29 เม.ย. 2020 เวลา 11:37 • ข่าว
ECONOMICS : ความเคลื่อนไหวทางเศรษฐศาสตร์วันนี้
1. ธนาคารยักษ์ใหญ่ของจีน กำลังเผชิญกับปัญหาเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลมูลค่า 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์
ในปัจจุบัน การจ่ายเงินปันผลของบริษัททั่วโลกลดลงอย่างมาก และ 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์นั้นถูกให้คำมั่นไว้โดยธนาคารยักษ์ใหญ่ที่สุดของจีน
Industrial & Commercial Bank of China Ltd. (ICBC) และผู้ปล่อยกู้รายใหญ่ที่สุดอีก 3 แห่งของจีน ได้จ่ายเงินปันผลกว่า 30% ให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยในปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้อัตราการจ่ายเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย (Average Dividend Yield) สูงกว่า 6% คิดเป็นเกือบ 2 เท่าของธนาคารคู่แข่งในสหรัฐฯ
แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจาก Coronavirus ทำให้ธนาคารประเมินว่าจะมีโอกาสสูญเสีย Credit หลายแสนล้านดอลลาร์ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มที่จะปรึกษาหารือกัน ในเรื่องที่ธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่ง "ควรปรับลดการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยเฉพาะรัฐบาลที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่"
Comment : พูดให้เข้าใจง่ายก็คือปรับลดการจ่ายเงินปันผลสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งหมดไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาลหรือเอกชน อีกนัยหนึ่งก็คือธนาคารจะเก็บเงินสดไว้ในคลังบัญชีมากกว่าเดิมนั่นเอง
"การปรับปรุงอัตราเงินปันผลที่สูง เป็นส่วนนึงของความรับผิดชอบทางสังคมของจีน โดยเฉพาะในเวลาที่งบประมาณกำลังถูกบีบคั้น" Nicholas Zhu นักวิเคราะห์ของ Moody's Investor Service ในประเทศจีนกล่าว
"ไวรัสค่อย ๆ กัดกร่อนงบประมาณไปอย่างช้า ๆ และต่อเนื่อง ดังนั้นการปรับลดเงินปันผลลงไปเรื่อย ๆ เป็นขั้นบันได จะให้ผลดีกว่าการปรับลดลงในครั้งเดียวอย่างรุนแรง"
ภาพด้านล่างแสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นของ ICBC ในปัจจุบันซื้อขายกันอยู่ที่ระดับต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี โดยแสดงเป็นสัดส่วนระหว่าง Price/Book Value
UBS Group INc. ได้คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมธนาคารของจีนจะมีผลกำไรลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 39% ในปีนี้ ถึงแม้จะมีการสนับสนุนจากรัฐบาลโดยการช่วยดูดซับหนี้เสีย
นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่รายได้ของธนาคารจะลดลงกว่า 70% โดยนักวิเคราะห์ของ S&P Global Inc. ได้คาดการ์เอาไว้ว่าวิกฤตในครั้งนี้จะทำให้เกิดหนี้เสียในจีนถึง 7.9 แสนล้านดอลลาร์
ภาพด้านบนแสดงให้เห็นว่าในไตรมาสแรกของปี 2020 เศรษฐกิจจีนหดตัวถึง -6.8% และจากคาดการณ์ของ Bloomberg Survey. กล่าวว่า GDP ของจีนจะเติบโตน้อยกว่า 2% ในปีนี้
2. จีนวางเงินเดิมพัน 6 แสนล้านดอลลาร์สำหรับการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
ประเทศจีนกำลังเร่งหาทางฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลงอย่างหนักจากการระบาดของ Coronavirus
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ารัฐบาลจะใช้เงินถึง 5.65 แสนล้านดอลลาร์ สำหรับการออกพันธบัตรพิเศษ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 2 เท่าของยอดรวมปีที่แล้ว
ขั้นตอนดังกล่าวจะเป็นการทุ่มเงินลงในธุรกิจประเภทเดียวกันกับที่จีนเคยทุ่มเงินลงไปเมื่อครั้งตอนวิกฤตทางการเงินในปี 2008 เช่น ถนน, สนามบิน, รางรถไฟ
การอัดฉีดเงินครั้งนี้ มีเป้าหมายอย่างชัดเจนคือเมือง Heze ในมลฑล Shandong ของจีน ซึ่งจะทำการเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายแรกของจีน
ขณะนี้การก่อสร้างในโครงการดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งอย่างเต็มพิกัด โดยการเดิมพันครั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่มีผลกำไรไม่แน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอนคือ "เงินที่กู้ยืมมาจำเป็นต้องใช้คืน" นี่จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากสำหรับอนาคตของประเทศจีน
แน่นอนว่าการชำระหนี้จะเกิดขึ้นจากรายได้ของโครงการเป็นหลัก ดังนั้นสิ่งเดียวที่พวกเขาต้องกังวลก็คือ จะทำอย่างไรให้ได้กำไร มากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต้องเสีย ?
วิธีการที่รัฐบาลจีนเลือกใช้ในปัจจุบันก็คือการออกพันธบัตรพิเศษมูลค่า 1.82 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ และจะมีอีก 1.41 แสนล้านดอลลาร์ตามมาในปลายเดือนพฤษภาคม 2020 รวมเป็น 3.23 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ายอดรวมของปี 2019 ที่ประมาณ 3.07 แสนล้านดอลลาร์
การสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์โดย Bloomberg ระบุว่า รัฐบาลจีนจะขายพันบัตรทั้งสิ้นประมาณ 4.24-5.65 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2020
ตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ในไตรมาสแรกของจีนที่น่าสนใจมีดังนี้
(1.) รายรับของประชาชนทั่วไปหดตัวลง 14.3%
(2.) รายรับของกองทุนรัฐบาลลดลง 12%
(3.) รายได้จากการขายที่ดินลดลง 7.9%
3. ธนาคาร Barclays รายงานผลกำไรลดลง 42% พร้อมปรับลดมูลค่าของ Credit ลง 2.6 พันล้านดอลลาร์
ธนาคาร Barclays แห่งอังกฤษรายงานผลกำไรของไตรมาสแรกลดลง 42% ในวันพุธที่ผ่านมา พร้อมกับการปรับลดมูลค่าของ Ciredit ลง 2.62 พันล้านดอลลาร์
กำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเป็น 750 ล้านดอลลาร์ จาก 1.3 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปี 2019 และนั่นจึงเป็นเหตุผลให้ Barclays ปรับลดอัตราการจ่ายเงินปันผล (ROTE) ลงสู่ 5.1%
รายละเอียดอื่น ๆ ที่น่าสนใจดังนี้
(1.) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 4.09 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับค่าใช้จ่ายในช่วงเดียวกันของปี 2019
(2.) อัตราส่วนของหุ้นชั้นหนึ่ง (CET1) อยู่ที่ 13.1% เพิ่มขึ้น 0.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019
(3.) Return on tangible equity (ROTE) ลดลงเหลือ 5.1% จาก 9.2% ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019
(4.) ผลกำไรก่อนหักภาษี (Pre-Tax Profit) ลดลง 38% มาอยู่ที่ 1.13 พันล้านดอลลาร์ จาก 1.84 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019
อย่างไรก็ตาม รายได้ทั้งหมดของธนาคารเพิ่มขึ้น 20% สู่ระดับ 7.8 พันล้านดอลลาร์ และรายได้จาก FICC (Fixed Income, Currencies and Commodities) เพิ่มขึ้น 106% สู่ระดับ 2.3 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปี 2019
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา