5 พ.ค. 2020 เวลา 02:13 • ข่าว
Oil Update : ตลาดน้ำมันล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญตัดความเป็นไปได้ของการฟื้นตัวแบบ V-Shape ออกไป ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 20 $/บาร์เรล
Demand น้ำมันทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำต่อไปเรื่อย ๆ ขณะที่สัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังดูไม่มีอะไรแน่นอนนัก โดยความเห็นของผู้เชี่ยวชาญนั่นแตกต่างกันไป
Joe Gorder ซึ่งเป็น CEO ของ Valero Energy Corp. บริษัทกลั่นน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ กล่าวว่า "ผู้คนเริ่มที่จะออกมานอกบ้านมากขึ้น และเริ่มใช้รถของพวกเขา ผมคิดว่านี่เป็นสัญญาณที่ Demand จะเริ่มฟื้นตัว"
"ข้อมูลสภาพการจราจรใน แซนแอนโทนีโอ, บาร์เซโลนา และปักกิ่ง รวมถึงยอดขายของปั๊มน้ำมันต่าง ๆ ทำให้เรามองว่าตลาดได้ผ่านจุดต่ำสุดไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่กลางเดือนเมษายน 2020"
Marco Dunand ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Mercuria Energy Group Ltd. ซึ่งเป็น 1 ใน 5 บริษัทซื้อขายน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก กล่าวว่า
"ตอนนี้เศรษฐกิจกำลังเริ่มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ และผมเชื่อว่าเราได้เห็นจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม อัตราการฟื้นตัวนั้นเป็นไปในระดับที่ช้ามาก ๆ (Extremely Slow)"
นักเทรดน้ำมันมองว่าตลาดจะใช้เวลาในการฟื้นตัวอย่างน้อยที่สุด 1 ปี จนกว่า Demand น้ำมันทั่วโลกจะกลับไปสู่ระดับประมาณ 100 ล้านบาร์เรล/วัน หรือในอีกกรณีที่แย่กว่านั้นคือ Demand จะไม่กลับไปสู่ระดับเดิมอีกแล้ว"
สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกมีมุมมองไปไหนทิศทางเดียวกันก็คือ "เศรษฐกิจจะไม่สามารถฟื้นตัวแบบ V-Shape ได้ในครั้งนี้ โดยในปัจจุบันคาดการณ์ส่วนใหญ่กำลังพุ่งเป้าไปที่การฟื้นตัวแบบ U-Shape ซึ่งมีความสัมพันธ์กับภาวะทรุดตัวในระยะยาว หรือที่แย่กว่านั้นคือ L-Shape หรือก็คือการที่ Demand จะไม่กลับไปสู่จุดเดิมได้อีกแล้ว
Comment : ตรงนี้ World Maker วิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวเป็น U-Shaped มากกว่า L-Shape ครับ แต่เห็นตรงกันว่าจะใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานทีเดียว ส่วนตลาดน้ำมันนั้น หากจะมองในระยะยาวจริง ๆ คงต้องบอกว่า Demand มีแนวโน้มสูงที่จะไม่กลับไปสู่จุดเดิมอีกแล้ว
เนื่องจากต่อไปโลกจะพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นพลังงานทดแทนได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะมีต้นทุนถูกกว่า และใช้งานได้ประหยัดกว่า ทำให้คนเราจะเริ่มหันไปใช้เทคโนโลยีใหม่แทน หรือจะพูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ "น้ำมันเป็นสินทรัพย์ที่จะมี Demand ลดลงเรื่อย ๆ ในอนาคต" นั่นเองครับ
สำหรับธุรกิจสายการบินนั้น แน่นอนว่าไม่มีความหวังเลยที่ Demand จะฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับเดียวกับปี 2019 ได้ในระยะสั้น โดยคาดการณ์ทั่วโลกเห็นตรงกันว่าจะใช้เวลาอย่างต่ำ 2 ปีสำหรับการฟื้นตัว
ค่าเฉลี่ยจากมาตราวัดต่าง ๆ ระบุว่า Demand น้ำมันทั่วโลกได้หายไปประมาณ 30 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนเมษายน 2020 ซึ่งหมายความว่าการฟื้นตัวกลับมาจะเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวด
