5 พ.ค. 2020 เวลา 04:25
ในช่วงกักตัวนี้ หลายคนคงกระทบกับงานหลากหลายอาชีพไม่น้อย แต่มีอาชีพหนึ่งที่ สามารถทำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่กระทบเลย คงจะเป็นอาชีพ "ข้าราชการ" ที่ไม่ว่าสถานการณ์อะไรเกิดขึ้น ก็ยังได้รับเงินเดือนตามปกติ
ภาพ: brandinside.asia
วันหนึ่งแม่พูดกับข้าพเจ้าว่า "ทำงานเป็นครูเถอะลูก อย่างน้อยก็ไม่อดตายอย่างวิกฤตแบบนี้ ไม่รู้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่" แอดได้แต่ยิ้ม โดยไม่พูดอะไรออกไป เพราะเข้าใจความหวังดีของท่าน
พ่อและแม่ข้าพเจ้า รับราชการเป็นครูและผอ.ที่บ้านนอก ถือได้ว่าคลุกคลีกับวงการข้าราชครูมาตั้งแต่เกิด เพราะไม่เพียงแต่พ่อกับแม่ แต่พี่สาวแท้ๆญาติพี่น้อง คุณป้า อา เกือบทุกคน ก็เป็นครู
งานสังคมต่างๆที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก และ 'โรงเรียน' ณ ตอนนั้น ข้าพเจ้านึกภาพอาชีพอื่น ไม่ออกจริงๆ นอกจาก พยาบาล ทหาร หมอ ตำรวจ และ 'ครู'
จนกระทั่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทางบ้านอยากให้รับข้าราชการครูเหมือนกับท่าน และพี่สาว ข้าพเจ้ารู้สึกว่าทำไมต้องเป็นครู ไม่ใช่ว่าไม่ชอบอาชีพนี้เลย เพราะแอดชอบการสอนมาก เพียงแต่แอดรู้สึกเบื่อ ที่เจออาชีพครูมาทั้งชีวิต อยากไปเจอโลกภายนอกบ้าง เลยสงสัยว่า แล้วอาชีพอื่นดีๆ มันไม่มีเลยหรือ จึงตัดสินใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพ เพราะคิดว่ามันน่าจะเจอลู่ทางหรือโอกาสให้เราเจอคนเก่งๆและได้ทำงานที่แปลกใหม่
ภาพ: thaihealth
จากเด็กบ้านนอก เข้าไปเรียนที่กรุงเทพ จำได้ว่าเห็นพนักงานออฟฟิศ ที่ห้อยป้ายตรงคอแล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก อาจเป็นเพราะเราไม่เคยเห็นอาชีพนี้ตอนเด็กๆ ประกอบกับสมัยนั้นชอบอ่านนิตยสารซึ่งมักจะพูดถึงสาวออฟฟิศอยู่บ่อยๆ ข้าพเจ้ามองคนเหล่านี้ไม่หยุด สงสัยว่าอาชีพพวกเขาทำงานกันอย่างไร ในระหว่างพักรับประทาทนอาหารเที่ยง
แอดสังเกตว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่กระฉับกระเฉงและแอคทีฟสูงมาก เนื่องจากต้องรีบกินข้าวแล้วรีบขึ้นบริษัท เลยเริ่มหาคอนเนคชั่น คนที่ทำงานเกี่ยวกับบริษัท และคนในวงการต่างๆมากมาย บริษัทสื่อ นักเขียน นักวิทยาศาสตร์ บุคคลมีชื่อเสียงมากมาย ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้จักคนมากมายที่ไม่ใช่เพียงข้าราชการครูแล้ว
มีเพื่อนคนหนึ่งบ่นกับข้าพเจ้าว่า จบไปไม่อยากทำงานเป็นลูกน้องในบริษัท เพราะเป็นชีวิตที่น่าเบื่อมาก สู้มาเปิดทำธุรกิจเองดีกว่า ข้าพเจ้าคิดว่าจะมองแบบนั้นก็คงไม่ผิด งานทุกอย่าง
หากไม่ได้ทุ่มเทและรักที่จะทำ ก็คงเป็นเหมือนกันทุกอาชีพ แต่ในมุมข้าพเจ้านั้น อย่างที่บอกไปข้างต้น เรารู้สึกตื่นเต้นกับพนักงาน และรู้ว่าการเป็นพนักงานในบริษัท จะหล่อหลอมเราให้เก่งขึ้นมาก ก่อนที่เราจะยืนด้วยตัวเองได้
ภาพ: www.cigna.co.th
ก่อนจะเป็นนายคนก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นลูกจ้างคนเสียก่อน สิ่งนี้จะเป็นเกราะป้องกันเราถึงการทำงานในหลากหลายแง่มุมทั้งตัวผู้จ้างและผู้ถูกจ้าง บริษัทจึงจะเติบโตได้ เราไม่ได้ทำงานเดียวไปตลอดชีวิตหนิ
ประเด็นของแอดคือ ข้อดีของการทำงานในบริษัทมีหลากหลายประการมาก เนื่องจากคุณต้องทำผลงาน เพราะมีการแข่งขันสูงมาก จึงต้องมีความกระตือรือล้นสูง และแอคทีฟตลอดเวลา คุณถึงจะอยู่ในบริษัทได้ และเลื่อนตำแหน่งในระดับที่สูงขึ้น หากไม่มีสิ่งที่กล่าวมานี้ นายจ้างสามารถไล่เราออกได้ทุกเมื่อ
นอกจากนั้น ยังเป็นงานที่มีความท้าทาย ให้เราได้ครีเอทีฟสิ่งใหม่ๆ ได้วางแผนกลยุทธ ตลอดเวลา ในทางกลับกัน อาชีพข้าราชการอาจมีความแอคทีฟและความท้าทายน้อยกว่า
เพราะมีเงินเดือนประจำอยู่แล้วและถูกไล่ออกไม่ได้หากไม่ผิดจรรยาบรรณ จึงไม่ต้องแข่งขันกับใคร เพียงแต่เป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะ เมื่อทำไปนานๆก็จะยิ่งชำนาญมากขึ้น
ทั้งสองอาชีพจึงเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียที่แล้วแต่ตัวเราเองต้องการแบบไหน ชอบงานที่ให้ความท้าทาย หรืองานที่ Safe Zone ทุกงานล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น
แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นมาก ก็คงไม่พ้นการค้นพบตัวเองกับสิ่งที่เรารักและอยู่กับมันไปตลอดชีวิต
5 พฤษภาคม 2563
ท่านเด็ก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา