29 เม.ย. 2020 เวลา 17:02 • ความคิดเห็น
AI จะมาช่วยแบ่งเบาภาระคุณหมอในสถาการณ์การระบาดของไวรัส Covid-19 ได้หรือไม่?? 🤔
Google เปิดเผยผลวิเคราะห์การใช้ Google’s medical AI ในการช่วยแพทย์วินิจฉัยคัดกรองผู้ป่วยเป็นครั้งแรก โดยเป็นการทดสอบและเก็บข้อมูลในไทยเรานี้เอง!! 😮🧐
หมอ AI ?? แม้แพทย์บางคนอาจจะไม่ชอบใจ แต่ในสถาการณ์ที่พบผู้ป่วยแล้วเป็นล้านคนในอเมริกาจนหมอจะหมดแรงกันทั้งประเทศแล้ว อะไรช่วยได้ก็คงต้องเอามาใช้
ด้วยสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 อย่างหนักในอเมริการและยุโรป บุคคลากรทางการแพทย์เหนื่อยล้า ผู้คนจึงหวังว่า "หมอ AI" ที่กำลังพัฒนากันอยู่และมีข่าวว่าแม่นยำหนักหนานั้นจะมาช่วยรับมือกับวิกฤตนี้
ตัวอย่างหนึ่งของการนำ AI มาใช้งานคือในประเทศอังกฤษ โดยคุณหมอ Rizwan Malik แห่งโรงพยาบาล Royal Bolton ดำเนินงานโดย UK’s National Health Service (NHS) ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสนใจในการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์อยู่เดิม
โดยก่อนการระบาดนี้เขาเคยเสนอโครงการในการนำ AI มาตรวจคัดกรองผู้ป่วยจากการอ่านฟิล์มเอกซเรย์ปอด ชื่อ qXR ที่พัฒนาโดยซอฟแวร์เฮาส์ในมุมไบประเทศอินเดีย
ซึ่งเขาเสนอแผนให้ใช้งาน qXR เป็นความเห็นจากการปรึกษาแพทย์อื่น หรือ second opinion
ฟิล์มเอกซเรย์ปอดโรคต่าง ๆ สังเกตกันออกไหมครับว่าต่างกันยังไง??
แต่การทดสอบยังไม่ได้ทันได้เริ่ม Covid-19 ก็บุกเข้าอังกฤษเสียแล้ว ดังนั้นข้อเสนอ AI ของเขานี้จึงได้รับความสนใจอย่างมาก
ทั้งนี้เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีผลการวิจัยรายงานถึงรูปแบบของปอดที่ได้รับความเสียหายจากเชื้อ Covid-19 ที่มีความสอดคล้องกับการตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสด้วยวิธี Real-time RT PCR
ซึ่งทำให้การวินิจฉัยจากการอ่านฟิล์มเอกซเรย์ปอดของผู้ป่วยนั้นช่วยให้แพทย์สามารถคัดครองผู้ป่วยได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น
ทีมแพทย์ของจีนที่อู่ฮั่นเริ่มสังเกตเห็นรูปแบบร่วมของปอดที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อ Covid-19
โดยใช้เวลาเพียงอาทิตย์เดียวทีมพัฒนา AI ของ qXR ก็สามารถปรับอัลกอลิทึ่มให้พร้อมสำหรับการวิเคราะห์และคัดกรองฟิล์มเอกซเรย์ปอดของผู้ป่วยที่เข้าข่ายว่าติดเชื้อ Covid-19
ซึ่งโดยปกติแล้วต้องมีการทดลองเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของ AI ที่จะนำมาใช้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่รู้กันอยู่ การนำ qXR มาใช้งานร่วมในการคัดครองผู้ป่วยจึงได้รับการอนุมัติเป็นกรณีพิเศษ
นี่เป็นหนึ่งตัวอย่าง ฃึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลหลายแห่งในยุโรปและอเมริกาได้นำ AI มาช่วยคัดครองผู้ป่วย Covid-19 นี้ แต่ทั้งนี้ด้วยการข้ามขั้นตอนการตรวจตามสอบปกติก่อนจะนำมาใช้ประกอบการวินิจฉัยนี้มันเหมาะสมแล้วหรือ? 🤔