IEA ได้คาดการณ์ระดับการบริโภคน้ำมันทั่วโลกไว้ดังนี้
(1.) พฤษภาคม 2020 : ลดลง 25.8 ล้านบาร์เรล/วัน
(2.) มิถุนายน 2020 : ลดลง 14.6 ล้านบาร์เรล/วัน
(3.) ธันวาคม 2020 : ลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล/วัน
หมายเหตุ : ทั้งหมดเทียบกับระดับในปี 2019
"โดยรวมแล้ว เราอยู่กำลังอยู่ในจุดที่ความเสียหายได้แพร่ระจายอย่างยืดเยื้อ แม้ว่าเราจะอาจจะผ่านจุดต่ำสุดของ Demand ไปแล้ว แต่เรายังไม่ผ่านจุดต่ำสุดของ Supply ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เกิดความเสถียรของราคาน้ำมันในอนาคต" Olivier Jakob กรรมการผู้จัดการของ Petromatrix GmbH. กล่าว
Hint : จุดต่ำสุดของ Supply หมายถึงอะไร ? ทำไมถึงจะเกิดขึ้น ? เป็นไปได้ไหมว่านั่นหมายถึงการปิดตัวลงของบริษัทน้ำมันหลายแห่ง ? อันนี้ World Maker ฝากไว้ให้คิดครับ
"การฟื้นตัวจะต้องใช้เวลา โดยจะมีน้ำมันดิบและน้ำมันกลั่นที่ไม่สามารถขายได้ ถูกนำไปบรรจุไว้ในถังกักเก็บมากขึ้นจนเดือนมิถุนายนเป็นอย่างน้อย"
Comment : มาถึงตรงนี้ World Maker อยากให้ผู้อ่านคอยติดตามไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วงใกล้หมดระยะเวลาซื้อขายของสัญญาน้ำมันดิบ WTI ในประมาณกลางเดือนนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงว่าราคาน้ำมันอาจโดนเทขายกลับมาสู่จุดติด - อีกครั้งก็เป็นได้
สำหรับการฟื้นตัวของ Demand จากรูปด้านบนเราจะเห็นได้ว่าในชั่วโมงเร่งด่วนของกรุงปักกิ่ง การจราจรเริ่มกลับมาแน่นหนาเหมือนในปี 2019 แล้ว แต่ในช่วงวันหยุด Demand กลับทรุดตัวลงไปอยู่ในระดับเดิม
นั่นหมายความว่าผู้คนกำลังออกจากบ้านเพราะเหตุผลในเรื่องงาน แต่ยังมีความกังวลในเรื่องของสุขภาพ และการจับจ่ายใช้สอยอยู่ (พูดง่าย ๆ คือออกไปทำงาน แต่ไม่ค่อยใช้จ่าย และไม่ค่อยเที่ยวนั่นเอง)
และยังมีอีกหนึ่งความกังวลหลักที่ผู้อ่านไม่ควรลืมก็คือ "คลื่นลูกที่ 2 ของการระบาด" ซึ่งเมื่อชั่งน้ำหนักเรื่องนี้กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันแล้ว World Maker สามารถสังเคราะห์เป็นข้อเท็จจริงออกมาได้ดังนี้
(1.) ปัจจุบันยังไม่มียาใดที่รับประกันอย่างเป็นทางการว่าจะรักษา Coronavirus ได้ แม้แต่ Remdesivir ก็ยังไม่ได้มีการรับประกันจาก WHO และผู้เชี่ยวชาญอีกหลายกลุ่ม
Comment : เรื่องนี้เห็นข่าวออกมาเยอะมาก ถ้าคุณหมอท่านใดผ่านมาอ่านบทความ และมีความรู้เรื่องนี้ ได้โปรดช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมใต้คอมเม้นหน่อยนะครับ ว่ายานี้มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคได้จริงหรือไม่
(2.) ชาวอเมริกันส่วนมากคัดค้านการ Lockdowns อย่างหนัก และออกมาประท้วงกันอย่างมากมาย ซึ่งแน่นอนว่ามันเสี่ยงมากที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์ Super Spread ในขณะที่พวกเขายังไม่มียารักษาโรคใช้ในปัจจุบัน
(3.) ลองคิดต่อไปว่า แม้รัฐบาลจะยกเลิกมาตรการ Lockdowns อย่างรวดเร็ว และทำให้เศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าได้ในเบื้องต้น แต่ถ้าเรายังไม่มียารักษาโรค และเกิดการระบาดรอบที่ 2 ขึ้นมาจริง ๆ ความตายของผู้คนจำนวนมากขึ้น จะยิ่งส่งผลให้เศรษฐกิจทรุดตัวลงหนักกว่าเดิมแน่นอน
