29 เม.ย. 2020 เวลา 06:54 • ประวัติศาสตร์
เศรษฐินีผู้ขี้เหนียวที่สุดในอเมริกา
ชื่อของนาง Hetty Green เศรษฐินีสาวใหญ่ในเมืองเบดฟอร์ด รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ไม่ได้เป็นที่รู้จักไปทั้งเมืองในฐานะของหญิงวัยกลางคนที่มีฐานะดี เก่งกาจในการลงทุน หากแต่เธอเป็นที่รู้จักกันในนามของ “หญิงที่ขี้เหนียวที่สุดในอเมริกา”
WIKIPEDIA PD
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
เธอเกิดมาในตระกูลเศรษฐี ผู้เป็นบิดาเป็นนักธุรกิจผู้เปิดกิจการล่าปลาวาฬและทำการค้ากับต่างประเทศ เรียกได้ว่าตั้งแต่เกิดมาก็คาบช้อนเงินช้อนทองออกมาเลยด้วยซ้ำ Hetty Green เป็นนักลงทุนโดยสายเลือด เธอเริ่มต้นเรียนบัญชี อ่านเอกสารทางการเงินตั้งแต่อายุ 6 ปี และเมื่อย่างเข้า 13 ปี เธอก็ถูกมอบหมายให้เป็นนักบัญชีคอยดูแลเรื่องเงินให้กับธุรกิจล่าปลาวาฬ
จนเมื่ออายุได้ 26 ปี ในปี 1860 ผู้เป็นบิดาก็เสียชีวิตลงพร้อมทั้งทิ้งมรดกเอาไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งเธอก็นำเงินเหล่านี้ไปลงทุนในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลมาเก็บไว้ ต่อมามารดาก็เสียชีวิตตามไปอีกคนและทิ้งมรดกเอาไว้ให้เธอด้วยเช่นกัน Hetty นำเงินมรดกไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี เธอสามารถทำเงินได้ถึง 11 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันก็จะอยู่ที่ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในเศรษฐีของสหรัฐอเมริกาในยุคนั้นและได้รับการยกย่องว่าเธอเปรียบเสมือน “แม่มดแห่งวอลล์สตรีท”
แต่ถึงแม้ว่าจะมีเงินเป็นพันล้าน Hetty กลับใช้ชีวิตที่ดูไม่เหมือนคนรวยแต่อย่างใดและหนำซ้ำพฤติกรรมของเธอนั้นยังเกินคนปกติ เรื่องราวความขี้เหนียวของ Hetty นั้นกลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าของเธอทุกชุดนั้นจะเป็นสีดำเพราะถึงจะสกปรกก็มองเห็นคราบได้ยาก และถ้าสกปรกจริงๆ นั้นเธอจะส่งให้พนักงานซักผ้าซักเฉพาะส่วนที่ลากพื้นเท่านั้น และค่าบริการก็จะต้องคิดเฉพาะส่วนที่ซัก ไม่สามารถคิดเต็มจำนวนได้
1
WIKIPEDIA PD
ในสำนักงานของเธอ Hetty สั่งห้ามให้พนักงานเปิดเครื่องทำความร้อนหรือใช้น้ำร้อนในฤดูหนาวเนื่องจากมันเปลืองแก๊ส เธอแนะนำให้ทุกคนใส่เสื้อผ้าหนาๆ มาทำงาน หากจำเป็นที่ต้องเปิดจริงๆ เธอก็จะนำกาต้มน้ำร้อนมาวางไว้บนฮีตเตอร์เพื่อที่จะได้มีน้ำร้อนในการชงข้าวโอ๊ตเป็นอาหารกลางวันด้วย หากมื้อไหนเบื่อข้าวโอ๊ตเธอก็จะไปซื้อพายราคาถูกกิน
นอกจากนี้เธอยังเคยใช้เวลาเกือบทั้งคืนในการค้นรถทั้งคันเพื่อหาแสตมป์ราคาเพียงแค่ 2 เซนต์ที่ตกอยู่ ความขี้เหนียวของเธอยังไม่หมดเพียงเท่านี้ Hetty ไม่ซื้อบ้านเป็นของตัวเอง แต่จะใช้วิธีไปเช่าโรงแรมจิ้งหรีดอยู่ เพราะเธอคำนวณแล้วว่าอยู่ในโรงแรมนั้นเสียค่าเช่าน้อยกว่าการเสียภาษีบ้านในแต่ละปี Hetty เคยเดินทางข้ามรัฐไปหลายร้อยไมล์เพียงเพื่อที่จะตามทวงเงินจากลูกหนี้ที่ติดเงินเธอไม่กี่ร้อยเหรียญ ซึ่งหาได้ยากสำหรับสมัยก่อนที่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะเดินทางข้ามรัฐแบบนี้
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
แต่เรื่องไหนก็คงจะไม่เป็นตำนานเท่ากับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ย้อนกลับไปในสมัยลูกชายของเธออายุประมาณ 6-7 ขวบ เด็กน้อยได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าจนขาหัก Hetty กลัวว่าจะถูกเก็บเงินค่ารักษาเยอะหากไปรักษากับแพทย์ปกติ เธอจึงส่งลูกชายไปที่แผนกคลินิกสำหรับผู้ยากไร้ แต่ทว่าหมอดันจำเธอได้จึงปฏิเสธที่จะรับไว้และแนะนำให้ไปหาแพทย์ในแผนกปกติ ซึ่ง Hetty ประชดหมอด้วยการนำลูกกลับบ้านและหลังจากนั้นไม่นาน ขาทีหักก็เริ่มลุกลามจนในที่สุดต้องตัดขาลูกชายออก แม้กระทั่งตัว Hetty เองเมื่อเข้าสู่วัยชรา เธอป่วยด้วยโรคไส้เลื่อนแต่ปฏิเสธการรักษาเพราะว่าโรงพยาบาลเรียกค่ารักษาเป็นเงิน 150 เหรียญสหรัฐ ทำให้เธอต้องหันไปนั่งรถเข็นตั้งแต่นั้นมา
Hetty Green เสียชีวิตในวัย 81 ปี ด้วยโรคลมชักในบ้านของลูกชาย ขณะที่กำลังเถียงแม่บ้านเรื่องราคานมที่จะรับจากคนส่งนม โดยทิ้งมรดกไว้เป็นจำนวนกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (มูลค่าปัจจุบันประมาณ 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ)
โฆษณา