กลับมาที่หัวข่าวบทความที่ว่า Google เปิดเผยผลวิเคราะห์จากการใช้ Google’s medical AI ในการช่วยแพทย์วินิจฉัยคัดกรองผู้ป่วย ผลจะเป็นอย่างไร มาดูกัน
การวิจัยและพัฒนา AI ของ Google ที่นำมาเปิดเผยนี้เป็นการนำ AI มาใช้ในการคัดกรองการป่วยเป็นต้อหินในผู้ป่วยเบาหวาน
ต้อหินภัยร้ายที่อาจนำโลกอันมืดมิดมาสู่ผู้ป่วยเบาหวาน
ทั้งนี้ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเป็นโรคต้อหินมากกว่าคนทั่วไปถึง 40% ซึ่งนำไปสู่การตาบอดถาวรได้ แต่ถ้าหากสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ช่วงแรกของโรคการรักษาก็ยังสามารถทำได้อยู่
ดังนั้นการตรวจให้เจอเร็วที่สุดจึงเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการรักษาโรคต้อหินในผู้ป่วยเบาหวานนี้
ด้วยความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ทีมงาน Google ได้นำเอา AI เข้าทดสอบใช้งานในโรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีและเชียงใหม่
น้องพยาบาลกับกล้องที่ใช้ถ่ายรูปดวงตาของผู้ป่วย
โดยเริ่มเก็บข้อมูลมาตั้งแต่ 2 ปีก่อน ซึ่งทีมงานจะเข้าไปสอนวิธีการใช้งาน การตั้งค่าอุปกรณ์ รวมถึงการอ่านผลให้กับทีมแพทย์และพยาบาล
ผลการเก็บข้อมูลพบว่ามีประเด็นในการนำ AI เข้าใช้งานหลายอย่างซึ่งเกี่ยวพันกับบุคคลากรผู้ใช้งาน
ประเด็นแรก กล้องของแต่ละโรงพยาบาลคุณภาพไม่เท่ากัน แสงไฟในแต่ละโรงพยาบาลมีสีและความสว่างไม่เท่ากันทำให้ภาพที่ได้มีความแตกต่างกัน ทำให้ AI งงได้
ประเด็นถัดไป การถ่ายภาพมาแล้วเบลอหรือมืดไป สว่างไป อันเนื่องมาจากความเชี่ยวชาญในการใช้อุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่
ก็หนูยังใช้ไม่คล่องนี่
ด้วยการตั้งค่าที่ไม่สอดคล้องเหล่านี้ทำให้ บางครั้งผลลัพธ์ที่ได้ไม่น่าเชื่อถือ เคสคัดกรองที่ส่งต่อไปยังจักษุแพทย์กลับไม่ได้เป็นอะไร ทำให้หมอต้องเสียเวลา (หมอตาบ้านเรานี่อัตราส่วนอยู่ที่ 14 คนต่อประชาการหนึ่งหมื่นคน)
แต่หากมีการปรับปรุงข้อมูลการตั้งค่าให้เหมาะสมแล้ว AI จะมีส่วนช่วยอย่างมากในการคัดกรองผู้ป่วยและยังสร้างความมั่นใจให้กับพยาบาลหน้างานด้วย
ดังนั้นในรายงานจึงสรุปผลออกมาว่า การจะใช้งาน AI ให้ได้ประโยนช์สูงสุดนั้น จึงต้องเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI โดยมีผู้พัฒนา AI เป็นตัวกลางระหว่าง AI และผู้ใช้งาน
แม้ว่าก่อนหน้านี้ข่าวคราวผลการใช้ AI ในห้องทดลองจะดูดี ราวกับว่า AI จะเก่งกว่าหมอเฉพาะทางเสียด้วยซ้ำ แต่การนำมาใช้จริงหน้างานนั้นกลับยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความแม่นยำของ AI ดังนั้นกว่าที่ AI จะพร้อมและเข้ามาเป็นผู้ช่วยคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่
หากคนใช้และ AI เข้ากันได้ดีก็เหมือนคู่หูที่เข้าขานั่นเอง ฉะนั้นแล้วการที่ AI จะมาแย่งงานหมอนั้นคงจะไม่ใช่ น่าจะเป็นการมาช่วยงานหมอเสียมากกว่า โดยเฉพาะการรับมือกับระบาดครั้งใหญ่ของโรคอุบัติใหม่ครั้งหน้า 😉

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา