ท้าวสักกะตรัสตอบว่า “เราอดทนต่อถ้อยคำอันหยาบคายของท้าวเวปจิตติได้ เพราะความหวาดกลัวหรือเพราะไม่มีกำลังจะต่อสู้ก็หาไม่ วิญญูชนผู้เช่นเรา ไฉนจะพึงโต้ตอบกับคนพาลเล่า”
มาตลีเทพบุตรทูลต่อว่า “คนพาลไม่มีผู้กำราบ เหมือนพยัคฆ์ร้าย มันก็ยิ่งกำเริบหนักขึ้นไปทุกวัน ไม่มีทางจะทำให้เชื่องได้ด้วยวิธีการทั่วๆไป เพราะฉะนั้น ธีรชนพึงกำราบคนพาลด้วยอาชญาอย่างรุนแรงสิ พระเจ้าข้า”
ท้าวสักกะ ท่านทรงเป็นพระโสดาบันแล้ว ไม่ยินดีการฆ่าหรือทำร้ายคนอื่น จึงอธิบายให้ฟังว่า “ผู้ใดรู้ว่าคนอื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติ สงบระงับได้ เราเห็นว่า การสงบระงับได้ของผู้นั้นแล เป็นการกำราบคนพาล”
มาตลีเทพบุตรฟังแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจกระจ่างแจ้ง จึงกราบทูลว่า “ข้าแต่ท้าววาสวะ ข้าพระองค์เห็นโทษในความอดทนนี้ว่า เมื่อใด คนพาลย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า ผู้นี้ย่อมอดกลั้นต่อเราเพราะความกลัว เมื่อนั้น คนมีปัญญาทราม ยิ่งข่มขี่ผู้นั้น เหมือนโคยิ่งข่มขี่โคตัวแพ้ที่หนีไป ฉะนั้น”
ท้าวสักกะได้ตรัสว่า “บุคคลจงสำคัญว่า ผู้นี้อดกลั้นต่อเรา เพราะความกลัวหรือหาไม่ก็ตามที ประโยชน์ทั้งหลายมีประโยชน์ของตนเป็นอย่างยิ่ง ประโยชน์ยิ่งกว่าขันติไม่มี ผู้ใดเป็นคนมีกำลัง อดกลั้นต่อคนผู้ทุรพลไว้ได้ ความอดกลั้นของผู้นั้น บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า เป็นยอดแห่งขันติ บัณฑิตทั้งหลายกล่าวถึงกำลังของผู้ซึ่งมีกำลังอย่างคนพาลว่า หาใช่กำลังที่แท้จริง ไม่มีผู้ใดที่จะกล่าวโต้ตอบต่อผู้มีกำลัง ผู้ซึ่งธรรมคุ้มครองแล้วได้เลย เพราะความโกรธนั้น โทษที่ลามกจึงมีแก่ผู้ที่โกรธตอบต่อผู้ที่โกรธ
บุคคลผู้ไม่โกรธตอบต่อผู้ที่โกรธ ย่อมชื่อว่าชนะสงครามซึ่งเอาชนะได้ยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติระงับไว้ได้ ผู้นั้นชื่อว่าประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือ ทั้งฝ่ายตนและคนอื่น คนที่ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมสำคัญเห็นผู้รักษาประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย คือ ของตนและของคนอื่นว่าเป็นคนโง่ เราเห็นประโยชน์ของความอดทนอย่างนี้ จึงเป็นผู้มีความอดทนต่อถ้อยคำหยาบของจอมอสูร โดยไม่รู้สึกว่าต้องอดทนอะไรเลย”
เราจะเห็นว่า แม้พระอินทร์ก็สรรเสริญขันติธรรมว่าเป็นกำลังอันประเสริฐ ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จสมปรารถนาทุกอย่าง แม้ความอดทนที่เป็นเรื่องเฉพาะในปัจจุบันก็มีอานิสงส์มาก พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสสรรเสริญไว้ว่า...
ดูก่อน...ภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของความอดทนมี ๕ ประการ คือ ผู้อดทนย่อมเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก ย่อมเป็นผู้ไม่มากด้วยเวร คือ ทำให้ไม่มีเวรมีภัยกับใคร ย่อมเป็นผู้ไม่มากด้วยโทษ ย่อมเป็นผู้ไม่หลงทำกาละ เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์อย่างเดียว