(4.) ตราบใดที่ผู้คนยังมีความกังวลอยู่ การฟื้นตัวของ Demand ในครั้งนี้จะเป็นเพียงการฟื้นตัวในระดับเดียว ไม่ใช่การฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องเป็นขั้นบันได โดยเหตุผลที่เป็นเช่นนั้น ก็เนื่องมาจากว่า "ผู้คนยังมองไม่เห็นบันไดขั้นต่อไปที่จะคลี่คลายความกังวลลงได้มากกว่านี้"
ปริมาณ Supply ของน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8 แสนบาร์เรล/วัน ไปสู่ระดับ 5.9 ล้านบาร์เรล/วัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังต่ำกว่าระดับ 9 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงก่อนเกิดการระบาด
เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน 2020 บริษัทโรงกลั่นทั้งหลายระบุว่า Demand น้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ อยู่ที่ 55% จากระดับปกติ และเพิ่มเป็น 64% สำหรับค่าเฉลี่ยใน 7 วันที่ผ่านมานี้
ทางฝั่งสเปน ซึ่งเป็น 1 ในประเทศที่มีมาตรการ Lockdowns เข้มงวดที่สุดในยุโรป ล่าสุดพบว่า Demand น้ำมันเบนซินลดลง 75% ซึ่งดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงกลางเดือนเมษายนที่ลดลงไปถึง 81% และ 83% ในช่วงปลายเดือนมีนาคม (อ้างอิงจากข้อมูลรายสัปดาห์ของ CLH Group)
สำหรับอังกฤษ Demand สำหรับเชื้อเพลิงบนท้องถนนลดลง 55-60% จากระดับก่อนหน้าที่จะมีการระบาด ซึ่งดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการลดลง 65-70% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (อ้างอิงจากข้อมูลของ Petrol Retailers Association)
ข้อมูลทั้งหมดบอกเราว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างร่อแร่ (Marginally) แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็คาดการณ์ว่าเราผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว" Torbjorn Tornqvist หัวหน้าฝ่ายซื้อขายสินค้า Commodity ของ Gunvor Group Ltd กล่าว
อย่างไรก็ตาม Torbjorn Tornqvist ได้กล่าวเตือนว่า "ราคาน้ำมันจะไม่ปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 40 $/บาร์เรล จนกว่าจะสิ้นปี 2021 และเราจะต้องใช้ระยะเวลานานในการปรับสมดุลให้แก่ตลาด"
Comment : ถ้าราคาน้ำมันดิบ WTI เป็นตามที่ Torbjorn Tornqvist คาดการร์ไว้ พวกเรารอดูบริษัท Shale Oil ล้มละลายกันเป็นโดมิโน่ได้เลยครับ
อัพเดตอื่น ๆ ที่น่าสนใจในตลาดน้ำมัน
(1.) ราคาซื้อขายของสัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือน June ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 20 $/บาร์เรล
(2.) ราคาซื้อขายของสัญญาน้ำมันดิบ Brent เดือน June ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 28 $/บาร์เรล
(3.) ความเป็น Contango* ของสัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลงน้อยลง
* Contango คือ ระยะห่างระหว่างราคาที่เพิ่มขึ้นของสัญญาน้ำมันดิบในเดือนนั้น ๆ เทียบกับเดือนถัดไป หรือจะพูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ ราคาในเดือนหน้า เริ่มปรับตัวลงมาใกล้กับราคาในปัจจุบันมากขึ้น และนั่นหมายความว่า "ระดับราคาน้ำมันในอนาคตอาจไม่เพิ่มขึ้นไปอย่างรวดเร็ว"
(4.) น้ำมันสำรองของ OPEC+ เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 3 ทศวรรษ ขณะที่ OPEC+ ตัดสินใจลดกำลังการผลิตลงแล้วกว่า 20% ในปัจจุบัน
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา