดินเฉียงเอาไว้ ตั้งเท้าเอียง มองข้างว่ามีอะไรเป็นหลักให้เท้าเราได้บ้าง ค่อย ๆ เดิน
ห้ามรีบเด็ดขาด
ลงเขามาจุดสุดทาง มองซ้ายมองขวา สภาพป่าก็เปลี่ยนไปแล้วนะครับ จากป่าตอนแรกเต็มไปด้วย ต้นไม้ปกคลุมรกทึบเต็มไปด้วย ตอนนี้กลายเป็นป่าที่มีแต่ต้นไผ่ใบสีเหลืองขึ้นอยู่ทั่ว
เราเรียกว่าป่าที่สองชนิดที่ขึ้นแทรกกันนี้ว่า"รอยต่อป่า"ครับ คือระหว่างป่าเบญจพรรณกับป่าดิบแล้ง
สรุปออกป่ามาตอน 17.05 น. งานนี้กินหมูจริง ๆ หมูนี้อย่างเหนียวเลย
จากนั้นเมื่อมาถึงตีนเขาเราก็โทรเรียกคนคนมารับ
และกลับบ้านนอนโดยสวัสดิภาพ
พรุ่งนี้เรามาดูกันว่าตอนเก็บกล้องจะได้ภาพสัตว์อะไรบ้าง
## อยากรู้กดติดตามรอไว้เลยครับ พรุ่งนี้เรามาดูกัน
เรียบเรียงโดย : เรื่องเล่าคนเข้าป่า
1 บันทึก
24
16
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องเล่าคนเข้าป่า
1
24
16
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย