30 เม.ย. 2020 เวลา 11:26 • การศึกษา
Oil Insight : ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังร่วงลงอย่างต่อเนื่องมา 3 วัน ขณะที่บริษัท Royal Dutch Shell ลดการจ่ายเงินปันผลลง 66% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
WTI Crude Oil และ Brent Crude Oil Futures ปรับตัวขึ้นประมาณ 15% และ 9% ตามลำดับ โดยแหล่งข่าวระบุว่าสาเหตุจากการที่ผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกปรับลดกำลังการผลิตลง และมีสัญญาณของ Demand ที่เพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdowns ในประเทศต่าง ๆ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent เดือนมิถุนายนซื้อขายกันอยู่ที่ระดับประมาณ 17 $/บาร์เรล และ 26 $/บาร์เรล ตามลำดับ
สำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ประกาศตัวเลขในถังถักเก็บน้ำมันของสหรัฐฯ ต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เล็กน้อย โดยมีน้ำมันใน Storage เพิ่มขึ้น 8.99 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2020 เราจะพบว่า Stocks น้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เกิดการระบาดของ Coronavirus และสงครามราคาน้ำมัน
The Strategic Petroleum Reserve (SPR) แหล่งกักเก็บน้ำมันสำรองเชิงกลทยุทธ์ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ซึ่งมีความสามารถในการกักเก็บน้ำมันกว่า 713.5 ล้านบาร์เรล แต่ข้อมูลเมื่อกลางเดือนเมษายน 2020 ระบุว่าได้ใช้พื้นที่กักเก็บไปแล้วกว่า 635 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็นมากกว่า 89%
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า บริษัทด้านพลังงาน 9 แห่ง นำโดย Chevron Corp, Exxon Mobil Corp และ Alon USA Inc. ได้ทำการขอเช่าพื้นที่ SPR ของสหรัฐฯ เพื่อที่จะกักเก็บน้ำมันกว่า 23 ล้านบาร์เรล
กำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ จะลดลง 2 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนพฤษภาคม ขณะที่ Demand ใน Gasoline และ Diesel ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย คิดเป็นประมาณ 549,000 บาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ Canada ยังได้ประกาศว่า Supply ในประเทศลดลงถึง 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ส่วน Demand น้ำมันทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นในตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากประเทศจีนที่เริ่มเปิดให้ธุรกิจบางส่วนกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ความกังวลในเรื่องพื้นที่กักเก็บยังคงเป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนในตลาดน้ำมัน ณ ปัจจุบันนี้ และยังไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่ชัดเจนว่าราคาจะดีดกลับขึ้นมาเกินกว่า 45 $/บาร์เรล ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เลย นอกจากจะมีคนเข้าไปอุ้มราคาไว้ด้วยเงินจำนวนมหาศาล
ที่สำคัญคือยังมีเรือบรรทุกน้ำมันอีก 43 ล้านบาร์เรลจากซาอุฯ กำลังมุ่งหน้าไปยังท่าเรือของสหรัฐฯ และแน่นอนว่าจะเกิดภาวะ Oversupply ขึ้นสำหรับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐฯ
ธุรกิจน้ำมันบางส่วนจำเป็นต้องปิดตัวลง แม้ว่ารัสเซียและ OPEC+ จะให้ความร่วมมือในการช่วยบรรเทาผลกระทบจาก Coronavrius
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) กล่าวว่า "แม้จะมีความร่วมมือกันในหลายประเทศ แต่ธุรกิจน้ำมันบางส่วนยังคงต้องปิดตัวลงจากปัญหา Oversupply"
ผลกระทบจาก Coronavirus ในปัจจุบันได้ทำให้กิจกรรมการจราจรบนท้องถนนทั่วโลกลดลง 50% ขณะที่ Demand ในเที่ยวบินต่าง ๆ ของยุโรปลดลงกว่า 90%
ล่าสุดในวันนี้ (30/04/2020) Royal Dutch Shell Plc หรือ "ปั๊ม Shell" ที่เรารู้จักกันดี ได้ลดการจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของบริษัท Shell และอุตสาหกรรมน้ำมันอื่น ๆ หลังจากบริษัท Shell ซึ่งเป็นผู้ชำระเงินรายใหญ่ที่สุดของดัชนี FTSE-100 ได้ทำการลดสัดส่วนเงินปันผลลงถึง 2 ใน 3 หรือประมาณ 66% สู่ระดับ 0.16 Cents/หุ้น จากระดับเดิม 0.47 Cents/หุ้น
Ben van Beurden ซึ่งเป็น CEO ของบริษัท Shell กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า "เราจำเป็นต้องปรับปรุงอัตราเงินปันผลลงไปสู่ระดับที่เราเชื่อว่าจะสามารถจ่ายได้ และบริษัทกำลังวางแผนที่จะดำเนินการลงทุนซื้อขายสินค้าด้านพลังงานต่อไป"
นอกจากนี้ Shell ยังเปิดเผยอีกว่า รายรับจากการถือหุ้นของนักลงทุนในไตรมาสแรกของปี 2020 ลดลงกว่า 46% สู่ระดับ 2.9 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ 5.3 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรกของปี 2019
ราคาหุ้นของ Shell ลดลงกว่า 7% สู่ระดับต่ำสุดของมาตราฐานในตลาดฝั่งยุโรป และอัตราส่วนเงินปันผล (Dividend Yield) ลดลงจากระดับ 10% สู่ระดับ 3.8% รวมถึงหุ้น Shell B Share ลดลงกว่า 8% หลังมีข่าวออกมา
ส่วนทางฝั่งบริษัทด้านพลังงานยักษ์ใหญ่แห่งอื่น ๆ อย่างเช่น Exxon Mobil Corp ก็ได้ประกาศหยุดจ่ายเงินปันผลเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี
โดยรวมแล้ว Shell จะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้กว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ สำหรับการปรับลดอัตราเงินปันผลลง และเรามีแผนที่จะลดค่าใช้จ่ายให้ได้ถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปีนี้
Analysis By World Maker
(1.) โดยสรุปแล้วก็คือตลาดน้ำมันปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในปัจจุบัน จากข่าวต่าง ๆ ที่ออกมาอย่างเช่นการผ่อนคลายมาตรการ Lockdowns และ Demand ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
(2.) อย่างไรก็ตามความกังวลหลัก ซึ่งก็คือเรื่องของการ Oversupply ยังไม่หายไปจากตลาด และยังถูกจับตามองโดยนักลงทุนอย่างใกล้ชิด
(3.) ราคาในปัจจุบันไม่ได้ถือว่าอยู่ในระดับปลอดภัยต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯ เลยแม้แต่น้อย ขอย้ำอีกครั้งว่าราคาที่ปลอดภัยคือ 45 $/บาร์เรลขึ้นไป
(4.) ในช่วงใกล้หมดสัญญาเราอาจเห็นการเทขายอย่างรุนแรงเกิดขึ้นอีกครั้งก็เป็นได้ และสภาพตลาดในปัจจุบันยังคงอยู่ท่ามกลางความปั่นป่วน เพราะฉะนั้นจงอย่าปักใจเชื่อว่าสถานการณ์ได้ดีขึ้นแล้ว แต่ให้พิจารณาตัวเลขจากหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้น
(5.) ความเสี่ยงสำหรับคลื่นลูกที่ 2 ของการระบาดยังคงมีอยู่มาก และไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่ชัดเจนว่ายา หรือวัคซีนรักษา จะสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(6.) แน่นอนว่าหากเปิดประเทศแล้วเกิดการระบาดหนักขึ้นกว่าเดิม เศรษฐกิจจะยิ่งทรุดตัวลงอย่างรุนแรงมากกว่าเกิน ข้อให้พึงระวังความเสี่ยงตรงนี้ไว้เสมอครับ เล่นกับความไม่แน่นอน ก็ต้องรู้จักบริหารความเสี่ยงครับ
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา